รับมือโควิดขาขึ้น Small Wave
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเปิดเทอม การจัดเทศกาลต่างๆ ช่วงฤดูหนาวที่ทำให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น และภูมิคุ้มกันของผู้คนที่ได้จากการฉีดวัคซีนลดลง
สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยช่วงนี้มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ ส่วนผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่รับวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากที่ช่วงปลายปีมีกิจกรรมรวมตัวหนาแน่น มีการเปิดเทอม มีเทศกาลต่างๆ ช่วงฤดูหนาวที่ทำให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น และภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีนลดลง
ข้อมูลการตรวจเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ และติดตามสายพันธุ์น่ากังวลที่อาจพบจากผู้เดินทางเข้าประเทศ ระหว่างวันที่ 12-18 พ.ย. พบสัดส่วนของ BA.2.75 เพิ่มขึ้นเป็น 42.9% จากสัปดาห์ก่อนที่มีสัดส่วน 23.6% เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อในประเทศจาก 23.2% เป็น 43.9% โดยเฉพาะพื้นที่เขตสุขภาพที่ 2, 6, 11 และ 12 สัดส่วนมากกว่าครึ่งเป็นสายพันธุ์ BA.2.75
นอกจากนี้ยังพบสายพันธุ์ BQ.1 ที่ระบาดในอเมริกาและยุโรป จำนวน 9 ราย ส่วนสายพันธุ์ XBB ที่ระบาดมากในสิงคโปร์ พบจำนวน 13 ราย แต่ยังไม่พบสัญญาณความรุนแรงของเชื้อที่กลายพันธุ์แต่อาจจะทำให้มีการแพร่และติดเชื้อง่ายขึ้น
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเมื่อ วันที่ 21 พ.ย. ไว้ว่า มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคอันตรายถึงชีวิต 9 ชนิด จะเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ได้อีกครั้ง ประกอบด้วย เชื้อโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19, เชื้อไวรัสอีโบลา, เชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก, เชื้อไข้เลือดออกลาสซา, เชื้อโรคเมอร์ส เชื้อโรคซาร์ส , เชื้อไวรัสนิปาห์, เชื้อไวรัสซิกา และเชื้อโรค Disease X
คาดว่าจะเปิดเผยรายชื่อเชื้อโรคที่จัดทำใหม่นี้อย่างเป็นทางการก่อนเดือนเม.ย.ปีหน้า และมีกำหนดประชุมร่วมกันในวันที่ 5-7 ธ.ค. เพื่อร่างข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการเตรียมตัวและรับมือโรคระบาด ที่อาจนำมาใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติสำหรับประเทศต่าง ๆ ในกรณีที่เกิดภัยคุกคามจากโรคระบาดอีกครั้ง
ขณะที่ คณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 29,157 รายเมื่อวันที่ 22 พ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 28,127 รายจากวันที่ 21 พ.ย. ขณะที่เมืองสำคัญหลายแห่งของจีนตั้งแต่กรุงปักกิ่งไปจนถึงเซี่ยงไฮ้ประกาศควบคุมการเดินทางของประชาชน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยสั่งให้ผู้ที่เดินทางเข้าเซี่ยงไฮ้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังสถานที่สาธารณะต่าง ๆ รวมถึงร้านอาหาร, ผับ, ห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดสด รวมทั้งอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และสถานบันเทิงอื่น ๆ เป็นเวลา 5 วัน เริ่มจากวันที่ 24 พ.ย. เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วประเทศในขณะนี้
ผู้เสียชีวิตในประเทศไทยตอนนี้ 100 % เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนแค่ 2 เข็ม ได้รับเข็มกระตุ้น 3 เข็มมีทั้งรับมาแล้วน้อยกว่า 3 เดือนและมากกว่า 3 เดือน ส่วนผู้ที่รับ 4 เข็ม เสียชีวิตน้อยมากหรือแทบไม่มี คำแนะนำประชาชนในการป้องกันการติดเชื้อ ควรเข้ารับเข็มกระตุ้นเมื่อถึงกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ห่างจากเข็มล่าสุด 4 เดือน
อีกทั้งต้องระวังพื้นที่ตลาดในจังหวัดชายแดน สถานบันเทิงจังหวัด ท่องเที่ยว และสถานสงเคราะห์ ผู้สูงอายุไม่ควรไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก ผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุ ไม่ควรสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้สามารถรับมือสถานการณ์โควิดขาขึ้น แบบ Small Wave ในช่วงนี้ได้