SET พุ่งไม่หยุด! สวนทาง EPS และความผันผวนที่มิอาจเลี่ยง
ลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2567 ยังมีทิศทางที่ดี โดยการลงทุนในไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของภาครัฐ โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ปัจจัยการเมืองที่คลี่คลายและมีเสถียรภาพ ส่วนตัวยังเชื่อว่าปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนมากกว่าปัจจัยเสี่ยง เพียงแต่ความผันผวนจะมีมากขึ้น
SET Index ในเดือนตุลาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 3% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยในช่วงแรกดัชนีได้แรงสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศ รวมถึงแรงซื้อจากสถาบันในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมาจากการที่กองทุนวายุภักษ์เริ่มทำการลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา อีกทั้ง ยังได้อานิสงส์จากการรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดี สะท้อนโอกาสในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลง อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยรบกวนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ทำให้นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนและติดตามปัจจัยเรื่องสงครามมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ ต่อมาภายหลังมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือนตุลาคม มีมติ 5 : 2 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 2.25% ผิดไปจากที่ตลาดคาด ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,500 จุด ปริมาณซื้อขายหนาแน่น
โดยปัจจัยสนับสนุนในประเทศมาจากเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ราว 1.5 แสนล้านบาท ประกอบกับความคาดหวังจากงบประมาณภาครัฐ มูลค่ากว่า 3.75 ล้านล้านบาท ที่เริ่มเบิกจ่ายได้ในเดือนตุลาคม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มจากการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 1.4 แสนล้านบาท ประกอบกับกองทุนวายุภักษ์ที่สามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ยังต้องจับตาดูคือเรื่องของ Valuation นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีการปรับลดประมาณการ Earnings per Share (EPS) หรือกำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยทั้งปี 2567 และ 2568 ต่อเนื่องสวนทางกับราคาหุ้นในตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราส่วนการประเมินมูลค่าต่าง ๆ (Multiples) ปรับตัวขึ้นเข้าสู่ระดับค่าเฉลี่ยหรือมากกว่าเป็นที่เรียบร้อย
สิ่งนี้สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อปัจจัยบวกที่ได้กล่าวมาข้างต้น โดยมีโอกาสสูงที่หลังจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนสูงขึ้นจากแรงขายทำกำไร การเปลี่ยนหน้าหุ้นไปกลุ่มที่ยังมีผลตอบแทนตามหลังตลาด หรือผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผิดคาด ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นักลงทุนยังต้องระมัดระวัง รวมถึงปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง ปัญหาเงินบาทที่แข็งขึ้นมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ไตรมาส 3/2567 และทิศทางนโยบายการเงินในประเทศหลังจาก กนง. ได้มีการเริ่มลดดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ที่จะเป็นอีกปัจจัยในการกำหนดทิศทางการลงทุนในระยะถัดไป
สำหรับ มุมมองการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2567 ยังมีทิศทางที่ดี โดยการลงทุนในประเทศไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของภาครัฐ โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ปัจจัยการเมืองที่คลี่คลายและมีเสถียรภาพ ส่วนตัวยังเชื่อว่าปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนมากกว่าปัจจัยเสี่ยง เพียงแต่ความผันผวนจะมีมากขึ้น จาก Valuation Multiples ของหุ้นหลายตัวเพิ่มขึ้นสวนทางแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ ที่นักวิเคราะห์ส่วนมากมีการปรับประมาณการลงทั้งของปีนี้และปีหน้า ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้มากขึ้นจากเรื่องของ Valuation ที่มีความตึงตัว โดยปัจจัยสำคัญที่ยังต้องติดตามคือปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนหน้า