LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

ส่องสวัสดิการ LINE MAN Wongnai ที่มีการยกระดับรับ Pride Month ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มอบเงินขวัญถุงคู่แต่งงานเพศเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส สิทธิวันลาสำหรับรับบุตรบุญธรรม และสิทธิวันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศสูงสุด 30 วัน สนับสนุนการเท่าเทียมทางเพศ

Key Point : 

  • มิถุนายนของทุกปี ถือเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month หรือ เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) 
  • หลายบริษัทเริ่มมีการปรับสวัสดิการให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ความเท่าเทียมทางเพศมากยิ่งขึ้น รวมไปถึง LINE MAN Wongnai ที่มีการยกระดับสวัสดิการตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
  • โดยสวัสดิการได้มอบเงินขวัญถุงคู่แต่งงานเพศเดียวกัน 20,000 บาทเทียบเท่าคู่ชายหญิง สิทธิวันลารับบุตรบุญธรรม และสิทธิวันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศสูงสุด 30 วัน 

 

ปิดท้าย Pride Month ด้วยการพูดคุยกับ 'ธนิชพร วุฒิลักษณ์' ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาบุคลากรและภาพลักษณ์วัฒนธรรมองค์กร LINE MAN Wongnai ที่บอกเล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ' ฟังถึงการสนับสนุนความหลากหลาย และยกระดับสวัสดิการเท่าเทียมทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนหนึ่งในค่านิยมหลักอย่าง Respect Everyone คือ การให้เกียรติทุกคนเท่าเทียมกัน

 

สำหรับ LINE MAN Wongnai บริษัทที่มีพนักงานกว่า 1,000 คน และมีจำนวนพนักงาน LGBTQ+ ราว 10% หลายคนอยู่ในตำแหน่งระดับผู้จัดการขึ้นไป สะท้อนให้เห็นการให้โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่ตัดสินจากผลงานโดยไม่เกี่ยวกับเพศสภาพ โดยในช่วง Pride Month เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการยกระดับสวัสดิการเพื่อส่งเสริมความหลากหลายและเท่าเทียมทางเพศ ได้แก่

  • เงินสนับสนุนช่วยเหลือสำหรับการแต่งงานเพศเดียวกัน 20,000 บาท เทียบเท่าสวัสดิการของคู่แต่งงานชายหญิง โดยสามารถนำรูปถ่ายจากงานแต่งงานมายื่นเป็นหลักฐานได้
  • สิทธิวันลาสำหรับรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยง ลาได้สูงสุด 10 วัน
  • สิทธิวันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ ลาพักได้สูงสุด 30 วัน

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

'ธนิชพร' อธิบายว่า การสมรสไม่ว่าจะเพศไหนก็สามารถได้เงินขวัญถุง เพราะที่นี่ไม่ได้ต้องการใบทะเบียนสมรส เพียงแค่มีรูปถ่ายหรือมีอะไรที่ทำให้เรารู้ได้ว่ามีการเริ่มต้นชีวิตใหม่ นอกจากนี้ ยังสามารถลาได้เมื่อไปรับบุตรบุญธรรม รวมถึง ได้เพิ่มสิทธิการลาผ่าตัดแปลงเพศ 30 วัน โดย 15 วันเป็น With Pay และ อีก 15 วันเป็น Without Pay เป็นสวัสดิการ 3 ข้อที่ทำให้เห็นเด่นชัดในช่วง Pride Month ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

 

“การที่มีนโยบายที่ทำให้เขารู้สึกว่าเราซัพพอร์ตเขาและมันเกิดขึ้นได้จริง แม้ตอนนี้ภาครัฐยังต้องขับเคลื่อนและต่อสู้ต่อไป แต่ในภาคบริษัทซึ่งมีกลุ่มสังคม และเจอกันทุกวัน เรื่องนี้พอเป็นนโยบายออกมาทำให้ชัดเจนว่ากลุ่มสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตรงนี้แม้จะเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เราซัพพอร์ตและพร้อมจะเปิดรับได้อย่างเต็มที่ ทำอย่างไรที่จะช่วยให้พนักงานมี Wellbeing ไม่ว่าจะมิติใดก็ตาม”

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

 

สวัสดิการซัพพอร์ตทั้งกายใจ 

 

เรียกได้ว่าการออกสวัสดิการในแต่ละครั้งมีการรับฟังเสียงของพนักงานค่อนข้างมาก ไม่เพียงแค่การส่งเสริมด้านความหลากหลายเท่านั้น แต่ยังดูแลทางด้านจิตใจ และการใช้ชีวิต 'ธนิชพร' เล่าต่อไปว่า เทรนด์ของคนทำงานปัจจุบัน จะเน้นในเรื่องของ การมีสุขภาวะทางจิตที่ดี (Mental Wellbeing) งานอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต จะต้องมี Work life balance โดยบริษัทมีงบประมาณให้กับพนักงานที่ผ่านการทดลองงาน 30,000 บาทต่อปี สามารถใช้อะไรก็ได้ตามหมวดหมู่ที่กำหนด เช่น ซ่อมแอร์ ผ่อนบ้าน สมัครฟิตเนส จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ตัดแว่น เป็นต้น

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

 

ขณะเดียวกัน พบว่า มีคนที่เบิกเงินส่วนนี้เพื่อเป็นค่าพบจิตแพทย์แต่ละปีเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของการทำงานกับ iSTRONG ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและครอบครัว ให้พนักงานสามารถพูดคุยกับนักจิตวิทยาได้โดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ และไม่เก็บดาต้า อีกทั้งมีการพูดคุยกับประกัน สำหรับการทำประกันกลุ่ม จากเดิมผู้ป่วยนอก (OPD) ได้ครั้งละ 3,500 บาท 1 ปีได้ 30 วัน ขยายขอบเขตเพื่อให้สามารถพบจิตแพทย์ได้

 

“ที่นี่การพูดคุยเรื่องสุขภาพจิต การหาจิตแพทย์ ปรึกษานักจิตวิทยา กินยา เป็นเรื่องที่พูดคุยอย่างเปิดเผยและอิสระ ไม่ต้องปิดบัง เป็นการซัพพอร์ตทางด้านจิตใจ ทุกคนควรทำได้อย่างเปิดเผยและที่นี่สร้างพื้นที่ให้ทุกคนสามารถแชร์กันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณ Individual Training อีก 6,000 บาท เพื่อให้พนักงานใช้ในการ Training & Development พัฒนาตัวเองอีกด้วย”

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

 

4 มิติคัดเลือกคนร่วมงาน 

 

สำหรับการคัดเลือกคนเข้ามาอยู่ในครอบครัว LINE MAN Wongnai ประกอบด้วย 4 มิติ คือ 1. Skill ทักษะ แน่นอนว่าการประกาศหางานเป้าหมายคือเฟ้นหาคนที่มีทักษะตามที่บริษัทต้องการ ซึ่งจะต้องผ่านการทำข้อสอบ สอบสัมภาษณ์ และบททดสอบต่างๆ ถัดมา 2. Potential ศักยภาพ มีความสามารถ แก้ไข พัฒนาได้

 

3. Culture Fit ซึ่งตรงกับ Core Value หรือค่านิยมหลักของบริษัท 3 ข้อ คือ Innovate Faster เนื่องจาก LINE MAN Wongnai อยู่ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องเลือกคนที่เข้าใจในธรรมชาติของธุรกิจ ปรับตัวเร็ว มีความรู้ทางด้านโซเชียลมีเดีย ถัดมา คือ Go Deeper นอกจากทำเร็ว ต้องคิดให้รอบด้าน รอบคอบ และลึก สุดท้าย Respect Everyone เป็นค่านิยมที่สำคัญ ในการปรับใช้กับการทำงาน ด้วยการทำงานกับคนที่อยู่ในระบบนิเวศไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ไรเดอร์ และลูกค้า ดังนั้นต้องให้เกียรติทุกคนเท่าเทียมกัน และ 4. Mindset ทัศนคติ ไม่ปล่อยพลังงานลบให้กับผู้อื่น ทำงานด้วยการนำทักษะมาพัฒนา

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่หลังโควิด-19 การทำงานถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น Work from Anywhere ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ซึ่งเรียกว่าตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ โดยอายุเฉลี่ยพนักงานอยู่ที่ 29 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเจนเนอเรชั่น Y และ Z

 

'ธนิชพร' กล่าวต่อไปว่า เรื่องช่องว่างระหว่างวัยมีบ้าง แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจความต่าง ผู้บริหารเปิดใจ พร้อมรับฟัง เด็กๆ ก็จะกล้าพูด กล้าเสนอ และรับฟัง สิ่งที่พี่ๆ ต้องทำ คือ กระตุ้นให้น้องๆ ได้ออกไอเดีย นอกจากนี้ ด้วยความที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นเจน Y และ Z อยู่ในช่วงอายุเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำอย่างไรให้เขาไม่รู้สึกกังวลในการใช้ชีวิต สามารถโฟกัสกับงาน ดึงศักยภาพของเขาออกมา ดังนั้น อะไรที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สิทธิมนุษยชนก็ทำให้เต็มที่

 

“การเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่บริษัทเติบโตด้วยพนักงานของเราอย่างเดียว แต่คนที่อยู่ในอีโคซิสเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพี่ไรเดอร์ ร้านอาหารที่มีกว่าล้านแห่ง รวมถึงลูกค้า ทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ที่มีผลต่อการเติบโตกับบริษัทอย่างชัดเจน เติบโตไปด้วยกัน การดูแลพี่ไรเดอร์ให้ดี ซัพพอร์ตร้านค้า รวมถึงสังคมองค์รวม เช่น การช่วยลดขยะพลาสติก โดยมีฟีเจอร์ในแอปฯ เพื่อให้ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อม ตั้งแต่ปี 2564 สามารถลดขยะพลาสติกได้กว่า 3,000 ตัน อีกทั้ง เล็งต่อยอดไปสู่การไม่รับเครื่องปรุง หากทำสำเร็จจะสามารถลดขยะไปอีกกว่าเดือนละ 5 ตัน การเติบโตอย่างยั่งยืนต้อง Friendly ทั้งระบบ” ธนิชพร กล่าวทิ้งท้าย

 

LINE MAN Wongnai หนุนความหลากหลาย ยกระดับสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียม