ชวนคนไทยตื่นรู้ เช็คตับ-เลิกเหล้ากับหน่วยสุขภาพใกล้บ้าน นำร่อง 80 พื้นที่
สสส. ร่วมกับ สคล.สานพลังหมออนามัยลงพื้นที่ จ.น่าน พบปี 64 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 43% เป็นอันดับ 1 ของไทย ชวนวัดค่าเอนไซน์ตรวจสุขภาพตับหน่วยสุขภาพใกล้บ้าน นำร่อง 80 พื้นที่
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) จ.น่าน ลงพื้นที่ รพ.สต.บ้านสะเนียน ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ร่วมถอดบทเรียนความสำเร็จ 'พลังหมออนามัย ชวนคนไทยตื่นรู้ เช็คตับ เลิกเหล้า' จัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเอนไซม์ตับ ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัยเพื่อพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 พบว่า จ.น่าน มีอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอันดับ 1 ของไทย คิดเป็น 43% ของประชากร จึงควรส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบการสร้างเสริมสุขภาพ ลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงได้มีการบูรณาการองค์ความรู้ด้านปัจจัยเสี่ยงหลัก และระบบบริการสุขภาพ เพื่อแก้ไขปัญหา
จนเกิด 'โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัยเพื่อพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน' ควบคู่กับงดเหล้าเข้าพรรษา ในฤดูกาลสุขปลอดเหล้า Healthy Sobriety ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ เครือข่ายหมออนามัย ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง และภาคีที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนการจัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการ 'วัดค่าเอนไซม์ตับ' ในพื้นที่นำร่อง 80 พื้นที่เขตสุขภาพทั้ง 12 เขต ใน 32 จังหวัด ร่วมกับ รพ.สต. โดยมีเครือข่ายหมออนามัย ให้รู้ด้านสุขภาพ เสริมพลัง ให้คำปรึกษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
20 ปี 'งดเหล้าเข้าพรรษา' โจทย์ใหม่ สถานการณ์ใหม่ และ Landscape ใหม่ที่ท้าทาย
นำร่อง 80 พื้นที่ เช็กค่าตับ หน่วยสุขภาพใกล้บ้าน
“รพ.สต.บ้านสะเนียน เป็นพื้นที่ต้นแบบในการเก็บวัดผลตรวจเลือด เพื่อหาค่าเอนไซม์ตับจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ และผู้ดื่มติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน โดยมีติดตามหลังการงดเหล้าเข้าพรรษา 3 เดือน พร้อมให้คำปรึกษาปรับพฤติกรรม ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า ผู้ดื่มใน ต.สะเนียน สามารถลดหรือเลิกดื่มได้ถึง 78.8% ตับ เป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่ รับ-จ่าย-เก็บ-ผลิต น้ำตาล โปรตีน ไขมัน วิตามิน สร้างน้ำย่อย ผลิตเอนไซม์ และเป็นโรงงานกำจัดขยะ ทำลายของเสีย สุรา สารเคมี สารพิษ ถ้าดื่มสุรามากเกินไปจะทำให้ตับอักเสบ เอนไซม์จะรั่วออกมาทำให้ตรวจพบเอนไซม์ตับสูงในกระแสเลือด และถ้าดื่มเป็นประจำดื่มหนักหรือติดสุรารุนแรง จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
นายนันทมิตร นันทะเสน ผู้อำนวยการรพ.สต.บ้านสะเนียน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับเครือข่ายหลายภาคส่วนโดยเฉพาะ เครือข่ายหมออนามัยวิชาการ ซึ่งมีจุดแข็งใกล้ชิด เข้าถึงข้อมูลประชาชน และรู้บริบทของพื้นที่ เพื่อทำงานเกี่ยวกับการส่งเสริมการลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งไม่ได้ทำการรณรงค์เพียงแค่การชวนให้คนเลิกดื่ม แต่มีเครื่องมืออย่างการตรวจเอนไซม์ตับ
โดย สสส. ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ต้นแบบ เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนร่วมกับหมออนามัยซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ การเชิญชวนคนเข้ามาตรวจค่าเอนไซม์ตับ นอกจากอาศัยรูปแบบของคณะกรรมการสุขภาพพื้นที่ ยังอาศัยการทำงานของ อสม. จะเข้าไปเคาะประตู ให้ความรู้ ด้านสุขภาพ ติดตามประเมินอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิด ทำให้เกิดสุขภาพของชุมชนแบบปฐมภูมิตั้งแต่ระดับชุมชน
ต้องสื่อสารให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์
ดร.บุญเรือง ขาวนวล นายกสมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ และ รองคณบดีฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและภารกิจพัฒนานิสิต คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา ม.ทักษิณ กล่าวว่า บทบาท และสมรรถนะหมออนามัย และ รพ.สต. ดำเนินการจัดการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชน เริ่มจากได้ทำโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายหมออนามัย (หมออนามัยอะคาเดมี่) หมออนามัยรุ่นใหม่ ส่วนมากทำงานอยู่ที่ รพ.สต. ทำให้ได้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพด้านวิชาการและการจัดการความรู้ ที่จะสามารถใช้งานเชิงวิชาการในการขับเคลื่อนงานเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
บทเรียนที่ผ่านมาจะใช้แค่การรณรงค์ให้ความรู้อย่างเดียวอาจไม่ได้มีประสิทธิผลเท่าที่ควร ดังนั้นจำเป็นจะต้องใช้การสื่อสารให้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ด้วยการตรวจค่าเอนไซม์ตับ เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้และความรอบรู้ด้านสุขภาพ
นายชุมพร อินแปลง เจ้าหน้าที่ อบต.สะเนียน ผู้เลิกเหล้าสำเร็จ กล่าวว่า เริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นอายุ 15-16 ปี เพราะค่านิยมว่าลูกผู้ชายต้องกล้าดื่ม และไม่ได้เข้ารับการตรวจสุขภาพ จนกระทั่งปี 2557 ได้เข้ามาร่วมโครงการกับ รพ.สต.สะเนียน มีการเจาะเลือดตรวจค่าเอนไซม์ตับ พบว่าค่าค่อนข้างสูง และยังได้เข้าร่วมอบรม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่คิดว่าจะเลิกดื่ม เริ่มจากค่อย ๆ ลดลง จากดื่มแทบทุกวันเหลือสัปดาห์ละ 1-2 วัน พอเริ่มปรับตัวได้ก็เลิกเลย
หลังจากผ่านไป 2 เดือน ตรวจค่าเอนไซม์พบว่าดีขึ้น จึงปรับพฤติกรรม จนปัจจุบันเลิกเหล้ามาได้ 5 ปีแล้ว หลังเลิกดื่ม สุขภาพดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายเวลาทำงาน ทานอาหารอร่อย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เพื่อครอบครัวเลย รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ขอขอบคุณที่มีโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนอีกมากมายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองต่อไป