ยื่นขอทบทวน “คืนกัญชาเป็นยาเสพติด” ชงร่างใหม่ใช้ “ช่อดอก” 4 แบบไม่ผิด

ยื่นขอทบทวน “คืนกัญชาเป็นยาเสพติด” ชงร่างใหม่ใช้ “ช่อดอก” 4 แบบไม่ผิด

“ปานเทพ”ยื่น “สมศักดิ์”ทบทวนร่างประกาศคืนกัญชาเป็นยาเสพติด พร้อมชงร่างใหม่  กำหนดเงื่อนไขการใช้ช่อดอก 4 รูปแบบไม่ถือเป็นยาเสพติด

KEY

POINTS

  • คืนกัญชาเป็นยาเสพติด อยู่ระหว่างการนำ(ร่าง)ประกาศเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดป.ป.ส.เป็นด่านสุดท้าย กำหนดช่อดอกกัญชากัญชง สารสกัดที่มี THCเกิน 0.2 %  เป็นยาเสพติด
  • ขอให้ทบทวน(ร่าง)ประกาศเดิมพร้อมเสนอ(ร่าง)ประกาศใหม่คืน กัญชาเป็นยาเสพติด กำหนดเงื่อนไข การใช้ช่อดอกกัญชา 4 รูปแบบไม่ถือเป็นยาเสพติด ไม่ผิดกฎหมาย
  • ข้อเสนอใหม่คืนกัญชาเป็นยาเสพติด ขอให้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ทบทวน(ร่าง)ประกาศเดิมที่รอเข้าบอร์ดป.ป.ส. แล้วพิจารณา(ร่าง)ประกาศฉบับใหม่เทียบเคียง หวั่นเดินหน้าประชาชนกลับไปใช้รูปแบบใต้ดิน

ความคืบหน้าการคืนกัญชาเป็นยาเสพติด คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบ (ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ...โดยกำหนดให้ ช่อดอกกัญชากัญชงและสารสกัดที่THCเกิน0.2 %เป็นยาเสพติด อยู่ระหว่างการรอเสนอเข้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.)พิจารณาเป็นด่านสุดท้าย ก่อนส่งกลับมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)ลงนาม และมีผลบังคับใช้ ซึ่งใน(ร่าง)ประกาศกำหนดมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2568

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และหนึ่งในคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เรื่องขอให้ทบทวน(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ให้ช่อดอกกัญชาและกัญชงเป็นยาเสพติดและแนวทางใหม่เพื่อแก้ปัญหากัญชา โดยมีนายกองตรี ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรมว.สาธารณสุข.รับหนังสือแทน พร้อมกล่าวว่านำเสนอรมว.สธ.และขอให้กลุ่มอื่นๆที่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมมาเสนอได้ที่สธ. เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาต่อไป

ขอ”สมศักดิ์”ทบทวนร่างกม.คืนกัญชาเป็นยาเสพติด

นายปานเทพ กล่าวว่า ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ทบทวน(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.... ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เพราะถือเป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อรมว.สธ.เท่านั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะรมว.สธ.จะต้องเห็นชอบตามนั้น 

โดยรมว.สธ.สามารถนำข้อเสนอ(ร่าง)ใหม่นี้ไปพิจารณาและยังสามารถปรับแก้ตามความเหมาะสมได้ แล้วสนอให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯประกอบการพิจารณาทบทวนแก้ไข(ร่าง)ประกาศอีกรอบ  ส่วนว่าระหว่างนี้จะต้องชะลอการนำ(ร่าง)เก่าที่ผ่านความเห็นคณะกรรมการควบคุมฯแล้วเสนอเข้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.) เป็นดุลยพินิจของรมว.

ยื่นขอทบทวน “คืนกัญชาเป็นยาเสพติด” ชงร่างใหม่ใช้ “ช่อดอก” 4 แบบไม่ผิด

ชง(ร่าง)ใหม่ใช้ช่อดอกกัญชา 4 แบบไม่ผิด

นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในการยื่นหนังสือถึงรมว.สธ.ได้มีการเสนอ(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ.... ใหม่ที่แตกต่างจาก(ร่าง)ฉบับที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯเห็นชอบ โดยสาระใน(ร่าง)ประกาศ ให้กัญชาหรือที่มีชื่ออื่นในสกุลเดียวกัน เฉพาะช่อดอก ยางและสารสกัด เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ยกเว้น

1.ช่อดอก ยางและสารสกัด ที่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษา โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

2.ช่อดอก ยางและสารสกัด ที่เป็นวัตถุดิบหรือสารประกอบของผลิตภัณฑ์ ตามกฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพร กฎหมายว่าด้วยยา กฎหมายว่าด้วยอาหาร กฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดที่มีกฎหมายเฉพาะ รวมถึง การนำเข้า ส่งออก การขายและการโฆษณาซึ่งผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น

3.ช่อดอกและยาง ที่ได้มาจากการปลูกภายในประเทศของผู้ที่ได้รับอนุญาตและเป็นผู้ปฏิบัติตามประกาศสธ.เรื่องสมุนไพรควบคุม

4.สารสกัดจากกัญชาที่ปลูกภายในประเทศเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดที่ไม่ใช่สารสกัดในข้อ 2 และ3 ซึ่งมีปริมาณสารTHC ไม่เกินปริมาณ 0.2 % โดยน้ำหนัก

จับกุมคนทำกัญชาแบบผิดกฎหมายทันที

ข้อเสนอใหม่นี้เพื่อให้นิเวศของกัญชายังคงเดินต่อไปได้และมีการปรับตัวให้มีความเหมาะสม ซึ่งหากดำเนินการก็จะทำให้เกิดผลใน  5 หลักการ ประกอบด้วย

1. ให้ช่อดอกกัญชา ยาง และสารสกัด กลับไปเป็นยาเสพติดอย่างมีเงื่อนไข คือผู้ที่ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการคุ้มครอง ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายและมีบทลงโทษตามกฎหมายโดยประมวลกฎหมายยาเสพติด และทำได้ทันทีไม่ต้องรอวันที่ 1 ม.ค.2568  

ดังนั้นร้านกัญชาที่ลักลอบนำเข้ากัญชาจากต่างประเทศก็ดี การละเมิดจำหน่ายกัญชาให้กับเด็กและเยาวชนก็ดี การเปิดร้านขายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ดี หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขก็ดี จะต้องถูกจับกุมและถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทันที

เปิดเสรีทางการแพทย์ในการใช้กัญชา

2. จะต้องเปิดเสรีทางการแพทย์ในทุกวิชาชีพ แพทย์ทุกสาขาจะต้องมีเสรีภาพในการใช้กัญชา รับผิดชอบและติดตามผลของคนไข้เอง ซึ่งแต่ละวิชาชีพต่างมีสภาวิชาชีพกำกับดูแลอยู่แล้ว จึงให้มีผลทันทีนับแต่วันประกาศ

3. ผู้ป่วยที่มีใบสั่งยาจากแพทย์ในทุกวิชาชีพ จะต้องได้เข้าถึงยากัญชาได้ ร้านกัญชาจึงไม่ต้องปิดร้าน แต่จะต้องปรับตัวเป็นสถานที่จำหน่ายสมุนไพรควบคุมสำหรับผู้ป่วยที่มีใบสั่งยาจากแพทย์ในทุกวิชาชีพโดยไม่มีการปิดกั้น ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกัญชาในฐานะสมุนไพรควบคุมให้ได้ตามวัตถุประสงค์นี้ต่อไป

ยื่นขอทบทวน “คืนกัญชาเป็นยาเสพติด” ชงร่างใหม่ใช้ “ช่อดอก” 4 แบบไม่ผิด

ผลิตภัณฑ์ถูกกฎหมายถูกคุ้มครองทันที

4. ผลิตภัณฑ์ที่มีช่อดอกกัญชา ยาง หรือสารสกัด หากทำตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร กฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร กฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง กฎหมายว่าด้วยยา และกฎหมายอื่นๆ ซึ่งย่อมต้องได้รับการตรวจสอบว่ามีความปลอดภัยแล้ว จะต้องได้รับการคุ้มครองทันทีว่าไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป จึงจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทันทีในวันออกประกาศ ซึ่งเป็นลักษณะข้อความเดียวกันกับ พระราชบัญญัติ พืชกระท่อม ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ใดที่ดำเนินการไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดเช่นกัน

5. เมื่อวิกฤติของเวลากับปัญหาที่สังคมห่วงใย ได้ดำเนินการตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขแบบมีเงื่อนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงวันที่ 1 ม.ค.2567 แล้ว ย่อมต้องมีเวลาในการพิจารณาเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนในเรื่องสิทธิ์ของประชาชนในการปลูกเพื่อการพึ่งพาตัวเอง จึงควรตั้งคณะกรรมการศึกษาจากทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติทางวิชาการที่ยังขัดแย้งกันเพื่อการปรับปรุงเงื่อนไขให้ได้ดีขึ้น ก่อนวันที่ 1 ธ.ค.2567  หรือใช้เวลาดังกล่าวในการเร่งการตราพรบ.กัญชากัญชง ในสภาผู้แทนราษฎรควบคู่กันต่อไป

ทางเลือกลดความขัดแย้งพท.-ภท.

“สิ่งที่ผมเสนอเป็นทางเลือกเดียวที่จะลดความขัดแย้งของ 2 พรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทย(พท.)ไม่เสียสัจจะที่จะคืนกัญชาเป็นยาเสพติด เพียงแต่มีการกำหนดเงื่อนไขในการใช้ช่อดอกที่เป็นยาเสพติดได้โดยไม่ผิด และพรรคภูมิในไทย(ภท.)ไม่เสียในสิ่งที่ทำมาเรื่องการกำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม”นายปานเทพกล่าว 

 

หวั่นคนกลับไปใช้กัญชาใต้ดิน

นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า หากไม่มีการพิจารณาตามข้อเสนอใหม่นี้ แล้วเดินหน้าตาม(ร่าง)ประกาศเดิม คืนช่อดอกกัญชงกัญชาเป็นยาเสพติด จะทำให้ประชาชนใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และรักษาในรูปแบบที่สธ.ไม่ได้ประกาศ ซึ่งก่อนที่จะมีการปลดล็อกกัญชามาสูงถึง 84 % และมีการใช้ตามที่สธ.ประกาศเพียงแค่ 16 %  แต่คนที่ใช้นอกจากที่สธ.ประกาศมีการเปลี่ยนแปลงโดยดีขึ้นมาก 38.6 % และดีขึ้น 54.8 %