"อนุทิน"ยิ้มรับ "กัญชาทางการแพทย์แผนอนุทิน" ห่วงปชช.จริง รีบออกพรบ.กัญชา
“อนุทิน”ยิ้มรับ “กัญชาแผนอนุทิน”บอกแน่นอนเพราะเป็นคนผลักดัน ย้ำหากห่วงประชาชนจริงต้องรีบออกพรบ.กัญชากัญชง ไม่ใช่คว่ำร่าง ขณะที่ “หมอธงชัย” โต้ส.ส.ปชป. แจงรายข้อ ขออย่าดูถูกภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำรับยามีกัญชาบรรจุบัญชียาหลักแล้ว 6 รายการ มีความปลอดภัย
จากกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ออกมาแถลงข่าวกรณีกัญชาเพื่อการแพทย์แผนอนุทินเพราะมีข้อแตกต่างที่ผิดเพี้ยนจากมาตรฐานสากลในนโยบายกัญชาทางการแพทย์ อีกทั้ง ไม่สนใจนำผลิตภันฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และปราศจากสารปนเปื้อนมาให้ผู้ป่วยใช้ แต่เน้นปลูกกันเอง รักษาตัวเอง ซึ่งจะมีสารปนเปื้อน โลหะหนักต่างๆ ที่เป็นอันตราย และประกาศกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ที่เกิดใหม่ยังไม่สามารถควบคุมกัญชาทางการแพทย์ที่ไม่ใช่กัญชาเพื่อสันทนาการได้
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้ว่า แน่นอน กัญชาการแพทย์แผนอนุทินเป็นเรื่องดี เพราะเป็นผู้ผลักดัน พรรคปชป.พูดถูกกัญชาแผนอนุทิน ไม่ใช่กัญชาสาธิต วงศ์หนองเตย ขอย้ำว่าสธ. มีแต่กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ ไม่มีออกไปกรอบอื่น และหลังการออกประกาศช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม ก็ได้มีการลงไปทำความเข้าใจผู้ประกอบการให้เน้นเรื่องการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
“ส่วนสันทนาการไม่ได้อยู่ในวัตถุประสงค์ เรื่องนี้พูดตั้งกี่ครั้งแล้ว ในร่างพรบ.กัญชากัญชง พ.ศ....ก็มีกำหนดว่าไม่ใช้เชิงสันทนาการ คนที่มาพูดเป็นอื่น พรรคอื่นๆ ที่พูดก็รู้อยู่แล้ว ขออย่าไปกลัวกัญชา ทำความดีไว้ คิดถึงประชาชนไว้ อย่างไรประชาชนก็เลือก หากจะบล็อคพรรคภูมิใจไทยจากนโยบายกัญชา ก็ไม่ใช่วันโลกาวินาศของพรรค เพราะมีนโยบายอื่นอีกมากที่จะดูแลประชาชนเพิ่มเติมและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอีกมากมาย ไม่ใช่กัญชาเรื่องเดียว”นายอนุทินกล่าว
ถามถึงกรณีที่ส.ส.ปชป.ระบุว่าถ้าไม่มีปรับแก้ร่างพรบ.กัญชากัญชงมีโอกาสสูงจะโดนคว่ำ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็มีประกาศสธ.อยู่แล้ว แต่ที่ต้องออกพรบ.กัญชากัญชงเฉพาะ ออกมาเพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวก สบายใจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เกิดความสะดวก คล่องตัวในการทำงาน ถึงมีเจตนารมณ์ร่างพรบ.ออกมา แต่สิ่งที่ภท.เข้ามาคือตั้งใจปลดล็อคออกจากยาเสพติด ใช้อย่างถูกวิธี เพื่อการแพทย์ สุขภาพ เศรษฐกิจ ใครทำนอกเหนือจากนี้ ถือว่าผิดกฎหมายตามประกาศ สธ. กำกับ
“หากรักและเป็นห่วงประชาชน ต้องการให้นโยบายกัญชาทางการแพทย์เกิดประโยชน์ ต้องออกร่างพรบ.กัญชาฯ ไม่ใช่คว่ำร่าง ซึ่งเป็นการทำร้ายประชาชน” นายอนุทินกล่าว
ต่อมานพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงชี้แจงเรื่องนี้ต่อว่า ขอใช้สิทธิ์พาดพิงที่มีการพูดถึงตนโดยตรงและการให้ข้อมูลของส.ส.ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด จึงขอชี้แจงในหลายประเด็น ได้แก่ 1.กัญชามีประโยชน์ แต่กัญชาจะมาเดี่ยวๆไม่ได้ต้องมีกฎหมายมาควบคุม ตรงนี้เป็นที่ยอมรับ และสธ.ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่ากัญชาต้องมีกฎหมายมาควบคุม ที่บอกว่าเอากลับไปเป็นยาเสพติดดีหรือไม่นั้น กัญชามีประวัติการใช้มายาวนาน ในประเทศไทยก็มีภูมิปัญญาเรื่องกัญชาที่มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีตำรับยาใช้มาตลอด เป็นเรื่องที่มีโอกาสนำมาศึกษาและใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน
2.ระหว่างยังไม่มีพรบ.กัญชา ก็อยากให้ส.ส.ร่วมกันพิจารณาให้กฎหมายออกมาบังคับใช้ ถ้าส.ส.มีข้อคิดเห็นประการใด ก็สามารถใช้กระบวนการในสภาฯดำเนินการได้ แต่วันนี้ที่ยังไม่มีกฎหมายใหญ่ออกมา ก็ต้องมีประกาศสธ.เพิ่มเพื่อมาควบคุม ซึ่งตอบมาหลายครั้งว่าเวลาใช้ประกาศสธ.อย่าใช้ฉบับเดียว ถ้าจะใช้ฉบับเดียวก็กรุณาออกพรบ.กัญชากัญชงออกมา ระหว่างที่ยังไม่มีพรบ. หากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับกัญชาตามประกาศกรมหรือสธ. สามารถแจ้งมายังกรมหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)
3.กรณีที่ออกประกาศตามพรบ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 มาควบคุมช่อดอกกัญชาได้หรือไม่ ซึ่งในการออกประกาศมีอนุกรรมการด้านกฎหมาย และคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยพิจารณา โดยตามพรฃบ.นี้สามารถกำหนดสมุนไพรควบคุมได้หากมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ไม่เฉพาะแต่กรณีที่จะสูญพันธุ์อย่างเดียว และสามารถกำหนดเฉพาะส่วนของสมุนไพรได้ อีกทั้ง สมุนไพรก็ไม่ได้แค่พืช แต่รวมสัตว์ด้วย ที่สำคัญ หากควบคุมทั้งหมดของกัญชาก็จะเป็นภาระประชาชนทั่วไปที่จะต้องมาขออนุญาต ซึ่งข้อมูลทางวิชาการก็ชัดเจนว่าในส่วนกิ่งก้านรากใบ มีสารTHCที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปริมาณน้อย แต่มีมากที่ช่อดอก ก็คุมเฉพาะช่อดอก
4.ไทยมีภูมิปัญญาการใช้กัญชาเกือบทุกจังหวัด ในพื้นที่มีการดูแลจัดการกัญชา ซึ่งท่านส.ส.สามารถหาข้อมูลเหล่านี้ได้ในเมืองไทย ไม่เชื่อว่าส.ส.ผู้ทรงเกียรติจะไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ โดยที่ผ่านมา กรมการแพทย์แผนไทยฯได้นำภูมิปัญญามาทำเป็นยา สามารถผลักดันให้ยาที่มีกัญชาเป็นองค์ประกอบเข้าไปอยู่ในบัญชีหลักแห่งชาติได้ 10 รายการในจำนวนนี้เป็นการแพทย์แผนไทย 6 รายการ
เช่น ตำรับศุขไสยาศน์ มาจากคัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ ปัจจุบันสั่งใช้ไปหลายหมื่นราย ,น้ำมันกัญชาตำรับหมอเดชา ผลิตจากช่อดอกกัญชา สั่ง ใช้กับคนไข้ไปแล้ว 119,021 ราย ส่วนใหญ่เป็นอาการนอนไม่หลับอาการปวด ,ตำรับยาทำลายพระสุเมรุ บรรเทาอาการปวดสั่งใช้ไปแล้ว 9,505 ราย, น้ำมันกัญชาที่ผลิตจากราก ลำต้น กิ่ง ใบ ดอกผสมกัน ใช้ไป 3,000 ราย และตำรับรักษาโรคริดสีดวง แก้ลม ลดผิวหนัง เป็นต้น และยาแผนปัจจุบันที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.)ผลิต 4 ตำรับก็ต่อยอดมาจากภูมิปัญญาไทย
นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ขอรับรอง 100% ว่าตำรับยากัญชาที่นำมาใช้กับประชาชน มีการผลิตที่มีการควบคุมมาตรฐาน รัฐวิสาหกิจชุมชนได้ผ่านการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่แล้ว มีการตรวจสุขภาพดิน และช่อดอกที่ซื้อมาจากวิสาหกิจหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ เพื่อนำมาผลิตยา 6 รายการของกรม ขอยืนยันและการันตีให้กับประชาชนว่าปลอดจากสารปนเปื้อน
"การที่ส.ส.บอกว่ามีสารปนเปื้อนนั้นเป็นการกล่าวหามากเกินไปสำหรับสธ. เพราะเราทำในมาตรฐานและได้รับการรับรอง ไม่สามารถเอายาที่ไม่อยู่ในมาตรฐาน ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไม่ได้อยู่ในการขึ้นบัญชียาหลักมาใช้กับประชาชนได้ การที่ส.ส.พูดเช่นนี้เป็นการไม่ให้เครดิตกับประเทศไทย ทั้งระบบอย. คณะกรรมการบัญชียาหลักของประเทศไทย”นพ.ธงชัยกล่าว