"ร็อคเทค" ชี้ "บีทีเอส" หนุนรับงานใหญ่ ดันรายได้โต 20%
ROCTEC ชี้กลุ่ม BTS ถือหุ้นใหญ่ หนุนโอกาสรับงานโครงการขนาดใหญ่ทั้งใน-นอกกลุ่ม สลัดภาพผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้าน ผันธุรกิจมุ่งเป็น “ผู้ให้บริการไอซีที” ครบวงจรระดับภูมิภาค ด้วยสัดส่วนรายได้ 85% มีฐานลูกค้าหลักที่ฮ่องกงเกือบ 70% เป้ารายได้งวดงบ 67/68 โต 20%
นายเว่ย แซม แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นผู้นำธุรกิจไอซีที (ICT Solutions) ให้บริการด้านงานระบบครบวงจรด้วยสัดส่วนรายได้ 83-85% ส่วนงานด้านบริการและผลิตสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out of Home Media) มีสัดส่วนรายได้ 15-17%
โดย ROCTEC ได้เปลี่ยนผ่านจากภาพลักษณ์ผู้ผลิตสื่อโฆษณา ผันองค์กรเข้าสู่ผู้ให้บริการระบบไอซีทีระดับภูมิภาคนับแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2566 พร้อมด้วยการเข้ามาของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ผนวกองค์ความรู้ประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ในธุรกิจบริการไอซีทีสายงานระบบคมนาคมขนส่ง
เดือนธ.ค.2566 มีการบริษัทเปลี่ยนชื่อบริษัทและชื่อย่อหลักทรัพย์จาก MACO เป็น ROCTEC กระทั่งต่อมา เดือนมิ.ย. 2567 ย้ายหลักทรัพย์จากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ มาสู่กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัทได้ปรับโครงสร้างต่างๆ ต่อเนื่อง รวมถึงกำหนดทิศทางดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นในธุรกิจบริการไอซีที ได้แก่ ด้าน Transformative Innovation และ Communication Solutions ประกอบด้วย
1. ธุรกิจงานระบบครบวงจร (Integrated Technology Solutions) อาทิ การบริการด้านเครือข่ายข้อมูล (Data Network Solutions) , การบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Solutions) และการบริการด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม (Innovative Technology Solutions) 2. ธุรกิจงานระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solutions) 3. ธุรกิจงานสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิตอล (Digital Display Solutions)
โดยบริษัทมีกลุ่มฐานลูกค้าเป้าหมายครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน หลากหลายภูมิภาคประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ 1. ฮ่องกง ให้บริการด้านเครือข่ายข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการหลัก, โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์, นวัตกรรมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง e-transformation ของ MTR, ผู้จัดหาจอแสดงผลและระบบสื่อสารด้านในของรถไฟที่ใหญ่ที่สุด 2. ไทย โซลูชันจอแสดงผลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด, โซลูชันจอแสดงผลด้านในรถไฟฟ้า
3. สิงคโปร์ ผู้จัดหาระบบจอแสดงผลสถานีสำหรับ MRT, CCTV และระบบสื่อสารในขบวนรถไฟ 4. เวียดนาม ระบบจอแสดงผลดิจิทัล, จัดหา LED Screen สำหรับสื่อ OOH ให้กับ Media agency รายใหญ่ของเวียดนาม และ 5. มาเก๊า ระบบ CCTV สถานีสำหรับ MLRT, ระบบควบคุมและการตรวจสอบวิดีโอสำหรับ MLRT
ทั้งนี้เฉพาะงานไอซีทีสัดส่วนรายได้หลักเกือบ 70% มาจากฮ่องกง ประเทศไทย 30% ที่เหลือเป็นที่อื่นๆ
“เรามองเห็นโอกาสในงานไอซีทีซึ่งมีดีมานด์มากที่ฮ่องกงโดยเฉพาะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ส่วนงานในประเทศไทยก็จะมีรถไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงรถไฟฟ้าระบบรางปกติที่ทยอยมีงานเรื่อยๆ อีกทั้งงาน Cyber Security ก็จะพ่วงมากับทุกอย่าง ด้านงานสื่อโฆษณาเราก็มีเรื่อยๆ และมีโอกาสเติบโต เพียงแต่สัดส่วนถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับไอซีที”
สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจ เน้นขยายฐานลูกค้าและรับโครงการใหม่ๆ ขยายธุรกิจบริการไอซีที (ICT Solutions) ในสนามบินในฮ่องกง และภาคขนส่งในไทย มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าโดยใช้โซลูชัน Smart Solutions ที่ประสบความสำเร็จจากฮ่องกง และเน้นส่วนงานวิจัย และพัฒนาจากภายในบริษัท (in-house R&D) ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และช่วยรักษาฐานลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนปกติรวม 100-200 ล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่ใช้ในธุรกิจสื่อโฆษณาเช่นการเปลี่ยนจอภาพแสดงผล และปรับปรุงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องให้ทันสมัยมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจไอซีทีจะใช้งบลงทุนน้อยเนื่องจากในการรับงานต่างๆ มักมีเงินหมุนเวียนรับเข้ามาเพียงต่อในแต่ละโครงการโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
โดยวางเป้าหมายการขยายตัวรายได้งวดปี 2567/2568 (1 เม.ย. 2567 -31 มี.ค. 2568) ที่ 20% ไปอยู่ที่ระดับ 3,100 ล้านบาท และมีเป้าหมายในระยะ 5 ปี มีรายได้ขยายตัวเฉลี่ยอย่างน้อย 10% ต่อเนื่อง ตัวเลข ณ สิ้นเดือนส.ค. 2567 ซึ่งปัจจุบันบริษัทจัดหางานในมือ (Backlog) ประมาณ 50% ของยอดรายได้ที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้แล้ว
นอกจากนี้ ความคืบหน้าปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขนั้น บริษัทคาดว่ากระบวนการทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับ ROCTEC จะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค. 2567 ซึ่ง ณ ปัจจุบัน BTS ถือหุ้น 17.26% ใน ROCTEC
สำหรับประโยชน์ที่บริษัทคาดจะได้รับ เช่น ความน่าเชื่อถือในแง่ภาพลักษณ์ในการเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ทั้งโครงการภาครัฐรวมถึงภาคเอกชน และความแข็งแรงฐานทุนสนับสนุนเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
อนึ่ง บริษัทใช้นโยบายรักษาฐานะการเงินให้แข็งแกร่งโดยมีตัวเลขหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่าต่อเนื่อง ซึ่งในงบการเงินล่าสุดสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 0.53 เท่า จึงมีความพร้อมสูงหากมีงานขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้ทุนจำนวนมากในอนาคต
อีกทั้ง ในระยะยาว ROCTEC สามารถเป็นผู้ให้บริการครบวงจรสำหรับความต้องการไอซีทีทั้งหมดในกลุ่ม BTS เป็นโอกาสที่มากขึ้นในการได้รับงานเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามสมดุลรายได้นอกเหนือจากงานที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่ม BTS ด้วย จากปัจจุบันมีงานที่เกี่ยวข้อง 70-80% ทว่ายังไม่สามารถประเมินตัวเลขงานที่แน่ชัดที่จะได้รับจากกลุ่มอื่นได้ เนื่องจากหาก BTS ได้งานที่เกี่ยวเนื่องโครงการขนาดใหญ่เช่น โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก หรือเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่ๆ บริษัทก็ย่อมต้องหาโอกาสเข้าไปร่วมประมูลรับงานด้วย
“การอยู่ภายใต้ BTS ทำให้เราได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าเดิม แล้วถ้ามีโปรเจกต์ใหญ่ๆ ที่เราต้องใช้เงินมากกว่าปกติการหาแหล่งเงินทุนก็จะง่ายกว่าเดิม ส่วนเป้าหมายการเติบโตเรากำหนดเองเป็นหลัก แต่ก็จะได้รับผลดีในแง่โอกาสถ้า BTS มีงานใหญ่ๆ เราก็น่าจะมีความพร้อมสูงไม่แพ้คู่แข่งอื่นๆ”