ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

เครือ BDMS นำร่อง รพ.มะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ จับมือ แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ร่วมกัน ปิดช่องว่างและเติมเต็มศักยภาพเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจาก 'โรคมะเร็งปอด' ด้วยเทคโนโลยี AI เนื่องใน 'วันมะเร็งโลก' World Cancer Awareness Month 2024: Close the Care Gap

Key Point :

  • อดีตเรารู้กันดีว่า 'บุหรี่' เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเป็น 'มะเร็งปอด' แต่ปัจุจบันพบว่า คนที่ไม่สูบบุหรี่ก็สามารถเป็นมะเร็งปอดได้จากมลภาวะ PM2.5
  • การคัดกรองมะเร็งปอด ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษา และโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยได้ 
  • รพ.มะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ จับมือ แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) มุ่งใช้เทคโนโลยี AI ปิดช่องว่างในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปอด 

 

โรคมะเร็ง เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของคนทั่วโลก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งใน 48 ประเทศ และประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น ขณะเดียวกัน 1 ใน 5 ของช่วงชีวิตคนมีโอกาสเป็นมะเร็ง และ 1 ใน 10 มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง

 

คนไทยราว 1 ใน 6 มีโอกาสเป็นมะเร็ง และ 1 ใน 10 มีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเช่นกัน ดังนั้น โรคมะเร็งนับเป็นเรื่องใกล้ตัว ในแต่ละปีเรามีผู้ป่วยมะเร็ง 1.9 แสนคน เสียชีวิต 1.2 แสนคน หรือ 1 ชั่วโมงมีผู้เสียชีวิต 14 คน 

 

มะเร็งปอด ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้

‘มะเร็งปอด’ พบมากเป็นอันดับ 2 ของไทย สาเหตุไม่ได้มาจากการสูบบุหรี่เท่านั้น แต่มลภาวะ PM2.5 ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งปอดกว่า 2.3 หมื่นคน เสียชีวิตราว 1.9 หมื่นคน หรือกว่า 90%

 

ดังนั้น การที่จะรักษามะเร็งปอดได้อย่างรวดเร็ว คือ การคัดกรอง อย่างไรก็ตาม การเอกซเรย์ปอดทั่วไป ยังไม่สามารถตรวจพบมะเร็งในระยะแรกได้ ทำให้ปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยีการเอกซเรย์ 3 มิติ รวมถึง AI เข้ามาช่วยเพราะให้ค้นหามะเร็งได้เร็วขึ้น

 

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

AI ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด

4 กุมภาพันธ์ เนื่องใน ‘วันมะเร็งโลก’ หรือ World Cancer Day ซึ่งในปีนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ความสำคัญกับการ 'Close the care gap' หรือ การปิดช่องว่างในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามความร่วมมือภายใต้โครงการ 'Collaboration towards excellence in lung cancer' นำร่องที่ โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มุ่งใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาเสริมการปิดช่องว่างในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปอด

 

รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แก่ภาคประชาชนในการประเมินความเสี่ยงและเข้ารับการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อร่วมรณรงค์ไปกับแคมเปญ Close the care gap ขององค์การอนามัยโลก (WHO) วันมะเร็งโลก 4 กุมภาพันธ์ 2567

 

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพวัฒโนสถ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันเราพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเป็นอย่างมากในคนที่ไม่สูบบุหรี่ และมีภัยคุกคามต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เช่น ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในผู้ที่มียีนกลายพันธุ์ EGFR หรือ KRAS และในปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองในมะเร็งปอดในกลุ่มที่ไม่เคยสูบบุหรี่

 

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

 

 

ดังนั้น การที่จะปิดช่องว่างหรือ Close the care gap ในเรื่องนี้ จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเสริม เช่น การนำปัญญาประดิษฐ์หรือ A.I. มาช่วยในการวินิจฉัยภาพเอกซเรย์รังสีทรวงอกในผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และโรงพยาบาลนำชุดตรวจหาสารพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งในร่างกายจากเลือด (Circulating Tumor DNA : ctDNA)

 

โดยใช้เทคโนโลยี Next-Generation Sequencing ที่สามารถตรวจหามะเร็งหลายชนิดพร้อมกัน เพื่อค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ก่อนเป็นจนถึงระยะเริ่มต้น ซึ่งช่วยเสริมการตรวจคัดกรองประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งเฉพาะบุคคล พร้อมทั้งช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

 

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ กล่าวต่อไปว่า รพ.กรุงเทพ เน้นในเรื่องของการปิดช่องว่างการรักษา เพื่อให้คนมีโอกาสรักษามะเร็งด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยการแพทย์แม่นยำ โดยมีการนำมาใช้ทุกภาคส่วน รวมถึง โรคมะเร็ง โดย 3 เสาหลัก ในการรักษาโรคมะเร็ง คือ

  • การใช้ยาเคมีบำบัด ใช้การตรวจยีน สามารถรักษาเฉพาะบุคคล
  • การผ่าตัด แม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาช่วย
  • ฉายแสง ไปตรงจุดที่ต้องการ

 

สาเหตุมะเร็งปอด

นพ.ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางผ่าตัดส่องกล้องปอด โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ อธิบายว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด แบ่งเป็น ปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน แต่ปัจจุบัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ปัจจัยภายนอก

 

"อดีตมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่ ชัดเจนว่าบุหรี่เป็นภัยอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด แต่ช่วง 10-20 ปีหลัง มีการตรวจ วิจัยเพิ่มเติม เกี่ยวกับมลภาวะ PM2.5 พบว่า เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่สูบบุหรี่" 

 

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

 

การคัดกรอง

นพ.ผดุงเกียรติ อธิบายต่อไปว่า การตรวจคัดกรองในปัจจุบัน การตรวจเอกซเรย์ปอด ไม่ได้ช่วยให้เราเจอมะเร็งปอดระยะเริ่มต้นได้เร็วขึ้น และไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ดังนั้น จึงมีงานวิจัยเพิ่มขึ้นมาว่า หากตรวจคัดกรองคนไข้ด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สร้างภาพ 3 มิติ ช่วยให้เจอมะเร็งปอดได้เร็วขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิต

 

สำหรับในกลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่ ที่ได้รับมลภาวะ และมียีนที่ผิดปกติสูงกว่าทางยุโรป พบว่า ทำให้เจอมะเร็งปอด ง่ายขึ้น เร็วขึ้น กลุ่มนี้ต้องได้รับการคัดกรองเป็นพิเศษ ปัจจุบัน มีงานวิจัยที่ไต้หวัน ที่มีกลุ่มประชากรใกล้เคียงกับไทย พบว่า คนไข้ที่ไม่สูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงกว่าประชากรทางยุโรป สหรัฐอเมริกา

 

ที่ผ่านมา คนไข้มะเร็งปอดของ รพ.มะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มากกว่า 20% มีอายุน้อยกว่า 40 ปี สาเหตุจากยีน มลภาวะ ทำให้เจอมะเร็งปอดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ เกินครึ่งเป็นคนไข้มะเร็งปอดระยะที่ 1 ซึ่งหากเทียบกับข้อมูลทั่วโลก จะพบว่า คนไข้มะเร็งปอดเกินครึ่ง จะพบว่าเป็นระยะที่ 4 ดังนั้น เป็นตัวอย่างที่ว่า หากคัดกรองคนไข้อย่างเหมาะสม ได้รับการรักษา จะทำให้หายขาดจากมะเร็งปอดได้

 

การรักษามะเร็งปอด

ระยะที่ 4 ระยะแพร่กระจาย การรักษาจะเป็นแบบประคับประคอง ให้ยามุ่งเป้า ภูมิคุ้มกันบำบัด เคมีบำบัด หรือ อาจจะมีฉายแสง โอกาสหายขาดน้อย

ระยะที่ 2-3 มีการลามไปยังอวัยวะภายในช่องอก ต่อมน้ำเหลือง จะมีการให้ยา ฉายแสง ซึ่งยังหวังผลหายขายได้ อย่างไรก็ตาม คนไข้ต้องได้รับการรักษา และ ผลข้างเคียง ซึ่งกินระยะเวลายาวนานจากการให้ยาและฉายแสง

ระยะที่ 1 รักษาด้วยการผ่าตัด ไม่ต้องให้ยา ไม่ต้องฉายแสง

 

“ปัจจุบัน เรามีการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ ทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว ระยะเวลาเฉลี่ยที่นอน รพ. คือ 2-3 คืน หลังจากนั้นคนไข้จะเริ่มพักฟื้น ทานอาหาร และทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ คนไข้จะฟื้นตัวได้เร็วหากมีการผ่าตัดที่เหมาะสม” นพ.ผดุงเกียรติ กล่าว 

 

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

 

ลดอัตราการเสียชีวิต ผู้ป่วยมะเร็งปอด

โรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โรคมะเร็ง หากรู้เร็ว สามารถรักษาได้ โรคมะเร็ง ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ให้ความสำคัญมาตลอดระยะเวลา 40 ปี เราพร้อมเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมคนไทยหันมาตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก เรามุ่งมั่นในการนำวิทยาศาสตร์มาต่อยอดและพัฒนาการดูแลสุขภาพของประชาชนมาโดยตลอด ล่าสุดกับการนำเสนอการใช้เทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องเอกซเรย์ปอด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบเงาของก้อนเนื้อในปอดซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นที่อาจมีขนาดเล็กหรือมองเห็นได้ยากภายในระยะเวลา 3 นาที ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดอัตราการเสียชีวิต เพิ่มอัตราการรอดชีวิต 5 ปีของผู้ป่วยมะเร็งปอดได้มากยิ่งขึ้น

 

นอกจากด้านการตรวจวินิจฉัยและรักษาของโรงพยาบาลที่ครบครัน แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหนึ่งในสมาชิกของ The Lung Ambition Alliance (LAA) เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาคีพันธมิตรระดับนานาชาติ 4 องค์กรที่มีการดำเนินกิจกรรมใน 50 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เพื่อร่วมกันสานต่อเป้าหมายในการเพิ่ม ‘อัตราการรอดชีวิต 5 ปี’ ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดให้เป็น 2 เท่า ภายใน พ.ศ. 2568 พร้อมศึกษาทำความเข้าใจถึงวิวัฒนาการของโรค พัฒนาเทคนิคระดับก้าวหน้าเพื่อการดูแลรักษาโรคมะเร็งปอด ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น

 

ปิดช่องว่าง ‘คัดกรองมะเร็งปอด’ ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ รู้เร็วรักษาทัน

 

พญ.เมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กว่า 10 ปีของโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามุ่งมั่นให้การบริการทางด้านสุขภาพและศูนย์แห่งความเป็นเลิศในโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง รองรับผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

ซึ่งการร่วมมือกับ แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยส่งเสริมศักยภาพของโรงพยาบาล ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการทางคลินิกวิทยาศาสตร์ ร่วมกับสถาบันมะเร็งระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงการถ่ายทอดนวัตกรรม และความเชี่ยวชาญขั้นสูงให้แก่ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multi-disciplinary team – MDT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับแนวทางการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ส่งเสริมให้โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็งแห่งเอเชียแปซิฟิกในอนาคต

 

ความร่วมมือของทั้งสององค์กรในครั้งนี้ จะช่วยปิดช่องว่างการตรวจวินิจฉัย และดูแลเติมเต็มทุกการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง Close the Care Gap ให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนคนไทยและทุกเชื้อชาติ ห่างไกลจากโรคมะเร็ง และข้ามผ่านการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น