“สมศักดิ์”พร้อมล็อบบี้คงห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า
“สมศักดิ์”พร้อมล็อบบี้คงห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ขอรัฐสภายืนหยัดทำเพื่อเด็กเยาวชน ชี้หากยอมให้นำเข้าเป็นหนทางอับเฉา “หมอประกิต”เผยกว่า 70%บุหรี่ไฟฟ้า มาจากออนไลน์ วอนรมว.ดีอีเอส
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่โรงแรมริชมอนด์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 22 เรื่อง “สานพลังปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า: รอดด้วยรัฐสภา” ว่า บุหรี่ไฟฟ้าสร้างปัญหาสุขภาพ เช่น การก่อโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจของผู้สูบและคนใกล้ชิด ทำให้เกิดการเจ็บป่วย เสียชีวิตก่อนวัยอันควร มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งมีอัตราการสูบสูงกว่าวัยอื่น และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์เด็กเกิดน้อย สังคมสูงวัย
“รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยมีมาตรการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใกล้ชิดสร้างการตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและโทษของการกระทำ เพื่อปกป้องการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า”นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้า หรือไม่นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอยู่ที่รัฐสภา หากรัฐสภายอมให้มีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาก็จะเป็นหนทางอับเฉา ถ้าหากห้ามนำเข้าก็จะเป็นทางรอดตาม ดังนั้น ประชาชนต้องทราบว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมาก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารรสุข(สธ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ(ศจย.) มีการรณรงค์อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ามาในประเทศ จึงอยากวิงวอนไปยังรัฐสภา เพื่อเด็กไทย และคนไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการศึกษาให้แก้กฎหมายมีทางเลือกให้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ให้นำเข้าอยู่แล้ว อย่าไปคิดว่าเขาจะนำเข้า ต้องช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันพูดคุย ล็อบบี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนให้มีการนำเข้าอยู่แล้ว แต่ก็มีกลุ่มคนพยายามผลักดันให้มีการแก้กฎหมายให้สามารถนำเข้ามาได้ก็ตาม
ถามต่อว่าพรรคเพื่อไทย (พท.)ที่มีส.ส.จำนวนมากมีจุดยืนอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีจุดยืนไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าปัจจุบันการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้ามีกฎหมายหลายส่วนในการบังคับ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แต่ละหน่วยงานอาจไม่เข้าใจในหน่วยงานอื่นๆ จึงต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เชื่อว่าทำได้
ด้านศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กฎหมายที่มีอยู่ยังใช้ได้อยู่ โดยเฉพาะการปราบปรามผู้ลักลอบขายทั้งที่วางขายและขายออนไลน์ ส่วนคนสูบครอบครองก็ผิดกฎหมาย แต่ไม่ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน พละกำลังที่มีต้องจัดการกับพวกลักลอบขายที่ผิดกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว
โดยเฉพาะในส่วนของศุลกากร เรื่องการนำเข้าจากชายแดนต้องจัดการให้ได้ รวมถึง ออนไลน์และที่วางขายยิ่งทำได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งลดการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนทางสาธารณสุขก็พยายามให้ความรู้การรู้มากขึ้นทั้งผู้ปกครองและครูด้วยก็จะทำให้เด็กและเยาวชนเข้าไปสูบน้อยลง
“ที่ผ่านมายังคงเห็นเด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นเนื่องจากกฎหมายไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง นายกรัฐมนตรีพูดทีก็ทำที โดยเฉพาะออนไลน์ยังไม่จัดการ ต้องไปถามรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำงานมากขึ้นตอน ขณะนี้ก็มีการปิดเว็บลักลอบขายไปเกินพัน แต่ก่อนไม่ได้ทำ แต่หากรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจนลงไปก็จะยิ่งทำให้จัดการได้ดีขึ้น เพราะกว่า 70% มาจากออนไลน์ จึงอยากให้รมว.ดีอีเอสแอคชั่นมากกว่านี้ รวมถึงศุลากรด้วย”ศ.นพ.ประกิตกล่าว
ถามถึงความพยายามของภาคธุรกิจเอกชนที่จะให้จำหน่ายเสรี ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า มีความพยายามแทรกแซงเข้าไปถึงสภาฯในกรรมาธิการวิสามัญมี 2 คนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบุหรี่ ซึ่งประเทศอื่นไม่มีการดำเนินการเช่นนี้ ไม่ควรที่จะให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจไปร่วมในกมธ.ซึ่งฝ่ายสุขภาพก็ร้องเรียนขึ้นไป ทั้งนี้อนุสัญญาควบคุมยาสูบก็กำหนดห้ามไว้ แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ออกระเบียบปฎิบัติรองรับ สภาฯ จึงกันคนเหล่านี้ไม่ได้ จริงๆ ต้องออกระเบียบภายในกำหนดห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบร่วมเป็นกมธ.ทั้งที่เป็นข้อกำหนดของกฎหมายบุหรี่โลก