เทรนด์ “เสริมความงามน้องสาว” ฉีดฟิลเลอร์-โบท็อกซ์ กระชับช่องคลอด
สูตินรีแพทย์เผยหญิงไทยนิยมเสริมความงามน้องสาวมากขึ้น ผ่าตัดตกแต่ง-กระชับช่องคลอดด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์เชี่ยวชาญและกรรมการแพทยสภา กล่าวว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แพทยสภามีคดีร้องเรียนเกี่ยวกับการเสริมสวยอวัยวะเพศทั้งหญิงและชายมากขึ้น โดยเฉพาะในเพศหญิงมีความนิยมผ่าตัดเสริมสวยให้น้องสาวมากขึ้น อาทิ การฉีดสารเติมเต็มเพิ่มขนาดโหนกหัวหน่าว ผ่าตัดตกแต่งแคมเล็กให้เล็ก ลดหรือเพิ่มขนาดช่องคลอด ที่พบมากคือการกระชับช่องคลอดด้วยการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
“เมื่อ 40 ปีก่อน การทำรีแพร์กระชับช่องคลอดมักนิยมทำในหญิงหลังคลอด เพราะเชื่อว่าช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ดด้วย แต่ 10 ปีหลังจากนั้นมีงานวิจัยพบว่าการรีแพร์ไม่ช่วยเรื่องอาการปัสสาวะเล็ด รีแพร์จึงเป็นเพียงการเสริมความงามอวัยวะเพศ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจนแพทย์ยอมรับว่าการฟื้นฟู(rejuvenation) เป็นศาสตร์การแพทย์ชนิดหนึ่ง แม้ไม่ใช่ศาสตร์ที่จำเป็นแต่มีความต้องการเฉพาะกลุ่มอย่างมาก”พญ.ชัญวลีกล่าว
พญ.ชัญวลี กล่าวอีกว่า มีงานวิจัยของเอเชีย พบคนที่ไม่พอใจในรูปลักษณ์ร่างกายตนเอง 30% มีปัญหาทางจิตใจอยู่แล้ว ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำขอให้แพทย์คุยกับคนไข้ให้ดีถึงสิ่งที่ต้องเตรียม และสิ่งที่จะได้หลังการทำ rejuvenation เพราะหากผลลัพธ์ไม่เป็นดังหวัง จะยิ่งทำให้คนที่มีปัญหาทางจิตใจอยู่แล้วยิ่งมีปัญหาเพิ่มขึ้น เกิดความไม่พอใจ นำสู่คดีฟ้องร้องในที่สุด
สำหรับสิ่งที่ผู้ตัดสินใจจะเสริมสวยน้องสาว น้องชายจะต้องเตรียม คือ เตรียมใจ เนื่องจากมีงานวิจัยชี้ชัดว่า ทำแล้วสวยไม่นาน ไม่ได้เพิ่มความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ การทำใจรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น แพ้ยาชา แม้เกิดไม่บ่อยแต่หากเกิดอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แพ้ยาสลบ แพ้ไหม แพ้สารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย ที่พบบ่อยคือเกิดแผลอักเสบติดเชื้อ
รวมถึง การต้องเตรียมเงิน ทั้งเพื่อการทำสวย หรือแก้ไขหากไม่สวยอย่างที่หวัง อาจต้องเสียเงินเพื่อลบรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด เพราะอวัยวะเพศมีเลือดไปเลี้ยงมากแผลเป็นจึงเห็นได้ชัด หรืออาจต้องแก้ไขกลับเพราะบางคนผ่าตัดเป็นแผลแล้วเจ็บทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ค่าทำซ้ำเพราะทุกอย่างไม่คงทน หากใช้โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ต้องฉีดซ้ำทุก 6 เดือน หรืออาจต้องเสียเงินทำสวยทั้งตัวเพื่อให้สวยเท่ากันในทุกส่วน