โรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย วัยทำงานพึงระวัง!!
ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) คือความเสื่อมประสิทธิภาพของสมองลดลงเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางความคิด ความจำ การใช้เหตุผล และการสื่อสาร รวมถึงบุคคลิกภาพเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติ
KEY
POINTS
- ภาวะสมองเสื่อมในคนอายุน้อย (Dementia in younger) เริ่มพบมากขึ้นถึง 6.9% ของจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน
- ความเครียด และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ภาวะร่างกายขาดวิตามินบี 12 ฮอร์โมนผิดปกติด ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ล้วนเป็นสาเหตุสมองเสื่อมในคนอายุน้อยๆ
- สังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้าง และตัวเอง หากสงสัยถึงพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปว่าอาจจะเป็นโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ควรรีบพาไปพบแพทย์
ภาวะสมองเสื่อม คือ (Dementia) ความเสื่อมประสิทธิภาพของสมองลดลงเรื่อยๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางความคิด ความจำ การใช้เหตุผล และการสื่อสาร รวมถึงบุคคลิกภาพเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติ ในบางกรณีอาจมีอารมณ์แปรปรวน เครียด ซึมเศร้า รู้สึกแปลกแยก ต่อต้าน และแยกตัวออกจากสังคม โดยปกติมักเกิดในคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หรือยิ่งชรายิ่งมีโอกาสเป็นสูงขึ้น
แต่รู้หรือไม่ว่า… ปัจจุบัน เราพบผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในผู้ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ คือพบได้มากขึ้นในผู้มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป หรือยังอยู่ในวัยทำงาน โดยพบมากถึง 7% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด
ปกติแล้ว เมื่ออายุมากขึ้นหรือเข้าสู่วัย 40 ปี เป็นต้นไป อวัยวะและระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ รวมถึงหัวใจและสมองก็ย่อมค่อยๆ เสื่อมลง และสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น มีความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดต่างๆ โรคตับและโรคไตเรื้อรัง หรือมีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่ออกกำลังกาย นั่งทำงานไม่ค่อยขยับตัว มีความเครียด นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ปัจจัยเหล่านี้ย่อมเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้เร็วขึ้นนั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
พฤติกรรม การใช้ชีวิตวัยทำงานส่งผลสมองเสื่อม
พญ. ธนินจิตรา พูลเพชรพันธุ์ สาขาประสาทวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช ระบุว่า ภาวะสมองเสื่อม ในคนอายุน้อย (Dementia in younger) เริ่มพบมากขึ้นถึง 6.9% ของจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน จึงมักถูกมองว่าเป็นเพียงเรื่องของความเครียด หรือภาวะซึมเศร้าจากการทำงาน เลยไม่ได้สังเกตความผิดปกติ ละเลยคิดว่าไม่อันตราย จนกลายเป็นภัยเงียบที่ไม่รู้ตัว
สาเหตุของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย อาจเกิดจาก
- คนในครอบครัวมีประวัติว่าเป็นภาวะสมองเสื่อมตอนอายุน้อยๆ
- ภาวะเส้นเลือดสมองตีบ ซึ่งมักพบในผู้ป่วยอายุน้อยที่มีภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองตีบ ส่งผลให้เซลล์สมองตาย
- ฮอร์โมนผิดปกติ โดยเฉพาะฮอร์โมนไทรอยด์ที่มีระดับต่ำกว่าปกติ
- ภาวะร่างกายขาดวิตามินบี 12 หากขาดเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อม
- สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ซึ่งบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ส่วนแอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการดูดซึมของวิตามินบี12 ทั้งนี้การดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นระยะเวลานานหรือดื่มในปริมาณมากอาจทำลายสมองส่วนต่างๆได้
- การติดเชื้อในสมอง เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส และไวรัสอื่นๆ
- ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือเนื้องอกสมอง
ปัจจัยอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์
- การขาดวิตามินบางตัว เช่น วิตามินบี 12 และอี
- การได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม สารเสพติด หรือยาบางชนิด
- การติดเชื้อจำพวกซิฟิลิส หรือเชื้อไพรออน CJD ที่เป็นโรคเรื้อรัง ไวรัส HIV
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- เป็นโรคโพรงน้ำในสมองโต
- มีเนื้องอกในสมอง
- เกิดอุบัติเหตุจนสมองได้รับความกระทบกระเทือน
สังเกตอาการเบื้องต้น เข้าข่ายสมองเสื่อมหรือไม่?
สำหรับการสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย
- ลืมเรื่องง่ายๆ เช่น วัน เดือน ปี สถานที่ที่เพิ่งไปมา ลืมนัดสำคัญหรือบางคนถึงขั้นลืมวันเกิดตัวเอง มักจะต้องใช้ตัวช่วย เช่น สมาร์ทโฟน หรือสมุดโน้ตมาช่วยจำ
- บุคลิกภาพเปลี่ยน เช่น พูดไม่ได้ใจความ บางครั้งพูดติดๆ ขัดๆ หรือพูดซ้ำๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนรอบข้างถดถอยลง
- การตัดสินใจแย่ลง การตัดสินใจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ
- มักเกิดความผิดพลาดในการกะระยะ การบอกสี บอกความแตกต่าง ซึ่งเป็นปัญหามากถ้าผู้ป่วยต้องขับรถ
- ภาวะเครียด ซึมเศร้า แยกตัวออกจากสังคม ไม่ว่าจะครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย ย้ำคิดย้ำทำ
ผู้มีภาวะสมองเสื่อมอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่การหลงลืมเท่านั้น จะต้องอาศัยอาการอื่นๆ ตามที่กล่าวไปข้างต้นประกอบการวินิจฉัย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว ต้องใช้การสังเกตโดยคนรอบข้าง สำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญภาวะสมองเสื่อมอยู่หรือไม่ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการทดสอบและวินิจฉัย ซึ่งมีวิธีการตรวจหลายอย่างดังนี้
- ทำแบบทดสอบ เพื่อประเมินภาวะสมองเสื่อม และแบบประเมินภาวะทางอารมณ์และจิตใจ
- ตรวจสมองด้วยเครื่องสแกนแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง เนื้อสมองตายจากการขาดเลือดหรือเนื้องอกในสมอง
- เจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจ ในกรณีสงสัยการติดเชื้อเช่น เอชไอวี ไวรัส หรือซิฟิลิส
- ตรวจวัดระดับวิตามินบี12 ในร่างกาย
- ตรวจความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์
ตรวจโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์
หากเราสงสัยถึงพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปของคนใกล้ตัว ว่าอาจจะเป็นโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ควรรีบพาไปพบแพทย์ ซึ่งการวินิจฉัย คุณหมอจะซักถามอาการ และพฤติกรรมต่างๆ ทำการทดสอบความจำและทักษะที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหา การคำนวณ การใช้ภาษา หากมีความจำเป็นก็อาจส่งตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) สมอง เพื่อหารอยโรคร่วมด้วย
แม้โรคสมองเสื่อมชนิด “โรคอัลไซเมอร์” ยังไม่มียาหรือวิธีรักษาให้หายได้ แต่เราสามารถบรรเทาอาการของโรคด้วยยา และประคับประคอง ป้องกัน หรือชะลอการดำเนินโรคไม่ให้เป็นมากขึ้นอย่างรวดเร็วได้ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในส่วนของครอบครัวหรือผู้ที่ดูแลผู้ป่วย จะต้องเข้าใจถึงปัญหาและพฤติกรรมของผู้ป่วยว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่เป็นเพราะความบกพร่องในการทำงานของสมอง ดังนั้นจึงต้องใจเย็นและไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้ป่วย หมั่นให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อความผ่อนคลาย เช่น เล่นเกมบริหารสมอง ฟังเพลง ออกกำลังกาย หมั่นดูแลความสะอาดทั้งสิ่งแวดล้อมและตัวผู้ป่วย รวมถึงใส่ใจในโภชนาการ รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงเซลล์สมอง เช่น ผลิตภัณฑ์จากใบแปะก๊วย จมูกข้าว ข้าวกล้อง ไข่แดง และผักใบเขียว ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปโซเดียมสูง หวานจัด เค็มจัด ไขมันสูง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอันจะส่งผลเสียต่อเซลล์สมองและภาวะอัลไซเมอร์เป็นทวีคูณ
รักษาโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย
การรักษาโรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย จะเริ่มจาก
- การรักษาสาเหตุของภาวะที่นำไปสู่ภาวะเซลล์สมองเสื่อมหรือตาย หากพบภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุขาดวิตามิน(B12)
- จากปัญหาฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ แพทย์จะให้การรักษาโดยการให้วิตามินทดแทนหรือใช้ฮอร์โมนเสริม
- บางสาเหตุสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด เช่น เนื้องอกในสมองบางชนิด
- ควบคุมโรคประจำตัวที่ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
- รักษาภาวะติดเชื้อ หากตรวจพบเชื้อจากน้ำไขสันหลัง
- การรักษาด้วยยา มักพิจารณาให้สำหรับผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นของโรค เพื่อประคองระดับของอาการไม่ให้แย่ลงเร็ว
- ใช้วิธีการบำบัดทางจิตใจและพฤติกรรม โดยการส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้มีการพูดคุย ร่วมกิจกรรม หรือเข้าร่วมกลุ่มบำบัด (Group therapy) เป็นการพาผู้ป่วยกลับเข้าสังคมอีกครั้ง บำบัดด้วยศิลปะ การฝึกสมาธิ การเล่นดนตรี
- การลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบเช่น ควบคุมน้ำหนักเพื่อลดระดับความดันโลหิต ทานผักหลากชนิด ลดแป้ง ลดอาหาร fast food หรืออาหารที่มีไขมันทรานส์ ควบคุมโรคเบาหวาน รวมถึงงดสูบหรี่ ลดหรือเลิกดื่มแอลกอฮอล์ก็มีส่วนช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นได้
ปัจจุบันแม้จะยังไม่สามารถรักษาโรคสมองเสื่อมให้หายขาดได้ ดังนั้นหากรู้สึกว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีภาวะสมองเสื่อม ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษา โดยเฉพาะภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากโรคติดเชื้อเช่น HIV หรือซิฟิลิส หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีอาจส่งผลให้อาการแย่ลงหรือเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนในระบบอื่นๆ ของร่างกายซึ่งอาจเสียชีวิตได้
อ้างอิง: โรงพยาบาลสมิติเวช ,โรงพยาบาลพญาไท