"พิพัฒน์"เดินหน้าขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ400บาท" 1 ต.ค.นี้
“พิพัฒน์” ลั่นเดินหน้าขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ400บาท" รอบ 3 ปี 67 ใน 1 ต.ค.นี้ ยกเหตุผลเศราฐกิจสมดุล ขู่ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมอีกในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ถือว่าสละสิทธิ์
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2567 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าในการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 (บอร์ดค่าจ้าง หรือไตรภาคี) กรรมการฯ ฝ่ายนายจ้างติดภารกิจไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ ดังนั้น ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้าง จะมีการทำหนังสือเชิญประชุมอีกครั้งในวันที่ 20 ก.ย.นี้ จึงอยากขอความกรุณากรรมการฝ่ายนายจ้างทั้ง 5 ท่าน ควรจะเข้ามาใช้สิทธิของท่านในฐานะที่เป็นกรรมการไตรภาคี เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ(ค่าแรงขั้นต่ำ400บาท)
“แน่นอนว่าฝ่ายลูกจ้างมาครบ ฝ่ายรัฐมาครบ ขาดก็แต่ท่าน ถ้าหากท่านไม่มา ทางปลัดกระทรวงแรงงานคงมีมาตรการในการเดินหน้าในการประชุม เพราะระเบียบและกฎเกณฑ์การประชุมที่มีอยู่แล้ว แต่ดีที่สุดอยากจะเชิญกรรมการฝ่ายนายจ้างขอให้เข้ามาหารือในวันศุกร์ที่ 20 ก.ย.นี้ที่กระทรวงแรงงาน” นายพิพัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายจ้างไม่มา จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียน จากสภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าจังหวัดเกือบทุกจังหวัด ว่า ยังไม่พร้อมจะให้ขึ้นค่าจ้าง อย่างไรก็ตาม การจะพร้อม หรือไม่พร้อม ตนอยากให้มอง วันนี้เครื่องใช้ไม้สอย อุปโภค บริโภค ขึ้นราคาไปล่วงหน้าแล้ว หากรัฐบาลยังไม่ประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอีก คิดว่า ผู้ใช้แรงงานคงรับไม่ไหว ซึ่งยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยขณะนี้ไม่ค่อยดี ยังไม่ได้ฟื้นตัว
หลังจากนี้ที่น.ส.แพทองธาร เข้ามาบริหารประเทศ น่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแจกเงินให้ผู้ด้อยโอกาศ หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กว่า 12 ล้านคน และผู้พิการอีกราวๆ 2 ล้านคนเศษๆ รวมๆ ประมาณ 14.5ล้านคน งบประมาณ 1.45 แสนล้านบาท เมื่อเงินก้อนนี้เข้าสู่ระบบก็น่าจะทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจดีขึ้น เศรษฐกิจไทยก็น่าจะดีขึ้น
แต่ก่อนที่จะมีเงินอัดฉีดเข้าระบบ 1.45 แสนล้านบาท ขณะนี้งบประมาณกำลังใช้อย่างเต็มที่ และมีความมั่นใจว่า งบฯ 2567 แม้จะมาช้า แต่ในฐานะของกระทรวงแรงงาน และกระทรวงอื่นๆ ก็ได้มีการเร่งทำการจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อให้ทันในการสิ้นสุดปีงบฯ 2567 หรือ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ขับเคลื่อน หมุนเวียนได้ หลังจากนั้นมีอีก 1.45 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบก็เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจหมุนได้เร็วขึ้น
อีกทั้งวันที่ 1 ต.ค. ก็หวังว่า งบฯปี 2568 จะเข้าสู่ระบบอีกเช่นกัน ก็จะทำให้ปี 2567 ต่อเนื่อง ปี 2568 เศรษฐกิจของไทยจะเกิดการเจริญเติบโต จากการที่รมว.คลังให้สัมภาษณ์ว่า ปีนี้จะมีเศรษฐกิจโตไม่น้อยกว่า 2.4-2.6 ของจีดีพี หวังว่าเมื่อเงินเข้าสู่ระบบ แล้วช่วยกันใช้ หมุนเวียนมาก ทำอย่างไรให้ปีปฏิทิน 2567 เศรษฐกิจโตไม่น้อยกว่า 3% นี่คือเป้าหมายที่น่าสนใจ ถ้าทำได้ปีหน้าก็จะได้มั่นใจว่า จะมีโอกาสที่จะมีโอกาสจีดีพีสูงเกิน 3% อย่างตลาดหลักทรัพย์ สิ้นเศรษฐฐา 1,200 กว่าจุด ปัจจุบัน ใกล้ 1,400 กว่าจุด แสดงว่า มีเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาในไทย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่แน่นอน คือทำเศรษฐกิจดีขึ้น การนำเข้า ส่งออกสมดุล ตนก็จะเอาปัจจัยความสมดุล มาหารือปลัดกระทรวงแรงงาน ถ้าอย่างนี้คือต้องเดินหน้าตามเป้าหมาย คือ เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำที่ 400 บาทในวันที่ 1 ต.ค.2567อย่างแน่นอน หากตามเงื่อนไขกรรมการฝ่ายนายจ้างไม่มา ทางปลัดกระทรวงแรงงานคงต้องปฏิบัติตามกฎ เมื่อครั้งที่ 2 ไม่มา จะใช้กรรมการที่มีอยู่ในห้องประชุม แต่ต้องมีไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เป็นการโหวต เมื่อโหวตตรงนั้น ท่านไม่ใช้สิทธิก็ถือว่าสละสิทธิ ก็จะต้องโหวตไปตามนโยบายสิ่งที่กล่าวในสภา
“กระทรวงแรงงานอยู่ตรงกลาง เข้าข้างลูกจ้าง นายจ้างก็ไม่ไหว ถ้าเข้าข้างนายจ้าง ลูกจ้างก็ไปไม่รอด ดังนั้น จะทำไอย่างไรให้อยู่ในจุดสมดุล เพื่อให้นายจ้าง และลูกจ้างไปพร้อมกันให้ได้"นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่จะมีการเยียวยา ซึ่งปลัดฯ ได้หารือกระทรวงการคลัง ก็มีข้อยุติระดับหนึ่ง ส่วนกระทรวงแรงงาน ในเรื่องประกันสังคมมีข้อยุติเรียบร้อย ก่อนประกาศค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะประชุมวันที่ 20 ก.ย. 2567 สรุปและนำเข้าสู่ครม.และประกาศโดยครม.ว่ามีมาตรการอะไรไปช่วยเหลือให้นายจ้างบ้าง โดยเอาบทเรียนของปี 2555 มาใช้กับปี 2567