5 DNA 'บัซซี่บีส์' คิดเร็วทำเร็ว ล้มแล้วต้องลุกให้ไว

Key Point : 

• 'บัซซี่บีส์' Tech Startup ด้าน CRM & Digital Engagement Platform ครบวงจร ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
• เป้าหมายของ 'บัซซี่บีส์' ในปีนี้ คือการตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท และเตรียม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2024 
• 'บัซซี่บีส์' เริ่มต้นจากพนักงานเพียง 10 คน สู่ 600 คน ในเวลา 11 ปี ด้วยหลักการบริหารคน 5 Core Values ที่เปรียบเสมือน DNA ขององค์กร

 

 

“เพราะการทำงานด้านดิจิทัล ต้องอาศัยความเด็ก แต่ความเด็กก็ต้องเก่ง” ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BUZZEBEES) บอกเล่าให้กับ 'กรุงเทพธุรกิจ' ฟังถึงการมองหาคนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของ บัซซี่บีส์ ความเก่งที่ว่าไม่เกี่ยวกับการศีกษาหรือประสบการณ์ แต่มี Passion เพราะเธอเชื่อว่า คนที่มีทัศคติที่จะประสบความสำเร็จ คือ คนที่ประสบความสำเร็จ

 

เข้าปีที่ 11 ในการก่อตั้ง 'บัซซี่บีส์' Tech Startup ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสู่ผู้นำด้าน CRM & Digital Engagement Platform ครบวงจร ด้วยวิสัยทัศน์ CONNECTING THE WORLD ด้วยเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในวันนี้ บัซซี่บีส์ ไม่ใช่แค่บริษัทที่เป็นผู้นำด้าน Loyalty Platform แต่เป็นธุรกิจที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานในโลกดิจิทัล (Digital Infrastructure)

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

• ออกแบบชีวิต ฉบับ 'ธนา เธียรอัจฉริยะ' อยาก Work life balance ต้องลงทุน
• ‘เอไอเอส’ ชูวัฒนธรรม FIT FUN FAIR สร้าง Excellence People รับการเติบโต
• เคล็ด(ไม่)ลับ สร้างดีเอ็นเอ 'EGCO' 'บริหารคน' บนความต่างระหว่าง Gen

 

 

ผ่าน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM & Loyalty Platform) 2.ธุรกิจจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ (Rewards & Privileges Management) 3. ธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร (E-Commerce Service) และ 4. ธุรกิจบริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน (Retail Solution & E-Payment)

 

“บัซซี่บีส์ เริ่มต้นจากพนักงานเพียง 10 คน ยอดขายช่วงปีแรกอยู่ในหลักแสนบาท และเริ่มเติบโตเรื่อยมาจน ปี ค.ศ. 2020 – 2022 มีรายได้อยู่ที่ 921 ล้านบาท, 1,142 ล้านบาท และ 1,751 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งในปี ค.ศ. 2023 นี้ ตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท ให้บริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และล่าสุด ฮ่องกง มีพนักงานกว่า 600 คน และเตรียม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี ค.ศ. 2024”

 

หากย้อนกลับไปใน 11 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าบริการของบัซซีบีส์ ดูจะเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้น กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ก็ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมาก เพื่อให้ลูกค้าและผู้บริโภคเข้าใจ 'ณัฐธิดา' เล่าต่อไปว่า ลูกค้า 2 รายแรก คือ Samsung Galaxy Gift และ AIS Privilege จนปีที่ 3 ได้ PTT Blue card และเริ่มได้ ธนาคารทุกธนาคาร กระทั่งปัจจุบัน ดูแลแพลตฟอร์มพันธมิตรกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 145 ล้านบัญชี

 

“เราผ่านจุดนั้นได้เพราะอดทน มองว่าหากทำแล้วไม่ได้ผลก็อย่าทำแบบเดิมซ้ำๆ ให้ทำเรื่องใหม่ หาวิธีใหม่ๆ ทำจนกว่าจะเจอโซลูชั่นที่ใช้ กระโดดคว้าสิ่งต่างๆ หากไม่ใช่ก็ปัดออกและลองใหม่ อันไหนที่ใช่ก็ดันสุดตัว คนที่เป็นสตาร์ตอัปต้องไม่ยอมแพ้”

 

 

 

การคัดเลือกคน 'บัซซี่บีส์'

 

และแน่นอนว่า การเป็นสตาร์ตอัปที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด การคัดเลือกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ บัซซีบีส์ จึงต้องการคนที่มี DNA ตรงกัน ด้วย Core Values 5 ข้อ ได้แก่ 'Be Bold' ต้องเป็นคนกล้า กล้าที่จะผิด 'Be Fast' ทำงานเร็ว อย่าคิดช้า คิดแล้วต้องทำ 'Be Persistent' มีความทรหด ล้มแล้วต้องลุก 'Be Inspired' ให้กำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองและผู้อื่น ต้องเป็น Good Energy และสุดท้าย 'Beyond Expectation' หากจะทำ อย่าทำเท่าที่ทำได้ แต่ทำให้ดีกว่าที่สามารถทำได้

 

ณัฐธิดา อธิบายต่อไปว่า อีกแง่หนึ่ง คือ ต้องเป็นคนเก่ง เป็นเรื่องของ Talent เราให้โอกาสและเวที อยากทำอะไรก็สามารถเดินเข้ามาคุยได้เลย ถึงแม้สิ่งที่ทำนั้นเราอาจจะเคยลองแล้วทำไม่ได้ แต่หากน้องอยากทำก็ลอง มองว่าวิธีการเดินแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราทำไม่ได้ ก็ใช่ว่าน้องจะทำไม่ได้ ทุกคนที่นี่มีเวทีหากอยากแสดงฝีมือ

   

“การเติบโตของพนักงานในบัซซีบีส์ เราพูดเสมอว่าสิ่งเดียวที่จำกัดการเติบโตของคุณ คือ ตัวคุณเอง เรามีพนักงานที่เข้ามาและกำลังจะตั้งบริษัทเอง เป็นเจ้าของบริษัทและบัซซีบีส์เป็นหุ้นส่วน ดังนั้น หากคุณมีฝีมือ ทำให้เต็มที่ ส่วนใหญ่ พนักงานที่นี่อายุเฉลี่ย 30 ปี ดิจิทัลต้องอาศัยความเด็ก แต่ความเด็กก็ต้องเก่ง เราไม่ได้มองว่า คนที่จบการศึกษาหรือมีประสบการณ์ถึงจะเก่งได้ แต่ต้องมี Passion เพราะเชื่อว่าคนที่มีทัศนคติที่จะประสบความสำเร็จ คือ คนที่ประสบความสำเร็จ”

 

 

จาก HRM สู่ HRD

 

ทั้งนี้ ในองค์กรที่มีคนจำนวนมาก และมีความหลากหลาย จากที่บริษัทเริ่มทำ 'HRM' หรือ การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) ก็มีการพัฒนาสู่ 'HRD' การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) โดยทำการสำรวจในองค์กร และสื่อสารกันอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ลดความเป็นพิธีการลง และทำโครงการในการเปิดรับฟังพนักงาน

 

“พนักงานสามารถร้องเรียนได้ หากมีไอเดียดีๆ ก็มีเวทีให้เสนอ เราพยายามมากในการพัฒนาพนักงาน โดยทำ BUZZEBEES Academy โปรแกรมเพื่อให้พนักงานใหม่เข้ามารู้ว่าต้องทำอะไร มีหลักสูตรทั้งภายในและภายนอก รวมถึง ส่งคนของเราไปเทรนและกลับมาเทรนน้องๆ ข้างใน ขณะเดียวกันก็มี CEO Section กินข้าวกลางวันกับ CEO และมี Star Talent เวทีแสดงผลงาน”

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมความหลากหลาย โดยพยายามรักษาสัดส่วนความหลากหลายของคาแรคเตอร์ เพราะเชื่อว่า วัฒนธรรมและความหลากหลายของกลุ่มคน ทำให้เกิด “นวัตกรรม” คนคาแรคเตอร์ต่างกันจะคิดต่างกัน หากเอาคนที่คาแรคเตอร์เหมือนกันมาอยู่รวมกันมากเกินไปก็อาจไม่ส่งผลดี

 

“เวลาบรีฟงาน จะบอกแค่ว่าอยากได้แบบนี้ และให้น้องๆ ไปหาวิธีเอาเอง เพราะเชื่อว่าหากสอนทุกสเต็ป นวัตกรรมจะไม่เกิด พอน้องไปทำมาอาจจะดีกว่าที่เราเคยทำก็ได้ และเราก็ได้เรียนรู้จากเขา หากคิดแบบนี้ก็จะได้เรียนรู้กันทุกคน และหากทุกคนคิดแบบนี้ก็จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันและเก่งขึ้น เราพยายามจะให้น้องกล้าเดินมาเถียงได้ การดุไม่เกิดนวัตกรรม ไม่เกิดไอเดีย แต่จะถามเพื่อฉีกไอเดีย และบางครั้งทำให้ได้ Good Idea ขึ้นมา หากเราตั้งใจฟังและไม่พูดแทรกเขาก่อน”

 

 

'พลัง' มาจาก 'เป้าหมาย'

 

เมื่อกลับมาถามถึง แนวคิดในการทำงานและการใช้ชีวิต ณัฐธิดา เล่าว่า ตั้งแต่เด็กรู้ตัวว่า วันหนึ่งจะออกมาเป็นเจ้าของกิจการ ดังนั้น จึงต้องการเรียนอะไรที่กว้างที่สุด รู้เยอะ เพราะสุดท้ายคนที่เป็นเจ้าของกิจการต้องรู้ทุกอย่าง ทำให้หลังจากจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และ บริหารธุรกิจ ม.รามคำแหง จึงเลือกที่จะเรียนต่อปริญญาโททางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ เพราะมองว่าไอทีกำลังมา

 

ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากเรียน และมองว่า ต้องรู้เร็วกว่าคนอื่นถึงจะชนะ ดังนั้น หลังจากเรียนจบและทำงานในบริษัทเอกชน 4 ปี ก็เล็งเห็นโอกาสจาก เหตุการณ์ 9/11 เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 บุคคล 22 อาชีพต้องมีการตรวจสอบภูมิหลัง เธอและผู้ร่วมก่อตั้ง จึงตัดสินใจทำซอฟต์แวร์สแกนลายนิ้วมือ และยื่นขอรับรองจากเอฟบีไอ ภายใต้ บริษัท ไอคอนเซ็ปต์ (IConcept) ในปี ค.ศ. 2003 ปัจจุบัน โซลูชันสแกนลายนิ้วมือ e-Fingerprint ยังถูกใช้งานในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)

 

“เราไม่ได้มองตัวเองว่า 'ทำงานหนัก' แต่เรามี 'เป้าหมาย' ที่จะเปลี่ยนโลก เพราะฉะนั้น พลังมาจากเป้าหมาย เชื่อว่า คนที่มีเป้าหมายของตัวเองเป็นคนที่มีแรงขับเคลื่อน คนถามว่าทำยังไงถึงมีความสุข ก็เลือกที่จะมีความสุข คุณเลือกจะแบกปัญหาแล้วทุกข์ หรือแค่มองแล้วแก้มันไป” ณัฐธิดา กล่าวทิ้งท้าย