เมืองไทยแสงแดดเปรี้ยง แต่ในคนที่ตรวจเจอถึง 99 % 'ขาดวิตามินดี'

เมืองไทยแสงแดดเปรี้ยง แต่ในคนที่ตรวจเจอถึง 99 % 'ขาดวิตามินดี'

ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความร้อนของแสงแดดแทบจะตลอดปี แต่ในกลุ่มที่มีการตรวจวัดระดับวิตามินในร่างกาย กลับพบถึง 99 % มีการขาดวิตามินดี เหตุสำคัญจากพฤติกรรม ทำให้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและโรคต่างๆ แต่ก็ใช่ว่าการได้รับมากเกินไปจะเป็นเรื่องดี

Keypoints :

  •   ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่มีแสงแดดแทบจะตลอดปี  แต่จากกลุ่มผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.เวชธานี พบถึง 99 % ขาดวิตามินดี  สอดคล้องกับผลสำรวจและงานวิจัยก่อนหน้า
  •   อันตราย ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายและความเสี่ยงของโรคจากการที่ขาดวิตามินดี ทางกลับกันการได้รับวิตามินดีมากเกินไปก็ส่งผลเสียเช่นเดียวกัน
  •   ร่างกายได้รับวิตามินดีจาก 2 แนวทาง ซึ่งการจะเพิ่มในกลุ่มคนที่ขาดจะต้องพิจารณาความเหมาะสมตามวัยกับปริมาณที่ควรได้รับแต่ละวัน 

ประโยชน์ของวิตามินดี

             วิตามินดีนับว่าเป็นวิตามินเดียวที่ร่างกายสร้างเองได้ ซึ่งประโยชน์ของวิตามินดีที่มีต่อร่างกาย อาทิ  

  • ช่วยทำให้แคลเซียมที่รับประทานเข้าไปสามารถดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น
  • ช่วยลดความเครียด และต้านภาวะซึมเศร้า
  • ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
  • ช่วยลดอาการปวดรูมาตอยด์
  • ช่วยการทำงานของระบบสังเคราะห์ฮอร์โมน
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
  • ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
  • ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี
  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต
  • ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

   คนไทยขาดวิตามินดี 

        พว.รจนารี ฐิติสุวรรณ ผู้จัดการศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.เวชธานี กล่าวว่า ในการตรวจระดับวิตามินของแต่ละบุคคลจะทำด้วยการเจาะเลือดไปตรวจ โดยที่เห็นชัดทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ผู้ที่มาเข้ารับการตรวจจะพบว่าขาดวิตามินดี ถึง 99 % ในผู้ที่มาตรวจ  เพราะการทำงานจะอยู่ในออฟฟิศจึงไม่ค่อยเจอแดด หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะต้องการปกป้องผิวพรรณ  ซึ่งแพทย์จะพิจารณาและให้วิตามินดีเสริมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
     สอดคล้องกับที่คณะแพทยศาสตร์รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลได้เคยเผยแพร่ข้อมูลเรื่อง “วิตามินดีภัยเงียบในคนไทย”ไว้ว่า  ในเขตเมืองจะขาดวิตามินดีมากกว่าเขตนอกเมือง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการขาดวิตามินดีน้อยกว่าในภาคกลาง คนกลุ่มอายุน้อยจะขาดวิตามินดีมากกว่า ซึ่งข้อมูลนี้จะตรงกันกับประเทศในเอเชียอย่างเช่น เกาหลีใต้ และ มาเลเซีย อาจเป็นเพราะว่าประชากรวัยหนุ่มสาวแถบนี้ มีแนวที่จะหลบแดดกันมากกว่าผู้สูงอายุ    
         ที่น่าห่วง คือ เด็กรุ่นใหม่ ที่กิจกรรมต่างๆไม่ค่อยได้สัมผัสแสงแดดไม่ว่าจะเล่นกีฬา ว่ายน้ำ ก็อยู่ในที่ร่ม ทั้งที่ ร่างกายจะสร้างกระดูกในช่วงอายุ 20 ปีแรก และวิตามินดีจะมีความสำคัญมากในการเสริมสร้างกระดูกและการเติบโต

      ทั้งนี้ สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล ได้ทำโครงการสำรวจภาวะโภชนาการและพัฒนาการของเด็กไทย อายุตั้งแต่ 6 เดือน-12 ขวบ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการสำรวจภาวะโภชนาการและสุขภาพเด็กในภูมิภาคอาเซียน (the south east asia nutrition survey; seanuts) 4 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยในส่วนของประเทศไทยได้ทำการเก็บตัวอย่างเด็กจำนวน 3,100 คน ใน กทม. ลพบุรี เชียงใหม่ พังงา ศรีสะเกษ และกาฬสินธุ์ เมื่อราว 10 ปีก่อนก็พบว่า 

        เด็กไทยขาดวิตามินดีสูงเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ที่แล้วถึง 40% หรือในจำนวน 1 ใน 3 ของเด็กที่ได้ทำการสำรวจทั้งหมด และในอีก 3 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการก็กำลังประสบปัญหาแบบเดียวกัน

เมืองไทยแสงแดดเปรี้ยง แต่ในคนที่ตรวจเจอถึง 99 % \'ขาดวิตามินดี\'

อันตรายวิตามินดีขาด-เกิน

       หากได้รับวิตามินปริมาณน้อยเกินไปจนอยู่ในภาวะขาด 

  • จะส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกอ่อนในเด็ก
  • กระดูกอ่อนในผู้ใหญ่
  • มีอาการชักหรือฟันผุ
  • อาจทำให้ติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น และเมื่อติดเชื้อแล้วกลไกในการกำจัดเชื้อของร่างกายในคนที่มีวิตามินดีเพียงพอจะดีกว่าคนที่ขาดวิตามินดี

       รพ.วิภาวดี ระบุว่า หากเมีวิตามินดีต่ำหรือขาดวิตามินดี เป็นระยะเวลานานจะส่งผล ทำให้เกิดโรคกระดูกน่วม (Osteomalacia)  โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) การขาดวิตามินดียังสัมพันธ์กับการเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เพิ่มความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม และอาจทำให้กระดูกหักได้  การขาดวิตามินดีมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นนอกเหนือจากเรื่องกระดูก

       เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness) โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes)  โรคเอ็มเอส (MS – Multiple Sclerosis) และกลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อ ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
          แม้วิตามินดีไม่ควรขาด แต่ก็ไม่ควรได้รับมากเกินไปเช่นกัน  โดยกรมอนามัย ให้ข้อมูลว่าหากได้รับวิตามินดีมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ เรียกภาวะนี้ว่า “อาการเป็นพิษเนื่องจากได้รับวิตามินดีเกิน” เป็นอันตรายต่อเด็กวัยกำลังโต และในบางรายที่มีอาการหนักอาจจะเสียชีวิตจากการล้มเหลวของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้

        นอกจากนี้ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ระบุไว้ว่า ผลเสียที่เกิดจากการบริโภควิตามินดีมากเกินเป็นเวลานาน    ได้แก่ เบื่ออาหาร  น้ำหนักตัวลด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปลายมือปลายเท้าสั่น กล้ามเนื้อเจ็บแปลบบริเวณหลังและมือ-เท้า ภาวะขาดน้ำ มีเลือดออกใต้ผิวหนัง ปวดท้อง ปวดกระดูก ภาวะแคลเซียมและฟอสเฟตในเลือดสูง ภาวะแคลเซียมในปัสสาวะสูง เกิดนิ่วแคลเซียมที่ไต
เพิ่มวิตามินดีให้ร่างกาย
         วิตามินดีนั้น ได้รับจาก 2 ทาง คือ   80-90% ร่างกายได้รับวิตามินดีจากการสร้างวิตามินดีที่ผิวหนังหลังจากที่ได้รับแสงแดด (UVB) และประมาณ 10-20% จากการรับประทานอาหาร การจะเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายจึงสามารถทำได้ 2 แนวทาง
         1.ได้รับแสงแดดขณะทํากิจกรรมหรือออกกําลังกายกลางแจ้ง โดยให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อย 15-20 นาทีทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00–10.00 น. และ 16.00–17.00 น.
     2.การรับประทาน   อาหารที่มักพบในปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน ปลาแซลมอน ปลาแมคคอแรล ปลาทูน่ากระป๋อง ไข่แดง ตับ นม เห็ด เป็นต้น หรืออาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินดีเสริมในปริมาณที่เพียงพอตามคำแนะนำของแพทย์

      ปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสมในแต่ละวัยต่อวัน คือ

  • วัย 6–12 เดือน ควรได้รับ 10 ไมโครกรัมต่อวัน
  • วัย 1-70 ปี ควรได้รับ 15 ไมโครกรัมต่อวัน
  • วัยผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับ 20 ไมโครกรัมต่อวัน

อ้างอิง :
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล 

คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ม.มหิดล
คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล 
รพ.เวชธานี,รพ.วิภาวดี ,รพ.ศิครินทร์