6 สัญญาณเตือน “โรคหลอดเลือดสมอง” มีอาการต้องไปรพ.ให้ทันใน 4.30 ชม.

6 สัญญาณเตือน “โรคหลอดเลือดสมอง” มีอาการต้องไปรพ.ให้ทันใน 4.30 ชม.

โรคหลอดเลือดสมองสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2ของคนไทย กรมควบคุมโรคเตือน 6 สัญญาณมีอาการต้องไปรพ.ให้ทันใน 4.30 ชั่วโมง กระตุ้นคนไทยออกกำลัง ช่วยลดความเสี่ยงโรคได้ถึง 25%

องค์การโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Organization: WSO) ได้กำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปีเป็น"วันหลอดเลือดสมองโลก" ซึ่งประเด็นการรณรงค์ในปี 2567 นี้คือ Let’s get active everyday to Be #GreaterThan Stroke: กีฬาสร้างพลัง หยุดยั้งโรคหลอดเลือดสมอง

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2567 นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกพบว่า 1 ใน 4 ของประชากร ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรกมากกว่า 12 ล้านคน ทุกๆ 3 วินาที พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 คน และเสียชีวิตมากถึง 6.5 ล้านคน สำหรับประเทศไทยข้อมูลจากระบบรายงานฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 พบผู้ป่วยสะสม โรคหลอดเลือดสมองจำนวน 358,062 ราย และเสียชีวิตจำนวน 39,086 ราย เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของอัตราการเสียชีวิตของคนไทย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 70 ปี

กิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 25% ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ

นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทอย่างเฉียบพลัน สามารถสังเกตอาการหรือสัญญาณเตือนได้ด้วยตนเองตามหลักการ B.E.F.A.S.T ดังนี้

  • B (Balance) ปวดหัว เวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ได้แบบทันที
  • E (Eye) มองเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด
  •  F (Face) หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว มุมปากตก
  • A (Arm) แขนอ่อนแรงครึ่งซีก ชาไม่มีแรงแบบเฉียบพลัน
  • S (Speech) พูดไม่ชัด พูดลำบาก ลิ้นแข็ง
  • T (Time) หากมีอาการให้รีบโทรสายด่วน 1669 และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที หากไปพบแพทย์ช้าอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจจะกลายเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคเป็นวิธีที่ดีที่สุด

โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ 90% โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพลดหวาน มัน เค็ม มีกิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ไม่เกินระหว่าง 18.5-22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

ควบคุมระดับความดันโลหิตน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ควบคุมระดับไขมันในเลือดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงความเครียดพักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวควรพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

ด้านนพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีกิจกรรมทางกาย หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ภาวะซึมเศร้า และความเครียด

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันหรือสะสม 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสามารถออกกำลังกายเพื่อช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น ลดปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัวและการเดิน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ ทั้งนี้การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด เนื่องจากต้องมีการปรับ  ให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายและระดับการฟื้นตัวของแต่ละบุคคล