ลุงอ้วน กินกะเที่ยว  ชีวิต“อย่ามีคำว่าวัยเกษียณ”

ลุงอ้วน กินกะเที่ยว  ชีวิต“อย่ามีคำว่าวัยเกษียณ”

เราเคยผ่านวัยรุ่นมาก่อน ซึ่งเป็นวัยที่เที่ยวเล่นสนุกจนบางครั้งอาจจะลืมพ่อแม่ไปบ้าง เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุทำใจให้สบาย อยากจะกินอยากจะเที่ยว ก็ทำไป เพราะถ้ามาถึงจุดหนึ่งที่ขาเราไม่ค่อยมีแรง เราก็จะเที่ยวไม่ได้แล้ว (เรื่องโดย เนตรนรี จุ้ยจั่น)

  ​คุณลุงอ้วน อนุสร ตันเจริญ อายุ 67 เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “ลุงอ้วนกินกะเที่ยว” คือตัวอย่างของความสำเร็จ จากการรีวิวร้านอาหารธรรมดาสู่ความสำเร็จด้านการรีวิวที่เป็นที่รู้จัก มียอดผู้ติดตามสูงถึง 9.5 แสนคน มียอดวิวหลักหมื่น หลักแสน บางคลิปมียอดวิวทะลุล้าน แสดงให้เห็นว่า สื่อโซเชียลมีเดียไม่จำเป็นต้องเป็นของคนรุ่นใหม่เท่านั้น คนรุ่นเก่าหรือคนสูงวัยก็ทำสื่อโซเชียลให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

     ลุงอ้วนเล่าว่า ทำกิจการรถโดยสาร เข้าวงการอาหารมานานกว่า 25 ปี เพราะความชอบด้านอาหาร เริ่มต้นจาการการตั้งกระทู้พันทิป เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์เดียวที่คนไทยสมัยก่อนนิยมเล่นกัน เฟซบุ๊กคืออะไรยังไม่รู้จัก แต่ระยะหลังจากนั้น 12 ปี เริ่มมีการใช้เฟซบุ๊กกันมากขึ้น เลยเริ่มเล่นเฟซบุ๊กตาม

ลุงอ้วน กินกะเที่ยว  ชีวิต“อย่ามีคำว่าวัยเกษียณ”

      ​เพจเฟซบุ๊ก “ลุงอ้วนกินกะเที่ยว” เกิดจากความชอบกิน ชอบเที่ยวเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติชีวิตประจำวันของคนที่จะต้องกินต้องเที่ยว เลยใช้โอกาสตรงนี้ในการถ่ายทอดเรื่องราว เล่าสู่กันฟังด้วยความสนุกสนานตามแบบฉบับของตนเอง เป็นการอดิเรกหรืองานว่างจาการทำธุรกิจ จนเป็นที่ได้รับความสนใจ ไม่ว่าจะคนหนุ่มสาว หรือผู้สูงวัย เมื่อได้รับความสนใจทำให้มีรายได้จากยอดคนดูที่มากขึ้น

    ​ลุงอ้วน เล่าต่อไปว่า ร้านอาหารที่จะไปรีวิว จะเป็นร้านที่คิดว่าอร่อยและถูกปากสำหรับตัวเอง ไม่ใช่ร้านที่ถูกบอกต่อกันมาตามรีวิวต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นร้านที่มาจากความชอบส่วนตัวเป็นหลัก ไม่ได้บอกให้คนดูพอดูแล้วต้องไปกินไปเที่ยวเสมอไป ก็ต้องใช้วิจารณญาณสามารถเป็นตัวเลือกให้กับคนดูได้ ว่าร้านนี้ลุงกินนะ ถือเป็นเสน่ห์ของการรีวิวอาหารฉบับลุงอ้วน ที่ทำด้วยความสุขและส่งต่อความสุขผ่านวิดีโอเพื่อให้คนดูมีความสุขด้วยเหมือนกัน

 เพจอาหารสร้างสุขคุณค่าผู้สูงอายุ

      ลุงอ้วนเล่าว่า ใช้ชีวิตของตนเองแบบปกติ ความเป็นปกตินี่แหละที่คือความสุข “เพจลุงอ้วนกินกะเที่ยว” ก็เป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับชีวิต เพราะชอบกินชอบเที่ยว แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไปตั้งโจทย์เพื่อจะไปหาอะไรที่มีความสุขและเอามาลงในเพจ แต่เป็นการใช้ชีวิตจริงแบบที่ทำเป็นประจำมาเล่าสู่กันฟังผ่านวิดีโอให้ได้เห็น ไม่จำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์ปัง ๆ ตามใคร ทำอะไรที่อาจจะบ้าน ๆ กินข้าวแกงจานเดียว ก็สนุกกับมันได้ สร้างความสุขได้เหมือนกัน

      ​“สิ่งที่ทำเน้นให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าผู้สูงอายุว่า “อย่ามีคำว่าเกษียณ” ถ้าให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ไม่ได้อะไร จะเห็นลูกหลานหลายคนที่ห้ามผู้สูงอายุทำนู้นทำนี่ อย่างเช่น พ่ออายุ 60 จะไปปลูกต้นไม้ก็ห้าม อย่าทำนะ แล้วอะไรคือความสุข ถ้ามองว่าอะไรคือความสุขก็ทำอันนั้นแล้วชีวิตผู้สูงอายุก็จะมีความสุข”

ลุงอ้วนเล่าว่า คำว่ารอให้ลูกหลานเลี้ยง ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย เพราะเคยผ่านในวัยนี้มาก่อน ทุกคนก็มีชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น จึงคิดเสมอว่าถ้าเรามีกำลังอยู่ก็ใช้ชีวิตของเรา เลี้ยงเขามาให้โต ให้กำลังใจก็เพียงพอแล้ว ถ้ามีเงิน 200 บาท นั่งรถเมล์ไปกินก๋วยเตี๋ยวชามเดียว ก็ไปเอง

ซึ่งลูกหลานก็จะกลัวว่า จะเป็นอะไรรึเปล่า แต่เราก็ไม่ได้ไปเป็นอันตรายอะไร เราก็มีการเซฟตัวเองอย่างดี ทำให้คนเห็นว่าผู้สูงอายุก็สามารถใช้ชีวิตแบบที่มีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งรอลูกหลานอย่างเดียว

ลุงอ้วน กินกะเที่ยว  ชีวิต“อย่ามีคำว่าวัยเกษียณ”

ลุงอ้วนเล่าต่อไปว่าถือเป็นคนโชคดีที่ทำเพจแล้วเข้าตามวลชน พอเข้ามวลชนก็เกิดกระบวนการเอเจนซี่ ทำให้ได้รับงานจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เป๊ปซี่ โคล่า รถยี่ห้อต่าง ๆ เป็นสปอนเซอร์ในการรีวิว ในการไปแต่ละที่โดยที่ไม่ต้องใช้เงินเก็บ

สร้างสังคมไทยเมืองที่ดีต่อใจผู้สูงอายุ

     ลุงอ้วนกล่าวว่า เราเคยผ่านวัยรุ่นมาก่อน ซึ่งเป็นวัยที่เที่ยวเล่นสนุกจนบางครั้งอาจจะลืมพ่อแม่ไปบ้าง เหมือนละครคุณธรรมก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุทำใจให้สบาย อยากจะกินอยากจะเที่ยว ก็ทำไป เพราะถ้ามาถึงจุดหนึ่งที่ขาเราไม่ค่อยมีแรง เราก็จะเที่ยวไม่ได้แล้ว ทุกวันนี้บางทีก็พา คนเฒ่าคนแก่ไปกินข้าวบ้าง  นอกจากการเปิดเพจจะสร้างความสุขให้ตัวเอง ยังสามารถสร้างความสุขให้กับใครอีกหลายคน

      เราสามารถสร้างสังคมที่มอบความสุขให้กับผู้สูงอายุได้ เพราะผู้สูงวัยสามารถเข้าได้กับทุกกลุ่ม แต่ก็ไม่ทั้งหมด แต่เพียงอยากให้มองว่า ปัจจัยแต่ละคนมันไม่เท่ากัน อยากให้มองผู้สูงอายุบ้าง ถ้าภาครัฐหรือหน่วยงานที่มีงบทั้งหลายเข้ามาช่วยสร้างความสุขให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่มีโอกาส