“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

ผู้หญิงทุกคนที่อายุมากกว่า 40 ปี ควรตรวจเต้านมเป็นประจำทุกปี และปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม หากยิ่งมาตรวจได้เร็ว ก็จะรักษาได้ง่ายและมีโอกาสหายได้มากยิ่งขึ้น

โรคมะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 1 ของผู้หญิงทั่วโลก จากสถิติขององค์การอนามัยโลก มีผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมกว่า 2 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิตกว่า 685,000 รายทั่วโลก

 ขณะที่ ข้อมูลจากกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า มีผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านม 18,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 49 คนต่อวัน และเสียชีวิต 4,800 คนต่อปี หรือ 13 รายต่อวัน โดยจำนวนของผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่เป็นมะเร็งเต้านม ประมาณ 0.5-1% ของมะเร็งเต้านมสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชาย

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวในงานแถลงข่าวของศูนย์เต้านม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ว่า ศูนย์เต้านมหนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง มุ่งหวังที่จะช่วยรักษาผู้ที่มีอาการหรือมีความผิดปกติของเต้านมอย่างครอบคลุม ทั้งโรคทั่วไปและโรคที่ร้ายแรงและมีความซับซ้อน

การที่มีคลินิกเฉพาะทาง โดยมีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ มีเครื่องมือที่ทันสมัยจะเอื้อประโยชน์ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้ตรงจุด และทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากภาวะเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยรพ.มีผลลัพธ์การรักษาที่ดีมาก มีอัตราการรอดชีวิตสูง และมีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำต่ำ

“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

หัวใจหลักศูนย์เต้านม

รศ. นพ. วิชัย วาสนสิริ หัวหน้าศูนย์เต้านม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ศูนย์ดูแลผู้ป่วยได้อย่างครบวงจรแบบองค์รวม โดยให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับเต้านมในทุกมิติ เช่น มะเร็งเต้านม ก้อนที่เต้านม อาการเจ็บเต้านม พังผืดและถุงน้ำที่เต้านม ภาวะเต้านมอักเสบ และปัญหาอื่นๆ โดยมีการทำงานร่วมกันเป็นทีม ระหว่างทีมแพทย์ด้วยกันเองและทีมแพทย์กับสหสาขาวิชาชีพ ผ่านการประชุม Multidisciplinary Team Breast Conference เพื่อการรักษาที่ตรงจุด แม่นยำ เกิดผลข้างเคียงน้อย และให้ผลการรักษาที่ดีขึ้น

สำหรับ 3 หัวใจหลักของการรักษามะเร็งเต้านมที่บำรุงราษฎร์ ประกอบด้วย วินิจฉัยเร็ว (Fast Diagnosis), รักษาเร็ว (Fast Treatment) และผลลัพธ์การรักษาเป็นเลิศและมีความปลอดภัย (Excellent Outcome)

ส่วนหัวใจหลักที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นหรือไม่เป็นมะเร็ง คือ Triple Assessment ได้แก่ ตรวจคัดกรอง ส่งชิ้นเนื้อ และพบศัลยแพทย์เต้านม ซึ่งผู้ป่วยสามารถทราบผลตรวจวินิจฉัยได้ภายใน 72 ชั่วโมง

“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

พญ. สุดารัตน์ ชัยเพียรเจริญกิจ แพทย์ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์เต้านม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า เมื่อผู้ป่วย 1 คน สงสัยว่าตัวเองคลำเจอก้อนที่เต้านมหรือมาด้วยอาการผิดปกติที่เต้านม จะส่งตรวจอัลตราซาวด์สำหรับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 35 ปี ส่วนผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี จะส่งตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ในวันนั้นเลย

หลังจากที่ผลออกมาแล้วพบความผิดปกติ แพทย์จะเจาะชิ้นเนื้อโดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์บอกตำแหน่งสำหรับคนตรวจคัดกรองด้วยอัลตราซาวด์ แต่ถ้าตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม แพทย์จะเจาะชิ้นเนื้อโดยใช้เครื่องแมมโมแกรมบอกตำแหน่ง และผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือเคยเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน จะส่งทำ MRI เต้านมเพิ่ม เพื่อตรวจเช็คให้ละเอียดว่าเต้านมมีความผิดปกติหรือไม่

ได้ผ่าตัดเร็วภายใน 1 สัปดาห์

พญ. ปิยวรรณ เกณฑ์สาคู แพทย์ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์เต้านม กล่าวว่า การตรวจเจอมะเร็งในระยะเริ่มต้นและรักษาได้เร็ว จะทำให้การรักษาได้ผลดี และเพิ่มโอกาสรอดชีวิต ดังนั้น

หลังจากที่ผู้ป่วยทราบผลตรวจว่าเป็นมะเร็ง ศูนย์สามารถทำการผ่าตัดได้ภายใน 1 สัปดาห์ มีแนวทางหลากหลายตามความเหมาะสม ได้แก่ การผ่าตัดแบบสงวนเต้านม, การผ่าตัดออกทั้งหมดและเสริมสร้างเต้านมใหม่, การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด

ในการดูแลรักษา ความปลอดภัยในการผ่าตัดและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เป็นหัวใจหลัก นพ. ธีรภพ ไวประดับ แพทย์ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์เต้านม กล่าวว่า การดำเนินงานของศูนย์ที่ผ่านมา มีการติดเชื้อหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม 0%

“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

 การเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า 1% ที่ต้องผ่าตัดซ้ำภายใน 72 ชั่วโมง, ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวข้อไหล่ หัวไหล่หลังผ่าตัดได้ทันที ผ่านโปรแกรมการทำกายภาพบำบัดก่อน-หลัง และมีการติดตามผลการรักษาหลังผ่าตัดเพื่อให้ข้อไหล่มีการเคลื่อนไหวได้ มากกว่า 90 องศา ได้ 100%

“ ในการผ่าตัดยังคำนึงถึงความสวยงามของเต้านม เพื่อรักษาอวัยวะที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงไว้อย่างดีที่สุด ศูนย์สามารถทำการผ่าตัดมะเร็งเต้านมออกแล้วเสริมใหม่ได้ทุกรูปแบบของเต้านม ทั้งใช้เนื้อเยื่อหน้าท้อง เนื้อเยื่อด้านหลัง หรือการใช้ซิลิโคน แม้แต่คนที่เคยผ่าตัดเต้านมออกไป 1 ข้าง แล้วอยากเสริมใหม่อีก 1 ข้าง ก็สามารถทำให้ทั้ง 2 ข้างเท่ากันได้”พญ.ปิยวรรณกล่าว

ตรวจยีนเพิ่มประสิทธิภาพรักษา

การรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การให้ยาเคมี การฉายแสง การให้ยาต้านฮอร์โมน การให้ยามุ่งเป้า และการให้ยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด นพ. หฤษฎ์ สุวรรณรัศมี แพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา อธิบายว่า การให้ยาผู้ป่วยหลังผ่าตัดจะช่วยลดโอกาสของการกลับมาเป็นซ้ำ โดยมียาที่ได้รับการรับรองข้อบ่งใช้ในโรคมะเร็งแต่ละชนิดอย่างครอบคลุม จะเลือกยาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย

“มะเร็งเต้านม” ผ่าตัดแบบสงวนเต้า วินิจฉัยรู้ผลใน 72 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจการแสดงออกของยีนในตัวมะเร็ง (Genomic risk) เพื่อบอกโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำหลังผ่าตัดมะเร็งเต้านม และหากเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น การตรวจยีนจะช่วยทำให้รู้ว่าหากต้องให้ยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากการให้ยาหรือไม่  ทำให้แพทย์สามารถเจาะจงใช้ยารักษามะเร็งที่เหมาะสม พร้อมวางแผนหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรก

“เป็นมะเร็งเต้านมไม่ได้หมดความหวัง  ถ้าเป็นตรวจเจอเร็ว เป็นในระยะเริ่ม การรักษาจะหายขาด หากเป็นระยะแพร่กระจาย รักษาให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างมีคุณภาพชีวิต”นพ.หฤษฏ์กล่าว

ลดฉายรังสีเหลือเพียง 4 สัปดาห์

นพ. อภิชาต พานิชชีวลักษณ์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา อธิบายว่า การฉายรังสี ปัจจุบันใช้เวลาสั้นมากขึ้นจากเดิม 6 สัปดาห์เหลือเพียงแค่ 4 สัปดาห์ และในแต่ละครั้งของการใช้รังสีใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีมาช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายขณะฉายแสง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหายใจ ทำให้มีการความปลอดภัยต่ออวัยวะข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ปอด หรือ หัวใจ ในกรณีฉายแสงในมะเร็งเต้านมข้างซ้าย โดยจะหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย

ตรวจยีนผิดปกติเกิดมะเร็งเต้านม

ผศ.นพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล แพทย์ชำนาญการด้านพันธุกรรม กล่าวว่า มะเร็งเต้านมมีสาเหตุจากพันธุกรรมราว 1 ใน 8 ซึ่งการตรวจยีนผิดปกติที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ควรเริ่มจากการดูประวัติของคนในครอบครัวที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ หากตรวจพบความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านม ทำให้ทราบมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นกว่าคนปกติ จะช่วยให้สามารถวางแผนป้องกันโรคได้

เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตามกำหนดเวลาที่แพทย์แนะนำ ซึ่งต้องตรวจบ่อยครั้งกว่าและเริ่มตรวจเมื่ออายุน้อยกว่าคนทั่วไป โดยที่รพ.บำรุงราษฎร์ใช้เทคโนโลยีในการตรวจวินิจฉัยยีนขั้นสูงที่เรียกว่า Next Generation Sequencing (NGS) ให้ผลตรวจที่รวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ