ความต่างทำให้ทุกคนแข็งแกร่ง กลยุทธ์พัฒนาบุคลากร “KFC”
ทุกแบรนด์ต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรของตนเองให้เติบโตและยั่งยืนมากขึ้น “KFC Thailand” ร้านขายไก่ทอดที่รู้จักกันทั่วโลกได้ตั้งเป้าในการรักษาแบรนด์ QSR (Quick Service Restaurant) อันดับหนึ่ง
KEY
POINTS
- “พนักงานมักจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อเมื่อเขารู้สึกเข้ากับทั้งเพื่อนร่วมงานและเป้าหมายของบริษัทได้ และเมื่อเขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนก็มักจะเติบโตและสร้างความสำเร็จไปกับบริษัทในระยะยาวเช่นกัน
- กลุ่มคน Gen Z และ มิลเลเนียม นับเป็น 60% ของตลาดแรงงาน มองหาบริษัทที่ลงทุนให้กับความก้าวหน้าของพวกเขา และมอบโอกาสให้พวกเขาได้สร้างสิ่งใหม่ๆ
- “ผู้บริหารองค์กรต้องทำให้ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการรับฟัง เปิดพื้นที่สำหรับทุกคนและทุกเสียง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือมาจากไหน เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน”
ทุกแบรนด์ต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรของตนเองให้เติบโตและยั่งยืนมากขึ้น “KFC Thailand” ร้านขายไก่ทอดที่รู้จักกันทั่วโลกได้ตั้งเป้าในการรักษาแบรนด์ QSR (Quick Service Restaurant) อันดับหนึ่ง และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในประเทศไทย โดยเน้นการมีส่วนร่วมเชิงบวกต่อชุมชนที่ให้บริการ
เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่ “KFC Thailand” ครองอันดับหนึ่งในวงการ QSR ซึ่งเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างการเติบโต ผ่านวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นประสิทธิภาพและขับเคลื่อนโดยหัวใจ ภายใต้การมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทที่พนักงานทุกคนอยากทำงานด้วยเสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ความต่างทำให้ทุกคนแข็งแกร่ง
“ซูเฮล ลิมบาดะ” Market Lead & Chief Marketing Officer KFC Thailand เล่าว่าเคเอฟซีสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับคน โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีแรงบันดาลใจในการมีส่วนร่วม ด้วยการมอบโอกาส สวัสดิการ และความยืดหยุ่นในการทำงาน เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีและการเติบโตในสายอาชีพของพนักงาน การให้ความสำคัญกับพนักงานจึงเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมองค์กร
“เคเอฟซีมุ่งมั่นสร้างสถานที่ทำงานสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity, and Inclusion) เพราะเชื่อว่าไอเดียที่ดี ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้จากทุกคน เช่นเดียวกับสิ่งที่ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งเคเอฟซียึดถือต้องยินดีต้อนรับทุกคนและทุกเสียงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เพราะความหลากหลาย คือสิ่งที่ทำให้ทุกคนมารวมกัน และความแตกต่างทำให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น”ซูเฮล กล่าว
ด้วยการผลักดันนวัตกรรมและยึดมั่นในรากฐานเดิมขององค์กร หมายถึงทุกสิ่งที่สร้างขึ้นต้องเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและสอดคล้องกับเทรนด์ล่าสุดทั้งระดับโลกหรือระดับท้องถิ่น รวมถึงการลงทุนเทคโนโลยีล้ำสมัยล่าสุดที่เกี่ยวเนื่องกับวิธีการสร้างร้านอาหาร วิธีการดำเนินธุรกิจทั้งในส่วนหน้าและหลังร้านอาหาร ปรับปรุงออฟฟิศให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพร้อมสำหรับอนาคต รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
“Heartstyles” พัฒนาพนักงานส่วนบุคคล
องค์กรให้ความสำคัญกับคน แนวคิด ทัศนคติและคาแรคเตอร์ก่อนเรื่องของทักษะและคุณวุฒิ เพราะต้องการสนับสนุนวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คือ การขับเคลื่อนด้วยหัวใจ เชื่อว่ากรอบความคิดที่ถูกต้อง ทุกคนสามารถเรียนรู้และเติบโตเพื่อสร้างผลงานที่มีคุณค่าให้กับแบรนด์และธุรกิจ
“พนักงานพัฒนาทักษะใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลง ผ่านการฝึกอบรม เวิร์คช็อป และการเข้าถึงแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังลงทุนในโปรแกรมการพัฒนาบุคลากรที่เรียกว่า ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเติบโตและการพัฒนาส่วนบุคคล เป้าหมายของเรา ต้องการทีมงานที่เป็นเลิศในทักษะตอบโจทย์การทำงาน อาทิ ทักษะดิจิทัล การสื่อสาร และความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ”ซูเฮล กล่าว
“เคเอฟซี ประเทศไทย” มีพนักงานทุกสาขารวมกันประมาณ 20,000 คน ซึ่งได้รวมคนจากหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ เพศ หรือประสบการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความหลายหลายของพื้นที่ที่ให้บริการ ฉะนั้นองค์กรไม่ได้มองหาแค่คนที่พร้อมจะก้าวสู่โลกอนาคตเท่านั้น แต่มองหาคนที่ยึดมั่นในค่านิยมหลักร่วมด้วย และมีการลงทุนทางด้าน AI และข้อมูล (Data) ให้พนักงาน
ยืดหยุ่น ปลดล็อกสู่ตำแหน่งไม่ดูปริญญา
นอกจากเรื่องของการเติมเต็มทักษะการทำงานที่จำเป็น รวมถึงการพัฒนาพนักงานเฉพาะบุคคลแล้ว เคเอฟซี ประเทศไทย มีรูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ มีความยืดหยุ่นด้านเวลา โดยพนักงานในส่วนของออฟฟิศ กับพนักงานหน้าร้านจะแตกต่างกันออกไปเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการทำงาน
“ซูเฮล” เล่าต่อไปว่าพนักงานKFC ประเทศไทยจะได้รับสวัสดิการและการดูแลที่ไม่ได้แตกต่างกัน โดยในส่วนของพนักงานในออฟฟิศนั้น จะเป็นการทำงานได้ทุกที่ ยืดหยุ่น มีวันพักร้อน 20 วัน เพื่อให้พนักงานทุกระดับสามารถสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ และมีโปรแกรม Heartstyle การฝึกอบรมพิเศษที่ช่วยให้ทุกคนค้นพบสไตล์การเป็นผู้นำที่เหมาะกับตัวเอง ไม่เพียงแค่ในเรื่องของการทำงาน แต่ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย
ขณะที่พนักงานหน้าร้าน จะมีตารางการทำงานแบบยืดหยุ่น สามารถกำหนดเวลากะให้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของตัวเอง ที่สำคัญปลดล็อกทุกคนสามารถสมัครงานและเข้าทำงานได้โดยไม่ต้องมีวุฒิการศึกษา (ขั้นต่ำต้องผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลกำหนด) และเมื่ออยู่กับเคเอฟซี จะมีความก้าวหน้าในการทำงาน เข้าสู่ตำแหน่งผู้จัดการร้าน ( RGM: Restaurant General Manage) ได้โดยไม่ต้องมีปริญญา รวมถึงมี Heartstyles: โปรแกรมที่ช่วยให้พนักงานค้นพบศักยภาพของตัวเอง
ผู้นำที่ดีต้องทำให้ทุกคนเคารพกัน
“โดยส่วนตัวผมหลงใหลในการเรียนรู้มากๆ และเชื่อว่าการพูดคุย การสื่อสาร จะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อแบ่งปันและเรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งจะเน้นการสื่อสารแบบเปิด (Open communication): โปร่งใส และเปิดเผยระหว่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อเข้าใจมุมมองของกันและกัน และมีสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนอกเหนือจากที่ทำงาน รวมถึงสร้าง ผู้นำแบบมีส่วนร่วม เพื่อสร้างทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการเป็นผู้นำ อาทิ วิธีการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกได้รับความเคารพ ความสนับสนุน และดึงศักยภาพของตนเองมาใช้ได้”ซูเฮล กล่าว
ความหลากหลายสามารถเกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม “เคเอฟซี ประเทศไทย” เป็นสถานที่ทำงานที่เปิดกว้างและส่งเสริมประสิทธิภาพ เรียนรู้วัฒนธรรมแห่งการเคารพซึ่งกันและกัน ฉะนั้น ผู้นำ ผู้บริหารองค์กรต้องทำให้ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการรับฟัง เปิดพื้นที่สำหรับทุกคนและทุกเสียง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครหรือมาจากไหน เพราะทุกคนเท่าเทียมกัน
ดึงGenZและมิลเลเนียมทำงาน
“ซูเฮล” เล่าด้วยว่าการดึงดูดคนมีความสามารถนั้นต้องมีมากกว่าประสิทธิภาพทางธุรกิจที่แข็งแรง กลุ่มคน Gen Z และ มิลเลเนียม นับเป็น 60% ของตลาดแรงงาน ซึ่งมองหาบริษัทที่ลงทุนให้กับความก้าวหน้าของพวกเขา และมอบโอกาสให้พวกเขาได้สร้างสิ่งใหม่ๆ คนกลุ่มอายุทั้งสองมักจะสนับสนุนและชอบทำงานกับแบรนด์ที่นอกจากจะมีเป้าหมายชัดเจนแล้วยังต้องสร้างสิ่งดีๆให้กับสังคม
อีกทั้ง เคเอฟซี ประเทศไทยและทุกแฟรนไชส์ของเคเอฟซี มุ่งมั่นในเรื่องความเท่าเทียมกันโดยเริ่มตั้งแต่การสรรหาบุคลากรที่ไม่คำนึงถึงเพศสภาพหรืออัตลักษณ์ สมาชิกหลายคนเคเอฟซี เพื่อนร่วมงานมีความหลากหลาย มี LGBTQIA+ พนักงานใหม่และบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งพนักงานทุกคนสามารถขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ไม่ปิดกั้นโอกาส
“พนักงานมักจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อเมื่อเขารู้สึกเข้ากับทั้งเพื่อนร่วมงานและเป้าหมายของบริษัทได้ และเมื่อเขารู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนก็มักจะเติบโตและสร้างความสำเร็จไปกับบริษัทในระยะยาวเช่นกัน”ซูเฮล กล่าว