'หมอธีระ' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

'หมอธีระ' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

"หมอธีระ" อัปเดตโควิด-19 สายพันธุ์ EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้ พร้อมเปรียบเทียบอาการป่วยของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2566 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กอัปเดตประเด็น "โควิด-19" (COVID-19) โดยระบุว่า 

  • ว่าด้วยเรื่อง EG.5.1 ม้าตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

เป็นสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ต่อยอดมาจาก XBB.1.9.2 หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า XBB.1.9.2.5.1

เปรียบแล้วก็เป็นเหมือนเหลนของ XBB และเป็นหลานของ XBB.1.9 อะไรประมาณนั้น

สิ่งที่ทำให้ EG.5.1 เป็นที่กังวลของทั่วโลกขณะนี้คือ การที่มีอัตราการตรวจพบเพิ่มขึ้นเร็วกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ที่ระบาดมาก่อนหน้า ทั้ง XBB.1.5, XBB.1.16, รวมถึง XBB.1.9.1/1.9.2

จนถึงนาทีนี้ ข้อมูลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นไปตามที่คาดกันไว้

ข้อมูลจาก US CDC ล่าสุด ประเมินว่าจนถึง 5 สิงหาคม 2566 นั้น Omicron สายพันธุ์ย่อย EG.5.1 ครองสัดส่วนการตรวจพบสูงสุดที่ 17.3% แซงหน้าสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ เช่น XBB.1.16 (15.6%), XBB.2.3 (11.2%), XBB.1.5 (10.3%)

ในขณะที่ UK HSA ออกรายงานเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า EG.5.1 นั้นก็ครองสัดส่วนการตรวจพบในสหราชอาณาจักร 12% แล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ภาพรวมตอนนี้ พบราว 20% ในเอเชีย 10% ในยุโรป 7% ในทวีปอเมริกาเหนือ (ยกเว้นในอเมริกาที่สูงไปถึง 17.3%)

\'หมอธีระ\' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

  • เหตุใด EG.5.1 จึงนำตัวอื่นๆ?

ข้อมูลล่าสุดเมื่อคืนนี้ จาก Cao YR มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชี้ให้เห็นว่า EG.5.1 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่ตำแหน่ง F456L ซึ่งทำให้มีสมรรถนะในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันมากขึ้นไปกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้

ที่น่าสนใจคือ แม้ทดสอบด้วยภูมิคุ้มกันในซีรั่มของคนที่เคยติดเชื้อสายพันธุ์ XBB มาก่อน ก็พบว่าดื้อต่อภูมิคุ้มกันเช่นกัน

นอกจากนี้ Cao YR ยังทำการศึกษาพบว่า สายพันธุ์ย่อยต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่ง F456L ร่วมกับ L455F นั้น ก็ต้องมีการติดตามเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน เพราะมีสมรรถนะทำให้ทั้งดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากขึ้น และจับกับตัวรับ ACE2 ที่ผิวเซลล์เป้าหมายได้แน่นขึ้นอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น หรือป่วยรุนแรงขึ้นได้

\'หมอธีระ\' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม ตัวที่น่าจับตามองที่สุดตอนนี้คือ EG.5.1 เพราะชัดเจนว่าระบาดมากขึ้นทั่วโลก

ปัจจัยทั้งเรื่องไวรัสที่พัฒนาสมรรถนะมากขึ้น ประกอบกับเงื่อนเวลาที่เรามักมีแนวโน้มเหมือนประเทศอื่นๆ ใน 6-10 สัปดาห์ และตารางกิจกรรม เทศกาลต่างๆ ช่วงปลายปี

หลังจากตุลาคมเป็นต้นไป ก็อาจมีโอกาสที่จะเกิดปะทุขึ้นมาได้ ควรดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีสติ ไม่ประมาท ป้องกันตัวเสมอ ระวังที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่นนอกบ้าน การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

\'หมอธีระ\' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้

  • เปรียบเทียบอาการป่วยของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ

ทีมงานจากสหราชอาณาจักร นำเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบอาการป่วยของ ผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ ที่ผ่านมาว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Scientific Reports เมื่อ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา สังเกตได้ว่า Omicron นั้น ไม่ว่าจะเป็น BA.1, BA.2, BA.5 ก็ล้วนมีอาการป่วยแตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนๆ พอสมควร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ จะพบบ่อยในสายพันธุ์ก่อนๆ ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม อัลฟ่า เดลต้า แต่พบน้อยลงในช่วง Omicron

ที่เด่นมากของ Omicron คือ อาการไอ อ่อนเพลีย/เหนื่อยล้า ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ คัดจมูกน้ำมูกไหล

 

อ้างอิง
Scientific Reports. 2 August 2023

\'หมอธีระ\' คาดโควิด EG.5.1 ตัวเต็งที่อาจนำการระบาดปลายปีนี้