'NRF' ร่วมมือเกษตรกรทำ 'ไบโอชาร์' ตลาดมูลค่า 6,000 ล้าน - ลดเผา ลดPM2.5

'NRF' ร่วมมือเกษตรกรทำ 'ไบโอชาร์' ตลาดมูลค่า 6,000 ล้าน - ลดเผา ลดPM2.5

“NRF” รุกจับมือเกษตรกรทำ “ไบโอชาร์” ตลาดมูลค่า 6,000 ล้าน - ลด PM2.5 เชื่อมั่นภาครัฐจะสนับสนุน ย้ำบริษัทเข้าสู่ Net Zero ก่อนได้เปรียบ นวัตกรรมช่วยตอบโจทย์แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเทศไทย 

กรุงเทพธุรกิจจัดงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business ระหว่างวันที่ 3 - 4 ธ.ค.2567 โดยในวันที่ 3 ธ.ค.2567 ช่วง Special Talk : Climate Tech Accelerator แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF กล่าวว่า NRF ผลิตอาหารให้ซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวนมากในต่างประเทศ ซึ่งลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภายใน 2030 หรือ 2050 จะต้องมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ต้องเข้าสู่ Net Zero  และหลายประเทศอาจจะมีมาตรการเรื่องการนำเข้าเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกออกมาก่อนเวลา

เพราะฉะนั้น ถ้าบริษัทไหนถึงเป้าหมายนี้ก่อนจะได้เปรียบ ซึ่งในอุตสาหกรรมอาหารมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การที่จะเข้าสู่ Net Zero คนเดียวจะทำยาก ควรต้องพาทั้งประเทศและอุตสาหกรรมอาหารไปพร้อมกัน

สิ่งที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรมคือ นวัตกรรม จะช่วยเสริมการแข่งขันได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง ขยายฐานลูกค้านักลงทุนได้ แต่นวัตกรรมโตเร็วมีผลกระทบสูง จึงอยากให้พิจารณาให้ดีไม่ใช่ดีที่สุด แพงที่สุด อลังการที่สุดแล้วจะเวิร์ก ควรใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมที่เหมาะสมกับประเทศไทย

ในฐานะ NRF เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารได้หานวัตกรรมเพื่อให้บริษัทสามารถเข้าสู่ Net Zero ได้ไปดูเทคโนโลยีในต่างประเทศมากมาย ท้ายที่สุดเลือกนวัตกรรมที่เหมาะสมกับประเทศไทย เป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำได้ในระดับหมู่บ้าน เนื่องจากเกษตรกรมีความหลากหลาย และไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกันแต่อยู่ทั่วประเทศ  เริ่มดำเนินการแล้วที่ จ.เชียงราย จำนวน 250 คน ลงทุนหลักหมื่นบาท ไม่ให้เผาของเหลือหลังเก็บเกี่ยวทางการเกษตร จ้างเอามาแปรรูปในเตาเผาพิเศษไม่ปล่อยมลพิษ และผลิตไบโอชาร์(Biochar) คล้ายถ่านหินชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้ปล่อยมลพิษออกมา

“ห่วงโซ่อุปทานบริษัทผลิตอาหารคือ ปลูกต้นไม้ ใส่ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง เก็บเกี่ยว เผาไร่ แต่การทำไบโอชาร์ ถ้าเกษตรไม่เผา เอาสิ่งที่จะเผาแปรรูปเป็นไบโอชาร์และขายคาร์บอนเครดิตได้ กลายเป็นว่าห่วงโซ่อุปทานผลิตอาหารของ NRF จะกลายเป็น Net Zero”แดน กล่าว 

แดน กล่าวอีกว่า ในปี 2021 ทั่วโลกมีบริษัทที่ทำไบโอชาร์ขายเป็นคาร์บอนเครดิตแค่ 20 ล้านดอลลาร์ ส่วนประเทศไทยมีซังข้าวโพดประมาณ 4 ล้านตันต่อปี โดยมีราว 1 ล้านตันเปลี่ยนเป็นไบโอชาร์ได้ สามารถขายเป็น 2 ตันคาร์บอนเครดิต ราคาตันละ 100 ดอลลาร์จะมีมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6,000 ล้านบาท นี่คือ โอกาสทางธุรกิจ อย่างปัจจุบันไมโครซอฟท์บริษัทเดียวซื้อไบโอชาร์ปีละ 10 ล้านดอลลาร์

“แทนที่เกษตรกรต้องมารับผลกระทบจากมลพิษPM2.5 แต่สามารถสร้างโอกาส สร้างรายได้จากไบโอชาร์ได้ เชื่อว่าเขาจะทำ โดยเป็นไอเดียที่ NRF กำลังจะร่วมกับหลากหลายหมู่บ้าน และหวังว่ารัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุนในการแก้ปัญหา PM2.5 และช่วยให้ NRFเข้าสู่เรื่องของ Net Zero”แดน กล่าว 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์