วิธีเลือกซื้อ“ทุเรียน” แค่เคาะไม่พอ ดูให้ชัดว่า ป้ายยาเร่งสุกที่ขั้วไหม
ซื้อ"ทุเรียน"ต้องเลือกอย่างไร...เนื้อห่าม เนื้อสุก สีของทุเรียนแบบไหนอร่อยสุดๆ ป้ายยาเร่งสุกอันตรายไหม รวบรวมคำตอบไว้ให้ครบ
ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว เนื่องจากมีส่วนผสมของสารระเหยที่ประกอบไปด้วยเอสเทอร์คีโตนและสารประกอบกำมะถัน มีเปลือกหนา หนามแหลมแข็ง
ทุเรียนเป็นพืชพื้นเมืองของบรูไนอินโดนีเซียและมาเลเซียและเป็นที่รู้จักในโลกตะวันตกมาประมาณ 600 ปีมาแล้ว
ปกติแล้วเนื้อในของทุเรียนกินได้หลากหลาย ไม่ว่าห่ามหรือสุกงอม บางคนก็บอกว่า ทุเรียนมีกลิ่นหอม แต่บางคนบอกว่าเหม็น จึงมีข้อห้ามนำทุเรียนเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ
วิธีเลือกซื้อทุเรียนเป็นลูก
-เคาะแล้วฟังเสียง
ถ้าเคาะแล้วเสียงโปร่งๆ เหมือนมีรูเป็นโพรง แสดงว่าทุเรียนสุกแล้ว เนื่องจากเสียงโปร่งๆ เกิดจากช่องว่างที่เป็นโพรงในผลทุเรียน
-ปลายหนามต้องแห้ง
ปลายหนามต้องแห้ง สีน้ำตาล และหนามทุเรียนค่อนข้างห่างจากกัน ถ้าหนามทุเรียนถ่างกว้าง โดยเฉพาะฐานหนามแสดงว่าทุเรียนเริ่มสุก ถ้าเป็นทุเรียนอ่อนจะมีปลายหนามสีเขียว
-ขั้วทุเรียน
ถ้าเริ่มจะหลุดออกจากผล ก้านทุเรียนจะมีเริ่มสีเข้ม จับแล้วสากๆ ก็ลองเลื่อนสายตามาดูเหนือข้อต่อของก้านทุเรียนที่เรียกว่า ปลิงทุเรียน ถ้าเริ่มปริแล้วเห็นเนื้อในก้านสีเขียวออกขาว ลักษณะปลิงบวมโต แสดงว่าทุเรียนสุกแล้ว
ถ้าขั้วยังแน่นอยู่ นั่นแสดงว่าเนื้อแข็งหรือยังไม่สุกดี ถ้าไม่มีขั้วยิ่งไม่ควรซื้อ อาจเป็นทุเรียนที่โดนตัดขั้วออกด้วยเหตุผลบางอย่าง
-กลิ่นทุเรียน
ถ้ากลิ่นบางๆ แสดงว่าเริ่มหอมหวานกำลังดี ถ้ากลิ่นโชยเริ่มรุนแรง แสดงว่าเป็นทุเรียนปลาร้าที่สุกมากไป แต่ถ้าทุเรียนพันธุ์ที่มีเปลือกหนา ก็ยากต่อการดมกลิ่น
-เนื้อทุเรียน
ลองกดเนื้อทุเรียนดูเบาๆ เนื้อต้องไม่แข็งมาก แต่ถ้าบุ๋มลงไปเลย จนเป็นรอยนิ้วมือเหมาะแก่การทำข้าวเหนียวทุเรียนมากกว่า
วิธีเลือกซื้อทุเรียนแกะเนื้อแล้ว
-สังเกตสีของเนื้อทุเรียน มีสีเหลืองนวลตามพันธุ์ ไม่มีรอยช้ำ หรือรอยดำจากการจับ
-เลือกทุเรียนที่ไม่มีแกนสีขาวมากจนเกินไป
-เนื้อทุเรียนดูไม่แข็ง ไม่มีรอยแตกบนผิวทุเรียน
ยาป้ายเร่งสุกทุเรียน อันตรายไหม
ปกติการบ่มผลไม้ให้สุกสม่ำเสมอ นิยมใช้ เอทีฟอน (ethephon) ซึ่งเป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชที่ปลดปล่อยเอทิลีน มีพิษค่อนข้างต่ำและสลายตัวได้ง่าย
ข้อมูลจาก ดร.พีรพงษ์ แสงวนางค์กูล และคณะ จากศูนย์เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ผู้ศึกษาปริมาณสารเอทีฟอนตกค้างในผลทุเรียนบ่ม พบว่า
การบ่มทุเรียนด้วยสารละลายเอทีฟอนในสภาพจำลองการจำหน่ายในประเทศมีสารตกค้างที่เปลือกมากกว่าการบ่มในสภาพจำลองการส่งออกทางเรือซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่า สารจึงมีระยะเวลาในการสลายตัวได้มากกว่า
เมื่อพิจารณาวิธีการบ่ม พบว่า การบ่มทุเรียนโดยการชุบผลในสารละลายเอทีฟอนเข้มข้น 0.2% และ 0.4% มีสารตกค้างในส่วนเปลือกมากที่สุดและมากกว่าการบ่มโดยการป้ายเฉพาะบริเวณรอยตัดที่ก้านผลด้วย
ผลทั้งหมดทั้งที่บ่มและไม่บ่ม ไม่พบว่า มีสารตกค้างในส่วนเนื้อผล มีเพียงบางผลที่พบสารในปริมาณที่น้อยมาก โดยผลที่พบสารตกค้างในส่วนเนื้อมากที่สุด เป็นผลที่บ่มโดยการป้ายขั้วด้วยสารละลายเข้มข้น 52% มีสารตกค้างเพียง 0.190 มิลลิกรัม/เนื้อทุเรียน 1 กิโลกรัม เท่านั้น
ดังนั้นการบ่มผลทุเรียนด้วยสารละลายเอทีฟอนจึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค