รพ.ทุกจังหวัด เข้มเฝ้าระวัง“ไข้หวัดนก”

รพ.ทุกจังหวัด เข้มเฝ้าระวัง“ไข้หวัดนก”

รพ.ทุกจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา เข้มเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคน-สัตว์ต่อเนื่อง หลังกัมพูชามีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดนกรายที่ 7ในปีนี้ ย้ำประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกป่วย/ตาย -ไม่นำมาปรุงอาหาร

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากงานระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กรณีกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาพบผู้ป่วยไข้หวัดนกH5N1 รายล่าสุด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เป็นเด็กหญิงอายุ 5 ปี อาศัยอยู่จังหวัดตาแก้ว ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของกัมพูชาในปีนี้

โดยผู้ป่วยอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยรายที่ 6 ซึ่งเป็นน้องชายอายุ 3 ปี ที่ตรวจพบเชื้อก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 รายมีประวัติสัมผัสไก่ที่ป่วยตายในหมู่บ้านและครอบครัวนำมาปรุงอาหาร จึงรับเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเข้าสู่ทางเดินหายใจโดยการสัมผัส ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ป่วยไข้หวัดนกที่พบในกัมพูชาส่วนใหญ่กลุ่มเสี่ยงสูงเป็นเด็ก โดยติดเชื้อถึง 6 ราย และเป็นผู้ใหญ่ 1 ราย ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการสัมผัสกับซากสัตว์ปีกหรือสัตว์ปีกที่กำลังป่วย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทุกจังหวัดที่มีพรมแดนติดกัมพูชา โดยเฉพาะจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีพรมแดนติดกับจังหวัดตาแก้วของกัมพูชา ได้ร่วมกับด่านควบคุมโรคชายแดนไทยกัมพูชา เข้มงวดการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้ง โรงพยาบาลในทุกจังหวัดได้มีการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มข้น ซักประวัติผู้ป่วยที่มาด้วยอาการปอดอักเสบทุกรายว่ามีประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกหรือไม่ โดยเฉพาะปอดอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุและเข้าโรงพยาบาลคราวละหลายคน เพื่อคัดกรองและแยกผู้ป่วยออกทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ได้ประสานความร่วมมือกับปศุสัตว์จังหวัดในการเฝ้าระวังสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายไม่ว่าด้วยสาเหตุใด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อมาสู่สัตว์อื่นหรือคน

สำหรับประชาชนทั่วไปในการป้องกันไข้หวัดนก ขอย้ำให้

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย
  • หากจำเป็นต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกในระยะที่มีการระบาดในพื้นที่ ต้องสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือเพื่อป้องกัน
  • ที่สำคัญ ห้ามนำซากสัตว์ปีกที่ป่วยตายไปปรุงอาหารหรือให้สัตว์อื่นกินเด็ดขาด
  • หมั่นล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสสัตว์ปีกด้วยน้ำ และสบู่
  • หากมีอาการไข้ ไอ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น เป็ด ไก่ หรือผู้ที่มีอาชีพขนส่ง/ชำแหละ/ขายสัตว์ปีก หรือเกี่ยวข้องกับซากสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยตายด้วย