ถอดสูตร “ดุษฎี ตันเจริญ” ใช้ Passion ขับเคลื่อนความสำเร็จ
รายการ SUITS ถอดสูตรความสำเร็จฉบับ CEO ของ “กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ดุษฎี ตันเจริญ” แม่ทัพหญิงแห่ง “รักษ” (RAKxa) ศูนย์บูรณาการด้านสุขภาพครบวงจร ที่รวมศาสตร์สมัยใหม่และแพทย์ทางเลือก กับเป้าหมายสู่การเป็น World class medical wellness destination
โครงการ “รักษ” (RAKxa) บนพื้นที่ 200 ไร่ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติและทะเลสาบ ในพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ศูนย์บูรณาการด้านสุขภาพครบวงจร ภายใต้การบริหารของแม่ทัพใหญ่อย่าง “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการผู้จัดการ “รักษ” (RAKxa) ที่ผันตัวเองจากวงการอสังหาริมทรัพย์ สู่การบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจับตลาด Wellness ด้วยวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นว่า เมกะเทรนด์ของไทยอย่าง Tourist Trend (การท่องเที่ยว) เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนประเทศ และอีกเทรนด์ที่สำคัญ คือ Medical Trend (การแพทย์)
ขณะเดียวกัน “การท่องเที่ยว” และ “การแพทย์” สามารถผนวกเข้าด้วยกันได้ ทำให้มองเห็นโอกาสของ Wellness Trend อีกทั้ง ภาพรวมเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพของทั่วโลกที่มีแนวโน้มเติบโต โดยในปี 2563 มูลค่ากว่า 145 ล้านล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 มีมูลค่ากว่า 230 ล้านล้านบาท
กว่าจะมาเป็น “รักษ”
อย่างไรก็ตาม กว่าจะเป็นรักษ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย “ดุษฎี” เล่าย้อนกลับไปว่า ทุกอย่างเกิดจาก Passion แม้ปัจจุบันจะทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ แต่ก็ผ่านการพบแพทย์และผ่าตัดมาแล้วหลายครั้งเช่นกัน
“ตอนทำอสังหาริมทรัพย์ ต้องออกแบบไลฟ์สไตล์ ออกแบบบ้านให้กับลูกค้า หากเราไม่มีความเข้าใจในการทำโปรดักส์ ก็จะไม่สามารถทำโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ ตอนนั้นเรามีความสุขกับการทำงาน และพร้อมเสมอที่จะต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาปะทะ ผลลัพธ์ของงานออกมาในเชิงบวก แต่ในด้านสุขภาพก่อให้เกิดความเครียด ช่วงนั้นยังไม่รู้จักวิธีบริหารจัดการความเครียด เราคิดว่าเราโอเคและสู้กับมันได้"
"แต่สุดท้าย ถึงแม้จะเป็นความสุขในการทำงาน แต่กลับบริหารจัดการความเครียดไม่ได้ ก็ส่งผลชัดเจนต่อสุขภาพ ทำให้เรารู้ว่า Health is Wealth การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ กลายเป็น Passion ที่จะสร้างรักษขึ้นมาและเริ่มศึกษาการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม”
“Wellness คือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกาย ใจ แนวคิด และอาหารเป็นส่วนสำคัญ ทำให้เราต้องไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศและศึกษา Wellness แทบจะทุกที่ เพื่อดูว่ามีความแตกต่างอย่างไร พอได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง ทำให้รู้ว่าแต่ละที่มีจุดเด่นแบบไหน และจับอะไรมาผสมผสานให้เกิดรักษ"
"ขณะเดียวกัน แพทย์ทางเลือกต้องลองเองทั้งหมด ผ่านการศึกษาเยอะมากไม่ว่าแพทย์แผนไทย แผนจีน อายุรเวช พลังงานบำบัด สปาบำบัด และดึงจุดแข็งแต่ละศาสตร์มาที่รักษ พอเปลี่ยนจากการบริหารอสังหาริมทรัพย์ มาสู่ธุรกิจ Wellness ซึ่งเริ่มจาก Passion ของตัวเอง ทำให้เราต้องศึกษาเชิงลึก เอาความรู้ทั้งหมดมาผสมผสาน ก่อให้เกิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมครบวงจร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราคัดสรรมาดีกับลูกค้าที่สุด”
“เติบโต” อย่าง “แตกต่าง”
การก้าวสู่ความเป็น ศูนย์บูรณาการด้านสุขภาพครบวงจร ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ ทำให้ รักษ ต้องมีจุดเด่นและสร้างความแตกต่าง “ดุษฎี” เล่าต่อไปว่า ที่ผ่านมา มีการศึกษาหลายรูปแบบและพบว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Medical Hub และ Thai Hospitality เป็นจุดแข็งของประเทศ การจับมือกับ “VitalLife” ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทำให้รักษ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านการแพทย์สมัยใหม่
“นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมว่าจะสร้างความพิเศษให้กับรักษ ได้อย่างไร เพราะหากมีเพียง Medical และ Hospitality อาจจะไม่กลมกล่อมมากนัก จึงต้องสร้างความแปลกใหม่โดยดึงเอาจุดเด่นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกทั้งของไทยและในแถบเอเชียเข้ามาผสมผสาน รักษต้องรักษาแบบองค์รวม บูรณาการทั้งหมด ทั้งแพทย์สมัยใหม่ แพทย์ทางเลือก การดูแลความสัมพันธ์ของร่างกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณให้มีภาวะสมดุลรายบุคคล”
การดูแลสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่เพียงลูกค้าเท่านั้น แต่พนักงานเกือบ 200 คน ของรักษ ก็ต้องสุขภาพดีเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร เพราะ 70% ของสุขภาพที่ดี คือ อาหารที่ดี ดังนั้น อาหารของพนักงานจึงใช้คอนเซปต์เดียวกับลูกค้า โดยใส่ใจทั้งรายละเอียดเครื่องปรุง วัตถุดิบต้องมาจากสวนผักที่ปลูกเอง มั่นใจในเรื่องของการปลอดสารเคมี ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
“เมื่อใดที่ตัวเราเอง ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพนักงานทุกคน มีสุขภาพที่ดี มีความสุขและใช้ชีวิตแบบ Wellness จะสามารถส่งต่อ Wellness ให้กับลูกค้าได้ด้วยความจริงใจและรู้จริง”
“ทั้งหมดเกิดจาก Passion การบริหารองค์กรของที่นี่โดยรวม พนักงานทุกคนขับเคลื่อนการทำงานด้วย Passion เพราะคีย์หลักของการดูแลสุขภาพตนเองและผู้อื่น คือ ต้องใส่ใจและดูแล หวังดีต่อสุขภาพของทุกคนอย่างแท้จริง หากทำงานโดยไม่มี Passion ก็อาจจะไม่มีความสุข”
ก้าวสู่ Wellness Destination
ดุษฎี กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายของรักษ คือ การก้าวสู่ World class medical wellness destination โดยมองว่า ความสามารถบุคลากรของเราพร้อมที่จะเข้าสู่เวทีโลก ตอนนี้ทำงานใกล้ชิดกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อผลักดันประเทศไทยก้าวสู่ Medical hub เชื่อมั่นว่า ณ วันที่เปิดประเทศ และสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ เราจะขยับตัวเองเป็นหัวหอกในการทำให้ประเทศไทย ขึ้นมาเป็นชั้นนำของ Wellness Hub และ Medical Hub เพราะรักษมี Passion ว่า อยากจะเป็น World class medical wellness destination ให้ได้ในอนาคต
รักษาใจ รักษากาย
อีกหนึ่งจุดเด่นของรักษ คือ การอยู่บนพื้นที่บางกระเจ้ากว่า 200 ไร่ที่โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว เพราะการที่มาอยู่ Wellness แปลว่า ต้องการความสงบ สบาย ดังนั้น ธรรมชาติ อากาศที่ดี มีผลทั้งในแง่ของร่างกาย จิตใจ ทั้งนี้ ภายในรักษ ประกอบด้วย “รักษาใจ” บริการแพทย์ทางเลือกไม่ว่าจะแผนไทย แผนจีน อายุรเวช พลังงานบำบัด สปา นอกจากความโดดเด่น ของแพทย์ศาสตร์ต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่องของการบำบัดด้วยน้ำร้อน 38-40 องศา และน้ำเย็น 12-14 องศา และมีซาวน่า และสตรีม
“รักษากาย” MEDICAL GYM ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์ ใช้เทคโนโลยีและแนวทางการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยนำหลักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวมาออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายแบบองค์รวม เพื่อให้สามารถนำกลับไปฝึกเป็นกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากการประเมินกายภาพ ออกแบบการออกกำลังกายอย่างถูกต้องของแต่ละบุคคล เพราะการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง มีส่วนในการดูแลสุขภาพด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน การทำงานร่วมกับ รพ.บำรุงราษฎร์ โดยศูนย์ VitalLife มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging หรือ เวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย วินิจฉัยและออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพส่วนบุคคล บนพื้นฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้และแม่นยำ ร่วมกันป้องกันและลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเป้าหมายสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
