'ยูนิโคล่' พัฒนาคนตั้งแต่ 'จุดเริ่ม' สร้างผู้นำ เติบโตไปพร้อมธุรกิจ
ยูนิโคล่ ประเทศไทย พัฒนาคนตั้งแต่ 'จุดเริ่ม' สร้างผู้นำ “UNIQLO MANAGER CANDIDATE (UMC)” เติบโตไปพร้อมธุรกิจ หนุนความหลากหลาย ปรับสวัสดิการเหมาะกับทุกช่วงวัย คุณแม่ลาคลอดได้ 365 วัน
KEY
POINTS
- ยูนิโคล่ ประเทศไทย พัฒนาคนตั้งแต่ 'จุดเริ่ม' สร้างผู้นำ “UNIQLO MANAGER CANDIDATE (UMC)” เติบโตไปพร้อมธุรกิจ
- พัฒนาบุคลากร ในรูปแบบการเรียนในห้องเรียน พร้อมฝึกปฏิบัติงานไปพร้อมการทำงานจริง (On the Job Training) เพื่อให้คนทำงานเติบโตไปยังสายอาชีพในอนาคต
- นอกจากนี้ ยังปรับสวัสดิการเหมาะกับทุกช่วงวัย หนุนความหลากหลาย คุณแม่ลาคลอดได้ 365 วัน คุณพ่อลาได้ 5 วัน ส่งเสริมการดำเนินชีวิตทั้งการทำงาน ควบคู่ไปกับการเป็นครอบครัว
ยูนิโคล่ ประเทศไทย ธุรกิจค้าปลีกก่อตั้งมาแล้วกว่า 13 ปี ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันกว่า 66 สาขาทั่วประเทศ และพนักงานกว่า 2,000 คน ทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่ หน้าร้าน และพาร์ตไทม์ การเติบโตและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง กุญแจสำคัญ คือ การพัฒนาศักยภาพคน ตั้งแต่จุดเริ่มของการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย พร้อมจะเติบโตไปกับธุรกิจ
การสรรหาบุคคลที่จะมาร่วมงาน จึงเป็นสิ่งที่ยูนิโคล่ให้ความสำคัญ พนักงานที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับยูนิโคล่ต้องเข้าใจและเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับพันธกิจของบริษัท สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มพูนทักษะ ซึ่งนอกจากการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากร ในรูปแบบการเรียนในห้องเรียนแล้ว ยังมีการฝึกปฏิบัติงานไปพร้อมการทำงานจริง (On the Job Training) เพื่อให้คนทำงานเติบโตไปยังสายอาชีพในอนาคต
UMC ปั้นผู้นำ ตั้งแต่ก้าวแรก
การคัดเลือกคนเข้ามาเป็นครอบครัวของยูนิโคล่ มีด้วยกัน 3 ส่วน คือ “พนักงานดูแลประจำร้าน” ซึ่งจะพัฒนาศักยภาพไปสู่พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขาย ถัดมา คือ ในส่วนของ “สำนักงานใหญ่” ที่มีการคัดเลือกตามตำแหน่งที่ต้องการ และสุดท้าย คือ “UNIQLO MANAGER CANDIDATE (UMC)” โครงการพัฒนาคนทำงาน เพื่อเป็นผู้บริหารตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา
“ธิติมา สถิตย์พัฒนพงศา” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เข้ามาทำงานร่วมกับยูนิโคล่ในตำแหน่ง UMC เมื่อ 13 ปีก่อน ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า UMC เป็นโครงการที่ยูนิโคล่ทำประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง เป็นการสรรหาบุคคล น้องๆ รุ่นใหม่เพื่อเข้ามาพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านการบริหารจัดการร้านค้า และก้าวไปเป็นผู้นำด้านธุรกิจของยูนิโคล่ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'เมทเธียร์' บริหารคนต่างเจน ชูหลักคิด 'Empathy & Honesty'
- “ทรู” ชู 4C หลอมรวมองค์กร สร้างคนดิจิทัล สู่ Telco-Tech Company
“การคัดเลือกมีหลักการว่า อยากให้ผู้สมัครเข้าใจการทำงานของยูนิโคล่จริงๆ ดังนั้น ตำแหน่ง UMC จึงเริ่มตั้งแต่ Open House ให้ผู้สมัครเข้ามาทำความเข้าใจกับบริษัทและตำแหน่งงาน หลังจากนั้น จึงเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ฝึกงานจริงที่ร้าน 1 วัน ให้เรียนรู้สภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะเราเชื่อว่า “ไม่ใช่แค่บริษัทที่มีสิทธิ์เลือกพนักงาน พนักงานก็มีสิทธิ์เลือกบริษัทด้วยเช่นกัน” จึงอยากให้ความเข้าใจแก่ผู้สมัครทุกคนก่อนที่จะเข้าสู่การคัดเลือกและไปเป็นพนักงานยูนิโคล่”
หลังจากผ่านการคัดเลือก ทุก 6 เดือน อาจมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงสาขาจากร้านเล็ก ไปอยู่ร้านใหญ่ มีความท้าทาย มีสภาพแวดล้อมที่ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาตัวเอง รวมถึง มีโอกาสที่จะได้เข้ามาทำงานในสำนักงานใหญ่ในตำแหน่งที่แต่ละคนสนใจ
“UMC เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี คนรุ่นใหม่มีศักยภาพในการเติบโต ตอนนี้สิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังมองหา คือ บริษัทที่ให้โอกาส และการดึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ออกมาพัฒนาต่อยอดเพื่อเติบโตไปเป็นผู้นำในอนาคต สิ่งที่ยูนิโคล่เป็นอยู่ตอนนี้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่”
พัฒนาคน ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ นอกจากพนักงานที่เข้ามาจะมีการฝึกอบรมแล้ว ยูนิโคล่ ยังให้ความสำคัญกับ On the Job Training มีแผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan : IDP) “ธิติมา” อธิบายว่า พนักงานที่เข้ามา จะให้ลองเขียนว่าสิ่งที่เขาอยากจะเป็นในยูนิโคล่คืออะไร จุดมุ่งหมายสูงสุดว่าอยากจะทำงานในส่วนงานไหน สายงานไหน ประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยพนักงานจะต้องเขียนและอัปเดตทุก 6 เดือน
“นอกจากนี้ น้องๆ จะมีการพูดคุยแผนนี้กับหัวหน้างานถึงเป้าหมาย สิ่งที่เป็นอยู่ หรือสิ่งที่ยังขาดคือเรื่องอะไร จะต้องพัฒนาเรื่องใดบ้าง เพื่อให้มีพื้นฐาน จุดมุ่งหมายเดียวกัน หัวหน้าสามารถช่วยดูได้ว่า หากน้องๆ จะไปถึงจุดนั้น จะต้องพัฒนาในส่วนใดมากขึ้น เพื่อต่อยอดให้เขาได้ไปถึงอาชีพที่เขามุ่งหวัง ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาพนักงานของยูนิโคล่ โดยก่อนหน้านี้มีส่งน้องไปเป็นผู้จัดการในต่างประเทศ เช่น ผู้จัดการพื้นที่ ประเทศอังกฤษ และตอนนี้เขากลับมาเป็น Country Manager ที่ประเทศไทย”
คนที่อยู่ตำแหน่ง UMC เป็น CANDIDATE ที่จะไปเป็นผู้บริหารในอนาคต เพราะฉะนั้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่เข้ามาในตำแหน่งนี้เริ่มตั้งแต่ร้านเป็นที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การเรียนรู้งานจริงที่หน้าร้าน จะช่วยต่อยอดในการบริหารคน บริหารร้านค้า และมีมุมมองด้านธุรกิจที่กว้างขึ้น พอเติบโตเขาจะมีก้าวที่มั่นคงในการเป็นผู้บริหารในอนาคต และการร่วมมือในการพัฒนา ไม่ใช่แค่หัวหน้างาน แต่ทุกฝ่ายทั้งสำนักงานใหญ่ และผู้บริหาร ทุกคนจะช่วยกันในการพัฒนาพนักงานไปด้วยกัน
ขณะเดียวกัน พนักงานหน้าร้าน มีโครงการ E-Learning สามารถเข้าไปฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมได้ เพราะมองว่าภาษาเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งๆ น้องๆ อาจจะต้องดูแลลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้น แต่ครอบครัวของพนักงานก็สามารถเข้าไปเรียนได้เช่นเดียวกัน เป็นโครงการที่เริ่มต้นในปีที่ผ่านมา
“การพัฒนาคน เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ยูนิโคล่ เติบโตไปได้ เนื่องจากตอนนี้ยูนิโคล่มีแผนการขยายธุรกิจ และแน่นอนว่าเราต้องมีคนที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาและเป็นผู้นำยูนิโคล่ให้ก้าวไปข้างหน้า เป็น Next Generation หัวหน้างานทุกคนจะมีความคิดว่า เราจะต้องพัฒนาน้องของเราให้เก่งกว่าเรา เพื่อไปเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนยูนิโคล่ในการขยายสาขาหรือดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งในอนาคต”
สวัสดิการตอบโจทย์ทุกช่วงอายุ
ยูนิโคล่ ซึ่งมีพนักงานกว่า 2,000 คน ที่รวมทั้งพนักงานพาร์ตไทม์และพนักงานชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ เป็นต้น อายุเฉลี่ย 25-35 ปี เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่เปิดกว้าง สนับสนุนเรื่องความหลากหลาย และทุกคนสามารถสื่อสารกันได้ไม่ว่าจะที่ร้านค้า สำนักงานใหญ่ พนักงานพาร์ตไทม์ และผู้บริหาร
ธิติมา อธิบายว่า ในออฟฟิศ การเข้าไปคุยกับผู้บริหาร ไม่ใช่ว่าต้องเคาะประตูเข้าไป หากมีปัญหาอะไร หรืออยากจะพูดคุย สามารถเดินไปพูดคุยได้เลย ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกับการสื่อสาร ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับสวัสดิการให้เหมาะสมกับช่วงวัย อาทิ คุณแม่ลาคลอดได้ 365 วัน โดยบริษัทจ่ายเงินเดือนให้ 90 วัน นอกจากนี้ คุณพ่อสามารถลางานไปช่วยดูแลลูกที่คลอดได้ 5 วัน และเรามีกฎสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ คือ ในช่วง 1 ขวบปีแรก หากลูกไม่สบายจะมีวันลาเพิ่มเติมพาไปหาหมอ
“การที่สามารถลาคลอดได้ 365 วัน ถือเป็นการสนับสนุนคุณแม่มือใหม่ ที่อยากจะอยู่กับลูก 1 ปีในการดูแล ให้เวลาพนักงานเต็มที่ในส่วนนี้ เชื่อว่าช่วงขวบปีแรกลูกอยู่กับแม่ดีที่สุด รวมถึงมีห้องปั๊มนมส่วนตัวที่ออฟฟิศ ขณะที่น้องหน้าร้านก็มีเวลาให้เขาสามารถไปปั๊มนมได้”
ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่คุณพ่อคุณแม่อายุมากขึ้น สามารถลาเพื่อพาครอบครัวไปพบแพทย์ได้เช่นกัน ในส่วนของสำนักงานใหญ่ ซึ่งทำงาน 08.00 – 17.00 น. แม้จะทำงานที่ออฟฟิศ 100% แต่พยายามส่งเสริมให้พนักงาน เลิกงานได้ตรงเวลา เพื่อนำเวลาส่วนนั้นไปใช้ชีวิต ทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบ ให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตทั้งการทำงาน ควบคู่ไปกับการเป็นครอบครัวในเวลาเดียวกัน