'นพ.ชลน่าน'เข้าสธ.วันแรก ลั่น'กัญชา'ยังเป็นยาเสพติด

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 07.01 น.วันที่ 11 ก.ย.2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข เข้ารับตำแหน่งที่กระทรงสาธารณสุขอย่างเป็นทางการวันแรก โดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ประกอบด้วย  พระพุทธนิรามัย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระพรหม  พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระพุทธมหานวนาคปฏิมากร

      จากนั้นนพ.ชลน่าน และนายสันติ เข้าห้องทำงานที่ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้นำพระสิวลีเข้าห้องทำงานด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคล และได้ลงนามในหนังสือรับตำแหน่ง โดยมีนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ.คณะผู้บริหารกรม และหน่วยงานต่างๆ รวมถึง กลุ่มแพทย์ชนบท อาทิ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ศุนย์ขอนแก่น นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ ภรรยานพ.ชลน่าน เข้าร่วมให้กำลังใจตลอดเวลาด้วย 

นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งว่า  ตนมีโอกาสกลับมาทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)อีกครั้งในตำแหน่งรมว.สาธาราณสุข หลังจากที่เมื่อ 10 ปีก่อนได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรมช.สาธารณสุข ซึ่งขอบคุณผู้บริหารและทุกภาคส่วนที่มาต้อนรับ ทั้งนี้ ตนเข้ามาทำงานตั้งแต่วันที่ 7-8 ก.ย.แล้ว แต่วันนี้เป็นเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวง

       สำหรับการทำงานเป็นความตั้งใจทุกอย่างจะเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา แปลงมาเป็นนโยบายสธ. นำสู่แผนการปฏิบัติ โดยจะแถลงเป็นนโยบายสธ.ไม่เกินวันที่ 22 ก.ย.นี้  ซึ่งมีการเตรียมการไว้เรียบร้อย ส่วนเรื่องการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นสิ่งที่บรรจุอยู่ในนโยบายรัฐบาล เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญ  

        “ขอเน้นย้ำว่า 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นชื่อโครงการ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าจะกลับมาเก็บ 30 บาท เป็นเหมือนสัญลักษณ์ แบรนด์ ยี่ห้อ แต่ยกระดับขึ้น มีคุณภาพ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ในทุกมิติทั้งการสร้างเสริมสุขภาพป้องกัน รักษา ฟื้นฟู และตอบคำถามเรื่องสุขภาวะ  ภาวะสุขภาพดีที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ ปัญญาและสังคม เพราะปัจจุบันสุขภาพเชิงสังคมมีปัญหามากในบ้านเมือง”นพ.ชลน่านกล่าว

     นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า  มีแนวคิดที่จะตั้งเป็นคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ National Health Board มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อวางแนวทางนโยบายในการขับเคลื่อนทั้งหมด  เนื่องจากมีงานบางส่วนในมิติสุขภาพที่คาบเกี่ยวไปยังกระทรวงอื่นๆด้วย โดยมีรัฐมนตรีทุกกระทรวงเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการทั้งหมด รวมถึง องค์กรอื่นๆทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องสุขภาพมีการแยกส่วน ความสูญเสีย การตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลไม่ถึงสิ่งที่ต้องการ
     “คณะกรรมการนี้จะเป็นคณะกรรมการกลางที่ดูเรื่องสุขภาพภารวมของประเทศ ไม่ซ้ำซ้อน โดยจะเน้นเรื่องของการออกนโยบาย แต่ไม่เกี่ยวในเชิงการบริหารสู่ปฏิบัติ เพราะมีผู้บริหารแต่ละหน่วยงานรองรับอยู่แล้ว และบทบาทของสธ.จะไม่ลดลง แต่จะเข้มแข็งมากขึ้น เป็นจุดเชื่อม ไม่มายุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานกระทรวง เพราะไม่ได้แปรว่าสธ.ต้องฟังบอร์ดนี้ แต่เรื่องที่เข้าบอร์ดส่วนใหญ่จะนำเสนอไปจากกระทรวง อุดช่องว่างเรื่องบูรณาการมิติสุขภาพโดยรวม”นพ.ชลน่านกล่าว 
     ถามถึงนโยบายเรื่องกัญชา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีการเขียนไว้ชัดเจนในนโยนบายรัฐบาลและนโยบายสธ. โดยเน้นนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ในทุกระบบครบวงจรไม่ใช่แค่การรักษาอย่างเดียว

     ถามต่อว่าจะกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องไปดูกฎหมาย ซึ่งขณะนี้กัญชาเป็นยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยสารสกัดที่มีสารTHC เกิน 0.2 % เป็นยาเสพติด

      ผู้สื่อข่าวถามถึงการจับตาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรมว.สาธารณสุขคนใหม่กับกลุ่มแพทย์ชนบทมีการวางแนวทางทำงานร่วมกันอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทิศทางการทำงานของรัฐมนตรีและผู้บริหารแต่ละชุดอาจจะมีแนวทางตามนโยบายแต่ละท่าน ส่วนตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะกลไกการขับเคลื่อนงานด้านการแพทย์ สาธารณสุข มิติสุขภาพ บุคลากรสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีกฎหมายรองรับเป็นการเฉพาะ มีกรรมการบริหารงานบุคคลของสาธารณสุขเป็นภาพใหญ่ และทุกภาคส่วนที่มีความปรารถนาต่อสุขภาวะของประชาชน จะรวมเป็นพลัง
     “ความเห็นต่างมีแน่นอน แต่จะแปลงเป็นความเห็นร่วม ซึ่งทุกคนบอกว่าเรามีความรัก สมัครสามัคคีเป็นพี่เป็นน้องกัน  เป็นหมอในหัวใจพี่น้องประชาชน ขับเคลื่อนงานร่วมกัน”นพ.ชลน่านกล่าว   
     ต่อข้อถามว่ายุคนี้จะเป็นยุคสมานฉันท์ไม่เกิดความขัดแย้งภายใน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น ตนเข้ามาความเป็นพี่เป็นน้อง การที่เคยทำงานด้วยกัน เราเข้าใจมิติการขับเคลื่อนบริบทต่างๆของแต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์อย่างไรก็ทราบดี และไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อประชาชน จึงเชื่อว่าการสมานฉันท์ปรองดองร่วมกันแก้ปัญหา เอาสมองมารวมกัน มั่นใจจะขับเคลื่อนมิติสุขภาพของประเทศได้ ส่วนเรื่องชั่วโมงการทำงานของแพทย์ก็ถือเป็นปัญหาที่จะช่วยกันดูแล

     “ส่วนการแต่งตั้งผู้บริหาระดับสูงแทนตำแหน่งที่ว่างจากการเกษียณ เป็นไปตามกระบวนการ ขั้นตอนตามปกติ”นพ.ชลน่านกล่าว  
      ด้านนานยสันติ กล่าวสั้นๆว่า ตนพร้อมเข้าปฏิบัติภารกิจ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณชีวิต และระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง