คาดวายุภักษ์ช้อปหุ้นไทย 5-6 หมื่นล้าน ดันหุ้น 3 อันดับแรก DELTA - ITC - GULF

คาดวายุภักษ์ช้อปหุ้นไทย 5-6 หมื่นล้าน ดันหุ้น 3 อันดับแรก DELTA  - ITC - GULF

บล.หยวนต้า คาดกองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นไปแล้ว 5-6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 33-40% ของยอดระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท ช่วยดันหุ้น SET50 3 อันดับแรกที่ Outperform คือ DELTA (+29%), ITC(+18%), GULF(+17%), ส่วนหุ้นที่ Underperform คือ TOP(-20%), PTTGC(-13%), SCC(-13%), OR(-13%)

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) โฟกัสผลงานของกองทุนวายุภักษ์เดือนแรก ถือว่าช่วยหนุนให้ SET INDEX เคลื่อนไหว Outperform ภูมิภาคได้ดี แม้ตลอดเดือน ต.ค. จะเคลื่อนไหวทรงตัว แต่ดีกว่า MSCI Asia ex Japan ที่ -4.6% และ MSCI Emerging Market ที่ -3.1% คาดว่าแรงซื้อจากกองทุนวายุภักษ์ยังเหลืออีกเดือนละ 2-3 หมื่นล้านบาทในเดือนพ.ย.- ธ.ค.2567  เมื่อผนวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และแรงกดดันด้านดอกเบี้ยที่ลดลง หลัง กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.25% เมื่อ 16 ต.ค.67

รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนประหยัดภาษี TESG ที่จะมากกว่าปีก่อน ตามสิทธิประโยชน์ในการประหยัดภาษีที่เพิ่มขึ้นคาดว่า  SET INDEX ยังมีโอกาส Outperform ภูมิภาคได้ในช่วงที่เหลือของปี นอกจากจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนแล้วยังช่วยรักษาน้ำหนักหรือเพิ่มน้ำหนักในดัชนีสำคัญทั้ง MSCI และ FTSE   กลุ่มนำตลาดยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มี SET ESG Ratings หรือเงินปันผลสูง 

        กองทุนวายุภักษ์เริ่มซื้อหุ้นตั้งแต่ 1 ต.ค.67 ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ

 1.SET INDEX เดือนต.ค. ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อีก +1.2%MTD อยู่ที่ 1,466 จุด แต่ SET50 INDEX ปรับตัวขึ้นแรงกว่า +2.5% MTD อยู่ที่ 937 จุด

 2.แม้อัตราเร่งการปรับขึ้นจะชะลอตัวจากเดือนก.ย. แต่ SET INDEX ยัง Outperform เมื่อเทียบกับ MSCI Asia ex Japan ที่ -4.6% MTD และMSCI Emerging Market ที่ -3.1% MTD

3.ต่างชาติขายสุทธิ -2.8 หมื่นล้านบาท ในเดือนต.ค. จากที่ซื้อสุทธิ +2.9 หมื่นล้านบาท ในเดือนก.ย. 67

4.กลุ่มที่ Outperform ตลาดในเดือนต.ค.67 คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (จากการปรับตัวขึ้นของ DELTAเป็นหลัก), สื่อสาร, และโรงไฟฟ้า  ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ วัสดุก่อสร้าง, ท่องเที่ยว, สินค้าเกษตร, ปิโตรเคมี

  5.หุ้นใน SET50 ที่ Outperform คือ DELTA(+29%), ITC(+18%), GULF(+17%), INTUCH(+16%), BTS(+10%), TRUE(+10%), WHA(+10%), ADVANC(+6%)

ส่วนหุ้นที่ Underperform คือ TOP(-20%), PTTGC(-13%), SCC(-13%), OR(-13%), SCGP(-12%), GPSC(-12%), CENTEL(-12%), OSP(-10%), TTB(-10%)

6.คาดกองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นไปแล้ว 5-6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 33-40% ของยอดระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท อิงยอดซื้อเฉลี่ยของกองทุนในประเทศเดือนต.ค.67 ที่ 6-7 พันล้านบาทต่อวัน สูงกว่าจากค่าเฉลี่ย YTD ที่ 4 พันล้านบาทต่อวัน คิดเป็นส่วนเพิ่มจากแรงซื้อของวายุภักษ์ที่ 2-3 พันล้านบาทต่อวัน

Index Ratio ระหว่าง SET : MSCI Asia ex Japan5 November 2024  วายุภักษ์ช่วยจำกัด Downside ช่วงที่เหลือของปีคาดว่ากองทุนวายุภักษ์จะซื้อหุ้นต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี อีกเดือนละ 2-3 หมื่นล้านบาท เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะทำให้มียอดถือครองหุ้นไทยราว 0.8-1.0 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 53-67% ของพอร์ตการลงทุน สูงกว่า Benchmark ที่อิงSET TRI 50%

กลุ่มนำตลาดในช่วงที่เหลือของปียังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มี SETESG Ratings หรือเงินปันผลสูง เช่น GULF, GPSC, BGRIM, ADVANC, CPALL, KBANK, CPAXT, STA, AMATA, THCOM, BDMS รวมถึง REIT&IFF ขนาดใหญ่ เช่น CPNREIT, LHHOTEL, 3BBIF เป็นต้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์