เปิด 5 เศรษฐีหุ้นอสังหาฯ ดังของเมืองไทย

เปิด 5 เศรษฐีหุ้นอสังหาฯ ดังของเมืองไทย

เปิด 5 เศรษฐี หุ้นอสังหาฯ ดังของเมืองไทย ประทีป ตั้งมติธรรม ศุภาลัย มูลค่าพอร์ตการลงทุนมากสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 17,687.43 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่กว่า 11 หลักทรัพย์

แม้ว่า กระทรวงการคลังจะปลุกเร้ากระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ผ่านโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home และโครงการสินเชื่อ Happy Life และล่าสุดกำลังอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง" วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท แต่ในภาพรวมของตลาดหุ้นอสังหาฯ ยังไม่สดในเท่าที่ควร โดยในไตรมาส 4 ปี 2567 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากยอดขาย ยอดโอน ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยสูง ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเศรษฐีหุ้นเมืองไทยเบอร์ต้นๆ จะพบราชาในวงการอสังหาฯ ที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นที่มีมูลค่าการลงทุนผ่านบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 5 ราย (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 22 ต.ค.2567)

1.ประทีป ตั้งมติธรรม ถือหุ้นใหญ่ 11 หลักทรัพย์ มูลค่าพอร์ต 17,687.43 ล้านบาท 

  • BANPU ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน  141,475,798 หุ้น สัดส่วน 1.41% มูลค่า 898.37 ล้านบาท 
  • BLAND ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 451,537,900 หุ้น สัดส่วน 2.60 มูลค่า 275.44 ล้านบาท 
  • BR ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 53,616,400 หุ้น สัดส่วน 5.87% มูลค่า 101.87 ล้านบาท
  • PDJ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 56,512,358 หุ้น สัดส่วน 9.53% มูลค่า 118.68 ล้านบาท
  • RATCH ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 28,469,950 หุ้น สัดส่วน 1.31% มูลค่า 946.63 ล้านบาท
  • SCC ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 7,982,400 หุ้น สัดส่วน 0.67% มูลค่า 1,660.34 ล้านบาท
  • SCGD ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 6,807,843 หุ้น สัดส่วน 0.41% มูลค่า 48.68 ล้านบาท
  • SPALI ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 620,362,255 หุ้น สัดส่วน 31.76% มูลค่า 12,655.39 ล้านบาท
  • TPIPL ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 338,647,300 หุ้น สัดส่วน 1.79% มูลค่า 389.44 ล้านบาท
  • TPIPP ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 147,854,400 หุ้น สัดส่วน 1.76% มูลค่า 443.56 ล้านบาท
  • TTA ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 27,344,507 หุ้น สัดส่วน 1.50% มูลค่า 149.03 ล้านบาท

สำหรับหุ้น SPALI มีมาร์เก็ตแคป 40,428.22 ล้านบาท P/E 7.46 เท่า ราคาย้อนหลัง YTD +11.29% กำไรครึ่งปีแรก 2,212.54 ล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรก 12,806.90 ล้านบาท 

ปีนี้บริษัทฯ เปิดตัวโครงการแนวราบมากที่สุด ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ในไตรมาสแรกเปิดตัวมากถึง จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 14,990 ล้านบาท และยังเดินเกมรุกเพิ่มแชร์ตลาดบ้านเดี่ยวลักซ์ชัวรี่ เจาะลูกค้าระดับบน พัฒนาโครงการบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายมากขึ้น 56% จากปีที่ผ่านมา และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ อีกทั้งมุ่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ล่าสุดเปิดตัว 4 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ปักหมุด 4 ทำเลศักยภาพสูง มูลค่ารวมโครงการ 5,800 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 1.8 พันล้านบาท โต 13% q-q, โต 52% y-y จากยอดโอนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของคอนโดสร้างเสร็จใหม่ Supalai Loft Phasi Charoen Station รวมถึงรับรู้ยอดโอนของคอนโด 3 โครงการต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ขณะที่ Gross Margin ของการขยายอสังหาคาดขยับขึ้นเป็น 37.5%

อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าในออสเตรเลียจะลดลงจากปัจจัยฤดูกาลโมเมนตัมไตรมาส 4/67 ยังดีจากการเปิด 4 คอนโดใหม่หนุนยอด Presales ให้เพิ่มทั้ง q-q และ y-y เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 20.40 บาท แต่ Upside ค่อนข้างจำกัด แนะนำ “ถือ”



2.อนันต์ อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์ มูลค่าพอร์ต 17,171.54 ล้านบาท 

  • LH ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 2,860,000,047 หุ้น สัดส่วน 23.93% มูลค่า 17,160 ล้านบาท
  • MANRIN ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 14  จำนวน  366,400 หุ้น สัดส่วน 1.36% มูลค่า 11.54 ล้านบาท (ราคาปิด 16 ก.ย.67)

สำหรับหุ้น LH มีมาร์เก็ตแคป 73,490.74 ล้านบาท P/E 10.61 เท่า ราคาย้อนหลัง YTD -24.54% กำไรครึ่งปีแรก 2,248.05 ล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรก 13,666.30 ล้านบาท

ปีนี้จะมีโครงการทั้งหมดประมาณ 84 โครงการ มูลค่า 98,550 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 77 โครงการ มูลค่า 82,550 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ประมาณราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยในปี 2567 เท่ากับ 4 ล้านบาท (ปี 2566 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 9.6 ล้านบาท)

บล.ฟิลลิป คาดกำไรไตรมาส 3/67 ยังไม่ฟื้นตัว LH ยังสามารถทำธุรกิจโรงแรมได้ดี แต่ด้วยมีสัดส่วนรายได้ 33% ยังไม่สามารถชดเชยรายได้อสังหาฯที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง คาดว่ายังคงทำให้ไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิอ่อนตัวลงตาม อาจเห็นราคาหุ้นย่อตัวในช่วงนี้ แนะนำให้รอลงทุนรับไตรมาส 4/67 ที่จะมีกำไรพิเศษเข้ามา มองว่ากำไรไตรมาส 4/67 ฟื้นตัว q-q ได้ดี

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 3/67 คาด Presale 4.9 พันล้านบาท +13.7% q-q -12.5% y-y เพิ่มขึ้นจากส่วนของคอนโด 1.7 พันล้านบาท โครงการ ณ วันเวลา มีเปิดตึกใหม่ ส่วนแนวราบ 3.2 พันล้านบาท อ่อนตัว y-y และ q-q จากการแข่งขันที่สูงขึ้น กอปรกับ Backlog ยกมาที่ลดลง คาดยอดโอนอ่อนตัว y-y และ q-q ส่วนธุรกิจโรงแรม LH อยู่ในพื้นที่ prime location และมีโรงแรมใหม่ที่เข้ามาเสริมรายได้ในปีนี้อย่าง GCP Surawong, residence Inn รายได้ธุรกิจโรงแรมสูงขึ้น y-y และ q-q แม้ธุรกิจโรงแรมสามารถทำได้ดีแต่มีสัดส่วนรายได้ 33%ของรายได้รวม ยังไม่สามารถชดเชยรายได้อสังหาฯที่อ่อนตัวลงได้ คาดรายได้รวม 6.6 พันล้านบาท อ่อนตัว y-y และ q-q GPM รวม 28.4% อ่อนตัวลงต่อเนื่องจากรายได้อสังหาฯที่ลดลงทำให้ต้นทุนคงที่/หน่วยสูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรอ่อนตัว y-y และ q-q จาก HMPRO คาดกำไรสุทธิ 1,006 ลบ. -15.1%y-y -1.1%q-q แนะนำให้รอลงทุนรับไตรมาส 3/67 ที่จะมีกำไรพิเศษจากการขายศูนย์การค้าเข้ากอง REIT ราคาพื้นฐาน 6.90 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ"



3.ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือหุ้นใหญ่ 1 หลักทรัพย์ PSH ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 1,318,190,000 หุ้น สัดส่วน 60.23% มูลค่า 11,797.80 ล้านบาท

สำหรับหุ้น PSH มีมาร์เก็ตแคป 19,805.97 ล้านบาท P/E 22.15 เท่า ราคาย้อนหลัง YTD -25.21% กำไรครึ่งปีแรก 379.14 ล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรก 9,864.07 ล้านบาท

ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 27,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนที่ 25,500 ล้านบาท วางแผนเปิดโครงการใหม่ 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมดราว 29,000 ล้านบาท โดยมีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ที่จะแปลงเป็นรายได้ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท  โดยวางแผนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ ด้วยการเพิ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าในเซ็กเม้นต์ระดับกลาง-สูง พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ The Palm สู่ราคามากกว่า 30 ล้านบาท ที่นำความร่วมมือจากธุรกิจเฮลท์แคร์ในเครือเข้ามาผสานใช้ ให้เป็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งบริหารสินทรัพย์ที่มีในมือ โดยในปีนี้ตั้งเป้าในการ Re-Stock Landbank ด้วยงบ 10,500 ล้านบาท เพื่อมาต่อยอดการขยาย มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อจะคงสัดส่วนการพัฒนาตามกลุ่มลูกค้าราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทให้ไม่เกิน 40% และมากกว่า 7 ล้านบาท ให้มากกว่า 30%

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินราคาเป้าหมายของ PSH ที่  14.60 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดกำไรปี 67 จะเติบโต 11% และปี 68 เติบโต 8% งบดุลของบริษัทยังคงแข็งแกร่งสัดส่วน D/E ที่ 0.27 เท่า แนะนำ “Outperform” พร้อมตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% จากปีก่อนคาดหวัง GPM ที่ 30%

 


4.คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 2 หลักทรัพย์ มูลค่าพอร์ต 6,978.81 ล้านบาท 

  • SC ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 117,109,887 หุ้น สัดส่วน 2.74% มูลค่า 348.99 ล้านบาท
  • PR9 ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 292,062,500 หุ้น สัดส่วน 37.14% มูลค่า 6,629.82 ล้านบาท

สำหรับหุ้น SC มีมาร์เก็ตแคป 12,831.64 ล้านบาท P/E 6.20 เท่า ราคาย้อนหลัง YTD -8.54% กำไรครึ่งปีแรก 713.89 ล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรก 8,856.43 ล้านบาท

SC ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 65% แนวสูง 35% และ รายได้รวม 26,500 ล้านบาท จากธุรกิจหลากหลาย ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย แนวราบ-แนวสูง (engine 1) และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) และทุ่มงบลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท พร้อมลุยธุรกิจหลากหลาย ที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ มีจำนวนโครงการรวมทุกธุรกิจมากถึง 103 โครงการ

บล.กรุงศรี คาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของ SC จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/67 จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการ ที่จะเข้ามาหนุนต่อผลการดำเนินงาน โดยที่มี Backlog ราว 7 พันล้านบาท จาก 2 คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เข้ามา คาดว่าจะโอนเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 4/67 ราว 70% และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 68 ทำให้ไตรมาส 4/67 จะเป็นไตรมาสที่ SC มีโอกาสทำผลการดำเนินงานได้สูงที่สุดของปี

ขณะที่การขายบ้านหรูระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปยังทำได้ค่อนข้างดี และระดับราคาที่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทลงมาก็มีการทำแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ออกมา ซึ่งมีการปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้สามารถขายและระบายสต็อกรับรู้รายได้เข้ามาได้ อีกทั้งยังมีความน่าสนใจจากการที่ SC เป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่ดี และระยะยาวจะมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนใหม่ๆที่เริ่มทยอยลงทุนเข้ามาทั้งโรงแรม และคลังสินค้าให้เช่า


5.อนุพงษ์ อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่ 3 หลักทรัพย์ มูลค่าพอร์ต 6,701.53 ล้านบาท 

  • AP ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 670,047,561 หุ้น สัดส่วน 21.30% มูลค่า 6,599.97 ล้านบาท
  • LHFG ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 97,986,233 หุ้น สัดส่วน 0.46% มูลค่า 83.29 ล้านบาท
  • MANRIN ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 11 จำนวน 580,000 หุ้น สัดส่วน 2.16% มูลค่า 18.27 ล้านบาท (ราคาปิด 16 ก.ย.67)

สำหรับหุ้น AP มีมาร์เก็ตแคป 31,773.58 ล้านบาท P/E 5.99 เท่า ราคาย้อนหลัง YTD -10.62% กำไรครึ่งปีแรก 2,277.13 ล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรก 17,845.68 ล้านบาท

ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีโครงการเอพีพร้อมขายอยู่ทั่วประเทศจำนวน 212 โครงการ ประกอบด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่จำนวน 48 โครงการ มูลค่า 58,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 23,000 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 23 โครงการ มูลค่า 19,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 12,500 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จำนวน 164 โครงการ ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การเปิดโครงการใหม่ ๆ จำนวนมาก มูลค่ารวม 1.77 หมื่นล้านบาท รวมถึงโครงการคอนโด ฯ สองแห่ง คือ Aspire จตุจักรและ GoodDay สุขุมวิท93 มูลค่ารวม 3.9 พันล้านบาท ขณะที่ยอดโอนและการบันทึกเป็นรายได้ที่เหลือจากโครงการ Life พระราม 4-อโศก จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรหลัก แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่ากำไรไตรมาส 4/67 น่าจะชะลอตัว QoQ จากจุดสูงสุดของปีนี้ ดังนั้น เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ลง 7.5% อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท -20% YoY แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2568F ที่ 5.6 พันล้านบาท +15% YoY 

ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ Aspire อรุณ พรีเว่ มูลค่า 500 ล้านบาท ขายได้แล้ว 33%, โครงการ Aspire อิสรภาพ สเตชั่น มูลค่า 800 ล้านบาท ขายได้แล้ว 25%, โครงการ Aspire สุขุมวิท-พระราม 4 มูลค่า 4.6 พันล้านบาท ขายได้แล้วเกิน 75% และโครงการ Aspire อ่อนนุช สเตชั่น มูลค่า 3 พันล้านบาท ขายได้แล้วเกิน 80% มีกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์และบันทึกเป็นรายได้ในปีหน้า

โดยยังคงราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท อิงจาก PE ปี 2568F ที่ 6.6x เหมือนกับในบทวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ล่าสุดของเราเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 67 ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำซื้อ ขณะที่ ปัจจุบัน AP เทรด PE ปี 2568F ต่ำเพียง 5.7 เท่า (-0.5SD) และมี dividend yield สูงน่าสนใจราว 6%

เปิด 5 เศรษฐีหุ้นอสังหาฯ ดังของเมืองไทย