เคล็ดลับการเลือกอาหาร สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง

เคล็ดลับการเลือกอาหาร สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง

‘ความดันโลหิตสูง’ เป็น 1 ใน 7 โรคกลุ่ม NCDs ที่มีอัตราผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุด  ซึ่งประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน และมากกว่า 7 ล้านคนที่ป่วยแต่ยังไม่เข้ารับการรักษา

KEY

POINTS

  • โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เกิดจากการที่ความดันเลือดสูงกว่าปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 ติดต่อกันเป็นเวลานาน มักไม่แสดงอาการ แต่ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจ
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ไม่ขัดสีผลิตภัณฑ์นมที่ไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน โปรตีนที่ไม่ผ่านการแปรรูป อาหารที่มีไขมันดี ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
  • นอกจากอาหารการกินแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน รวมไปถึงการจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้

ความดันโลหิตสูง’ เป็น 1 ใน 7 โรคกลุ่ม NCDs ที่มีอัตราผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุด  ซึ่งประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน และมากกว่า 7 ล้านคนที่ป่วยแต่ยังไม่เข้ารับการรักษา โรคความดันโลหิตสูงส่วนมากมักไม่แสดงอาการ หากผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานและไม่ได้รับการรักษา ความรุนแรงของโรคจะเพิ่มมากขึ้น

โรคความดันโลหิตสูง’ ถึงแม้จะไม่มีอาการ แต่อาจทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด โรคไตเรื้อรัง และเสียชีวิตได้ จึงควรควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ถ้าเกิน 130/80 มิลลิเมตรปรอท คือ เริ่มสูงต้องเริ่มปรับพฤติกรรม

ถ้าสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าป่วยเป็นความดันโลหิตสูงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้ารับการรักษา ถ้าเกิน 160/100 มิลลิเมตรปรอท คือ สูงมากซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และถ้าเกิน 180/110 มิลลิเมตรปรอท สูงถึงขีดอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รักษา 'โรคเบาหวาน' ให้หายขาดไม่ได้ แต่คุมโรคได้ ต้องทำอย่างไร?

ปรับพฤติกรรม "ลดอ้วนลงพุง-น้ำหนักตัว" ลดเสี่ยงโรคแทรกซ้อน

ความดันโลหิตสูงต้องรู้

นพ.สุรชัย รุ่งธนาภิรมย์ แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่าความดันโลหิต คือ ค่าความดันเลือดที่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจเพื่อไหลเวียนนำออกซิเจนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย การวัดความดันโลหิตบ้าง แม้ไม่มีอาการอะไรช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงได้ โดยค่าความดันเลือด แบ่งออกเป็น

  • ค่าความดันตัวบน เป็นค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัว
  • ค่าความดันตัวล่าง เป็นค่าความดันขณะที่หัวใจคลายตัว

เคล็ดลับการเลือกอาหาร สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เกิดจากการที่ความดันเลือดสูงกว่าปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 ติดต่อกันเป็นเวลานาน มักไม่แสดงอาการ แต่ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิต หรือพิการอาทิ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจหนา เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น การรู้ตัวว่าความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระยะแรกนั้นสำคัญ ช่วยให้ควบคุมระดับความดันโลหิตและลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ปัจจัยเสี่ยงความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงพบได้ 1 ใน 5 ของคนไทย จากการที่เส้นเลือดมีความเสื่อมตามวัย เมื่อความดันเพิ่มขึ้น เส้นเลือดจะแข็งและกระด้างมากขึ้น นอกจากนี้หากมีปัจจัยกระตุ้นอย่างกรรมพันธุ์ โรคเบาหวาน โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การกินอาหารรสจัด ความเครียด การพักผ่อนน้อย ยิ่งเสี่ยงความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น

อาการเตือนความดันโลหิตสูง

  • ปวดศีรษะ
  • ปวดท้ายทอย
  • เวียนศีรษะ
  • ดูแลรักษาความดันโลหิตสูง
  • หากผู้ป่วยความดันโลหิตสูงยังมีอาการไม่มาก แพทย์เฉพาะทางจะเน้นในเรื่องการปรับพฤติกรรม อาทิ
  • ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • กินอาหารสุขภาพ Dash Diet
  • เน้นกินผักผลไม้
  • ลดหวาน มัน เค็ม
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • งดสูบบุหรี่
  • จำกัดการดื่มแอลกอฮฮล์

นอกจากนี้การรักษาส่วนใหญ่แพทย์อาจให้รับประทานยาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

เคล็ดลับการเลือกอาหาร สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงควรกินอะไร?

ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงควรให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหาร เนื่องจากการรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้

หลักง่าย ๆ ในการเลือกรับประทานอาหาร 

ลดการบริโภคเกลือโซเดียม อาหารที่มีรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง รวมถึงอาหารแปรรูปสำเร็จรูปที่มักมีเกลือในปริมาณสูง ในขณะเดียวกันควรเพิ่มการรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งใยอาหารที่ดี เช่น ผัก ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่วเมล็ดแห้ง และเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ และถั่วเมล็ดแห้ง จำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่มักพบในอาหารทอดและขนมอบกรอบ การดื่มน้ำสะอาดวันละอย่างน้อย 8 แก้ว และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ก็จะช่วยในการควบคุมความดันโลหิตได้เช่นกัน

อาหารที่ช่วยลดความดันโลหิตมีให้เลือกรับประทานหลากหลาย โดยคุณสามารถปรับเปลี่ยนการรับประทานให้เหมาะกับความชอบของตัวเองได้

ผักและผลไม้

การบริโภคผักและผลไม้ช่วยลดความดันโลหิตได้ เนื่องจากมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร ที่มีทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ ตัวอย่างผักและผลไม้ที่ดีสำหรับการควบคุมความดันโลหิต เช่น

  • กล้วย: มีโพแทสเซียมสูงช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ส้ม: อุดมไปด้วยวิตามินซีและใยอาหาร
  • แครอท: มีวิตามินเอและใยอาหารสูง
  • ผักโขม: มีแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ช่วยปรับสมดุลโซเดียมในร่างกาย
  • ผักใบเขียว: เช่น บล็อคโคลี่ และคะน้า ก็มีประโยชน์ในการลดความดันโลหิตได้เช่นกัน

ธัญพืชเต็มเมล็ด ไม่ขัดสี

ธัญพืชเต็มเมล็ดเป็นแหล่งของเส้นใยอาหารซึ่งช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิต ธัญพืชเต็มเมล็ดที่มีใยอาหารและสารอาหารที่ช่วยลดความดันโลหิต เช่น

  • ข้าวกล้อง: มีแมกนีเซียมและใยอาหารสูง
  • ข้าวโอ๊ต: ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้
  • ควินัว: มีโปรตีนและแมกนีเซียมสูง
  • ข้าวบาร์เลย์:  มีใยอาหารสูง
  • ขนมปังโฮลวีต: มีเส้นใยสูง ซึ่งช่วยในการลดความดันโลหิตซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ

ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน

ผลิตภัณฑ์นมที่ไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันเป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียม โปรตีน และวิตามินดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและช่วยในการลดความดันโลหิต ตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ เช่น

  • นมไขมันต่ำ
  • โยเกิร์ตไขมันต่ำ
  • ชีสไขมันต่ำ

โปรตีนที่ไม่ผ่านการแปรรูป

การเลือกรับประทานโปรตีนที่ไม่ผ่านการแปรรูปสามารถช่วยลดการบริโภคไขมันทรานส์และโซเดียม ซึ่งมีผลต่อความดันโลหิต นอกจากนี้การเลือกรับประทานโปรตีนที่มีไขมันต่ำ ก็สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้เช่นกัน ตัวอย่างของอาหารกลุ่มนี้ เช่น

  • เนื้อปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน
  • เนื้อไก่ไม่ติดมัน หมูเนื้อแดงไม่ติดมัน หรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ
  • ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลันเตา

อาหารที่มีไขมันดี

ไขมันดีเช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้ ตัวอย่างของอาหารที่มีไขมันดี เช่น

  • น้ำมันมะกอก
  • น้ำมันคาโนล่า
  • อะโวคาโด
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์  วอลนัท เมล็ดเชีย

ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลเกลือแร่และโซเดียมของร่างกาย รวมถึงการควบคุมความดันโลหิตด้วย การดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือเกลือสูงจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง

สมุนไพรและเครื่องเทศ

การใช้สมุนไพรและเครื่องเทศในการปรุงอาหาร เช่น กระเทียม  ขิง  และพริกไทยดำ สามารถใช้เพิ่มรสชาติให้อาหารโดยไม่ต้องเติมเกลือ หรือซอสปรุงรส ช่วยลดการบริโภคโซเดียม ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

เคล็ดลับการเลือกอาหาร สำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารที่มีโซเดียมสูง

 อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง ซอสปรุงรส ขนมขบเคี้ยว อาหารที่มีโซเดียมสูงทำให้มีการเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น และทำให้ความดันโลหิตสูง

  • อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

 เช่น ของทอด อาหารจานด่วน จังค์ฟูด (Junk Food) ขนมเค้ก ขนมขบเคี้ยว อาหารกลุ่มนี้เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

  • น้ำตาลและของหวาน

น้ำหวาน ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว อาหารเหล่านี้มีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และเพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม “ความดันสูงควรกินอะไร” ข้อมูลเบื้องต้นน่าจะช่วยเป็นข้อมูลในการเลือกบริโภคอาหารสำหรับหลาย ๆ ท่านได้ การเลือกรับประทานอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการกับภาวะความดันโลหิตสูง การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อสุขภาพจะช่วยการควบคุมความดันโลหิตทำได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน รวมไปถึงการจัดการความเครียด เช่น การฝึกโยคะ การฝึกการหายใจ หรือการหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด ก็จะช่วยทำให้การควบคุมความดันโลหิตดีขึ้นได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังอื่น ๆ ได้อีกด้วย

การตรวจติดตามสภาวะสุขภาพเป็นประจำจะช่วยป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงได้ และหากพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และควรมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินระดับความดันโลหิตว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ หรือต้องมีการปรับการใช้ยาเพื่อการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ

อ้างอิง: โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลพระรามเก้า