Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย

Gucci เปิดห้องนิรภัย Gucci Archive ในพิพิธภัณฑ์กุชชี่ เมืองฟลอเรนซ์ นำ 25 งานออกแบบสร้างประวัติศาสตร์แฟชั่นให้กับแบรนด์ อาทิ Bamboo Bag, Gucci Jackie Bag, ผ้าพันคอลาย Flora อันลือลั่น, รองเท้าโลฟเฟอร์ Horsebit จัดแสดงในไทยเป็นครั้งแรก

Gucci (กุชชี่) อาณาจักรลักชัวรีแบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนังแห่งประเทศอิตาลี นำความพิเศษมามอบให้คนไทยซึ่งชื่นชอบงานออกแบบของกุชชี่ ในโอกาสเปิดตัว "กุชชี่ แฟล็กชิปสโตร์" โฉมใหม่ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ด้วยการนำผลงานชิ้นเอ็กซ์คลูซีฟจาก Gucci Archive (กุชชี่ อาร์ไคฟ์) จำนวน 25 ชิ้น ส่งตรงจากอิตาลีมาจัดแสดงให้ผู้สนใจชมอย่างใกล้ชิดในรูปแบบของ A Special Installation Featuring an Exclusive Selection from Gucci Archive ณ พื้นที่ Motion Hall ชั้น G ดิ เอ็มโพเรียม กรุงเทพฯ

กุชชี่ อาร์ไคฟ์ เป็นคลังเก็บรักษาเอกสาร ภาพถ่าย ผลงานการออกแบบเครื่องหนัง แอคเซสซอรี่ส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเปรียบเสมือนจักรวาลแห่งความสร้างสรรค์และอิทธิพลทางวัฒนธรรมอันเป็นมรดกของแบรนด์ ตั้งอยู่ในห้องนิรภัยชั้นใต้ดินของ กุชชี่ มูซีโอ (Gucci Museo) หรือ พิพิธภัณฑ์กุชชี่ ปัจจุบันใช้ชื่อว่า กุชชี่ การ์เดน (Gucci Garden) ตั้งอยู่ภายในพระราชวัง พาลาซโซ่ เดลล่า เมอเคนเซีย (Palazzo della Mercanzia) ณ จตุรัส เปียซซ่า ซินญอเรีย (Pizzaria Signoria )ในกรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บ้านเกิดของ มร.กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) ผู้ให้กำเนิดแบรนด์กุชชี่เมื่อปีค.ศ.1921

ผลงานไอคอนิกที่สร้างประวัติศาสตร์แฟชั่นให้กับกุชชี่ ที่นำมาจัดแสดงในเมืองไทยมีด้วยกัน 6 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็น เครื่องหนัง ที่สร้างชื่อเสียงให้กุชชี่ก้าวสู่ระดับนานาชาติซึ่งเริ่มขึ้นในยุคฟิฟตีส์ (50s) นั่นก็คือ กระเป๋าเดินทางทรง Trunk ที่มีลักษณะคล้าย 'หีบ' สมัยนั้นเป็นที่ชื่นชอบมากในกลุ่ม “เจ็ท-เซต” (jet-set) หรือคนรวยที่ชอบเดินทางด้วยเครื่องบินไอพ่น มักจะเห็นกระเป๋าเหล่านี้อยู่ในรูปถ่าย ปัจจุบันคำว่า “เจ็ท-เซต” ถูกแทนที่ด้วยคำว่า “เซเลบริตี้”

ในการออกแบบ "กระเป๋าเดินทางทรง trunk" มร.กุชชิโอ ได้แรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าเดินทางมากมายที่เขาเห็นระหว่างทำงานเป็นพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม เดอะ ซาวอย ลอนดอน (London’s Savoy Hotel)ในปีค.ศ.1897 ก่อนเดินทางกลับฟลอเรนซ์บ้านเกิดในปีค.ศ1902 เพื่อมาสร้างแบรนด์เครื่องหนังของตนเอง
 

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย ใบใหญ่ข้างหลัง "ลายกุชชี่ เรอแนซ็องส์", สองใบข้างหน้า (ซ้าย)ลายผลทับทิม (ขวา)ลาย GG Supreme

"กระเป๋าเดินทางกุชชี่" นำมาจัดแสดงครั้งนี้มีด้วย 5 ใบ ออกแบบในปลายยุคฟิฟตีส์เชื่อมต่อกับต้นยุคซิกส์ตีส์(60s) ดึงดูดสายตามากๆ กับ Gucci Rinascimento Print Hemp and Brown Pigskin Luggage set กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทรง trunk จำนวน 2 ใบ วิจิตรด้วยลาย “กุชชี่ เรอแนซ็องส์” ที่ได้แรงบันดาลใจจากลวดลายที่มักพบเห็นในพระราชวังยุโรป พิมพ์ลงบนผ้าใยกัญชงหุ้มไม้ที่ทำเป็นตัวกระเป๋าเดินทาง แล้วแต่งขอบกระเป๋าด้วยหนังหมู

กระเป๋าอีก 2 ใบ เป็นกระเป๋าถือสำหรับใส่เครื่องสำอาง ใบแรกคือ Gucci Leonardo Print Hemp and Brown Pigskin Beauty Case งดงามด้วยลายผลทับทิมสีแดงผสานลายปมเชือกพิมพ์ลงบนผ้าใยกัญชง ลายนี้ออกแบบโดย อัลโด กุชชี่ (Aldo Gucci) บุตรชายของ มร.กุชชิโอ

กระเป๋าใส่เครื่องสำอางอีกใบคือ Beige Ebony GG Canvas, Brown Pigskin and Green-Red-Green Web Beauty Case ตัวกระเป๋าตกแต่งด้วยลาย GG Supreme ซึ่งเป็นลายคลาสสิกของกุชชี่ มีลักษณะเป็นตัวอักษร GG จัดเรียงแบบสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ตกแต่งเพิ่มด้วย “แถบสีเขียว-แดง-เขียว” อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีบนสายรัดอานม้า

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย  กระเป๋าเดินทาง Brown Calfskin Luggage

ในกลุ่มกระเป๋าเดินทางอีก 1 ใบ Brown Calfskin Luggage. Clousure in Golden Metal เป็นกระเป๋าหูหิ้วสำหรับเดินทาง ทำด้วยหนังวัวคอลเลกชั่นแรกๆ ของกุชชี่ เรียบง่ายแต่เด่นสะดุดตาด้วยตัวล็อคดีไซน์รูป "เกือกม้า" ทำด้วยเหล็กสีทองขนาดใหญ่ ต้นแบบกระเป๋าเดินทางที่ตัดเย็บด้วยหนังวัวทั้งใบแทนกล่องไม้ ออกแบบและผลิตในช่วงปี 60s

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Bamboo Bag ลาย Baiadera

ผลงานไอคอนิกกลุ่มที่สองที่กุชชี่นำมาจัดแสดงคือ กระเป๋าหูหิ้วไม้ไผ่ หรือที่รู้จักกันไปทั่วโลกในนาม Bamboo Bag ตัวกระเป๋าได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงอานม้า ขณะที่หูหิ้วกระเป๋าและตัวล็อคทำจาก “ไม้ไผ่” 

Bamboo Bag ถือกำเนิดขึ้นในปี 1947 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลัง “สงครามโลกครั้งที่ 2” เกิดการขาดแคลนวัสดุมาทำตัวจับกระเป๋า เนื่องจากวัสดุประเภทโลหะถูกนำไปทำเป็นยุทโธปกรณ์ 

กุชชี่จึงคิดนำเข้า ไม้ไผ่จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งราคาไม่สูงมากนัก แล้วนำมาผ่านกระบวนการผลิตด้วยงานช่างฝีมือแบบกุชชี่ที่เรียกว่า Gommarica คือดัดไม้ไผ่ให้เข้ารูปด้วยความร้อนทีละนิด ใช้เวลาถึง 13 ชั่วโมง หูหิ้วไม้ไผ่ของกระเป๋าแต่ละใบจึงมีลักษณะที่ไม่ซ้ำกันเลย ก่อนจะเคลือบด้วยเนเชอรัลเรซิ่นเพื่อความทนทานและเรียบลื่นสบายมือเมื่อสัมผัส

กระเป๋าหูหิ้วไม้ไผ่ที่กุชชี่นำมาจัดแสดงให้ชมครั้งนี้ประกอบด้วย 

  • Bamboo Bag in Gucci Baiadera Print Hemp and Brown Brindle Pigskin กระเป๋าลาย Baiadera เป็นแถบสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชุดกระโปรงประจำชาติของสตรีชาวอินเดีย หรือ “ส่าหรี” พิมพ์ลงบนผ้าใยกัญชงหุ้มเข้ากับหนังหมูที่ทำเป็นตัวกระเป๋า ปรากฏครั้งแรกในผลิตภัณฑ์กุชชี่ปี 50s

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Bamboo Bag รุ่นเส้นใยราฟเฟีย

  • Bamboo Bag in Brown Raffia and Pigskin ตัวกระเป๋าประกอบด้วยวัสดุ 2 ประเภทคือ เส้นใยราฟเฟียถัก สีน้ำตาล เย็บเข้ากับหนังหมู เริ่มผลิตในยุค 60s แต่เส้นใยราฟเฟียไม่ใช่ของใหม่ เป็นเส้นใยจากต้นปาล์มชนิดหนึ่งมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา มีความเหนียว ทนทาน ชาวพื้นเมืองในแอฟริกาใช้ถักและสานเป็นของใช้จำพวกตะกร้า หมวก เสื่อ พรม มานานนับพันปี

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Bamboo Bag in Brown Pigskin

  • Bamboo Bag in Brown Pigskin กระเป๋าถือสตรีสีน้ำตาลตัดเย็บด้วยหนังหมู ตัวล็อคแบบหมุนทำจากไม้ไผ่เช่นเดียวกับหูหิ้ว

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Bamboo Bag in Blue Calfskin

  • Bamboo Bag in Blue Calfskin กระเป๋าถือ “หนังวัว” โทนสีน้ำเงินเข้ม เป็นกระเป๋าถือที่เริ่มเปลี่ยนวัสดุจากหนังหมูมาเป็น “หนังวัว” เนื่องจากการพัฒนาขึ้นของนวัตกรรมปลายทศวรรษที่ห้าสิบที่ทำให้หนังวัวอยู่ทรงได้ดีเหมือนหนังหมู และเริ่มได้รับความนิยมมากกว่าหนังหมู

กุชชี่ใช้วัสดุหลากหลายประเภททำ “ตัวกระเป๋า” Bamboo Bag  เนื่องจากระหว่างปีค.ศ.1935-1936 สันนิบาตชาติ (League off Nations) มีมติคว่ำบาตรอิตาลี กุชชี่จึงต้องหาวัสดุอื่นเพิ่มเติมจากหนังแท้ และเกิดจากความสนใจในการทดลองใช้วัสดุใหม่ๆ ของช่างฝีมือกุชชี่เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Bamboo Bag รุ่น Gucci Diana

ช่วงปี 50-60s  Bamboo Bag ขึ้นไปคล้องอยู่บนข้อมือ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ และ วาเนสซา เรดเกรฟ สองดาราสาวระดับแม่เหล็กแห่งฮอลลีวู้ดยุคนั้น และปรากฏตัวในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดครั้งแรกเมื่อดาราสาว อิงกริด เบิร์กแมน ถือ Bamboo Bag เข้าฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Viaggio in Italia (1954)

นับจากการปรากฏตัวในภาพยนตร์ Viaggio in Italia หรือ Journey to Italy กระเป๋ากุชชี่ Bamboo Bag ก็ได้รับความนิยมในกลุ่มคนเจ็ท-เซตยุคนั้น รวมทั้ง เลดี้ไดอานา (เจ้าหญิงแห่งเวลส์) จนกระทั่งกุชชี่ตัดสินใจขยายขนาด Bamboo Bag ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในปี 1991 และตั้งชื่อ Bamboo Bag รุ่นนี้ว่า Gucci Diana (กุชชี่ ไดอานา)

ปัจจุบันไอคอนิก Bamboo Bag ยังคงได้รับการผลิตออกจำหน่าย คงไว้ซึ่งหูกระเป๋าและตัวล็อคที่ทำจากไม้ไผ่ แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้น ช่างฝีมือกุชชี่จึงใช้เวลาไม่ถึง 13 ชั่วโมงเหมือนในอดีต ขณะที่ตัวกระเป๋าก็มีทั้งวัตถุดิบคลาสสิกและวัตถุดิบที่ปรับเปลี่ยนไปตามสมัยนิยมบ้าง

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Flora ลวดลายที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับแบรนด์กุชชี่

ผลงานไอคอนิกอีกหนึ่งกลุ่มซึ่งกุชชี่นำมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ด้วยคือ  ผ้าพันคอไหม (Gucci Silk Scarves) ลวดลาย Flora (ฟลอร่า) หรือลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์ที่เกิดขึ้นในปี 1966 และลวดลาย African Safari (แอฟริกัน ซาฟารี) สัตว์ป่าชนิดต่างๆ

เดิมที กุชชี่ไม่เคยมีผ้าพันคอลายดอกไม้ แต่ในปี 1966 เมื่อ โรดอลโฟ กุชชี่ (Rodolfo Gucci บุตรชายของ มร.กุชชิโอ) ซึ่งดูแลร้านกุชชี่อยู่ในเวลานั้นทราบว่า เจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ แห่งโมนาโก ทรงมีหมายกำหนดการเสด็จเยือนร้านกุชชี่ ในกรุงมิลาน เขาจึงคิดสร้างสรรค์ของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อถวายในการเสด็จเยือน

ว่าแล้วก็ปรึกษากับ มร.วิคตอริโอ แอคคอร์นิโร (Vittorio Accornero ดีไซเนอร์กุชชี่ระหว่างปี 1960-1981) และช่างวาดของกุชชี่ ร่วมกันออกแบบ ลายดอกไม้ เพื่อพิมพ์ลงบนผ้าพันคอไหม ในที่สุดก็ลุล่วงออกมาเป็นลวดลายดอกไม้สีสันสวยงาม และตั้งชื่อลายนี้ว่า Flora

ลวดลาย Flora มีดอกไม้ 43 ชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ตรง 4 มุมของผ้าพันคอ เป็นดอกไม้ 4 ฤดูของอิตาลี คือดอกป๊อปปี้ ลิลลี่ ไวโอเลต และ ดอกชบา 

Flora กลายเป็นลวดลายที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ลวดลายนี้ทำให้เกิดการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ อาทิ เสื้อสำเร็จรูป กระเป๋า เครื่องประดับ ชุดน้ำชา ของแต่งบ้าน ตลอดระยะเวลา 50 ปีต่อมาหลังจากที่ลวดลายนี้ถือกำเนิดขึ้น

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย ภาพวาดรูปสัตว์ป่านานาชนิดบนผ้าพันคอกุชชี่ 

กุชชี่ยังพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์ป่าโดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติผ่านลวดลาย African Safari บนผ้าพันคอที่เต็มไปด้วยภาพวาดรูปสัตว์ป่าแอฟริกานานาชนิด อาทิ สิงโต เสือชีตาห์ เสือดาว เสือดำ ช้าง นกกระจอกเทศ ยีราฟ ละมั่ง ออกแบบไว้โดย มร.วิคตอริโอ แอคคอร์นิโร ตั้งแต่ปี 1969

มร.อเลสซานโดร มิเคเล (Alessandro Michele) ผู้อำนวยการครีเอทีฟกุชชี่คนปัจจุบัน ได้นำรูปเสือบนผ้าพันคอลาย African Safari มาปรับแต่งเล็กน้อยเป็น คอลเลกชั่นรับปีใหม่จีน 2022 “ปีเสือ” ในปีนี้ 

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Jackie 1961 in Brown Suede and Calfskin

กระเป๋าไอคอนิกอีกกลุ่มที่ กุชชี่ นำมาจัดแสดงที่กรุงเทพ คือ Gucci Jackie Bag (กุชชี่ แจ็กกี แบ็ค) มีด้วยกัน 4 ใบ

  • Jackie 1961 in Brown Suede and Calfskin. Closure in Golden Metal ตัดเย็บจากหนังกลับและหนังวัวสีน้ำตาลเข้ม ตัดกับตัวล็อกเหล็กสีทองทรงกระบอกลูกสูบ (Pistol) ผลิตในปี 60s 

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Gucci Jackie Bag ผ้ากำมะหยี่กับหนังลูกวัว

  • Jackie 1961 in Light Brown Horsebit Devorè Velvet and Calfskin. Closure in Golden Metal กระเป๋าผ้ากำมะหยี่ตัดเย็บเข้ากับหนังลูกวัวโทนสีน้ำตาลอ่อน ผลิตช่วงต้นปีทศวรรษ 1970

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Gucci Jackie Bag เเถบสี 'เขียว-แดง-เขียว'

  • Jackie 1961 in Brown Calfskin and Green-Red-Green Web. Closure in Golden Metal กระเป๋าหนังวัวมาพร้อมเอกลักษณ์กุชชี่อของเเถบสี 'เขียว-แดง-เขียว' ผลิตในช่วงปียุค 60s
  • Jackie 1961 in GG Supreme and Brown Pigskin. Closure in Golden Metal ตัดเย็บด้วยผ้าแคนวาสพิมพ์ลาย 'GG Supreme' ประกอบกับหนังหมู ใบนี้ผลิตในช่วงปลายยุค 70s

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย Gucci Jackie Bag หนังหมูกับผ้าแคนวาสพิมพ์ลาย 'GG Supreme'

กุชชี่ออกแบบกระเป๋ารุ่นนี้ครั้งแรกในปี 1958  ตั้งชื่อรุ่นตามระบบการผลิตของกุชชี่ว่า G1098 กระเป๋ารุ่นนี้เป็นชื่นชอบมากของ แจ็กเกอลีน เคนเนดี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สตรีซึ่งได้รับการจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะนอกจากเธอจะเป็นภริยาของ จอห์น เอฟ เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา เธอยังได้รับการยกย่องให้เป็นสุภาพสตรีแต่งกายงามที่สุดในโลกอีกด้วย 

แจ็กเกอลีน เคนเนดี ถูกปาปารัสซี่ติดตามถ่ายภาพอย่างหนัก หลายครั้งเธอยกกระเป๋ากุชชี่รุ่นนี้ขึ้นบังใบหน้าตนเองจากกล้องถ่ายรูป ปาปารัสซี่จึงถ่ายรูปติดกระเป๋าใบนี้บ่อย ภาพข่าวของเธอมักมีกระเป๋ารุ่นนี้อยู่ด้วยเสมอ ผู้คนจึงติดปากเรียกกระเป๋ากุชชี่รุ่นนี้ว่า แจ็กกี (Jackie) ตามชื่อที่เรียกกันสั้นๆ ของแจ็กเกอลีน 

ในปี 1961 กุชชี่ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อกระเป๋ารุ่นนี้เป็น “แจ็กกี” เพื่อเป็นเกียรติกับแจ็กเกอลีน เคนเนดี สุภาพสตรีซึ่งทรงอิทธิพลคนหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่นของโลก

กระเป๋ารุ่นนี้ กุชชี่ได้แรงบันดาลใจจากกระเป๋าสะพายของนักกีฬาขี่ม้า ปัจจุบันยังได้รับการผลิตอยู่ แต่เพิ่มตัวเลือกเป็นสายกระเป๋าให้คล้องลำตัวได้

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย รองเท้า Gucci ทรงโลฟเฟอร์ หนังวัวสีดำ พร้อมสัญลักษณ์ Horsebit

ผลิตภัณฑ์ไอคอนิกอีกกลุ่มที่กุชชี่สั่งตรงจาก Gucci Archive ในกรุงฟลอเรนซ์ มาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ คือ สัญลักษณ์ ฮอร์สบิต (Horsebit) ซึ่ง มร.กุชชิโอ กุชชี่ สร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 1955 โดยได้แรงบันดาลใจจากตะขอรัดปากม้า ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแบรนด์ ใช้สำหรับตกแต่งกระเป๋า รองเท้า แอคเซสซอรี่ส์ ไปจนถึงเครื่องประดับ

ชิ้นงานไอคอนิก "ฮอร์สบิต" ที่นำมาจัดแสดงคือ Black Calfskin Gucci Loafer. Horsebit in Golden Metal รองเท้าทรงโลฟเฟอร์หนังวัวสีดำพร้อมสัญลักษณ์ ‘Horsebit’ แห่งกุชชี่ด้านบนของรองเท้า ชิ้นงานสุดคลาสสิกที่ผลิตขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ดีไซน์เรียบหรู คงความเป็นกุชชี่ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำให้รองเท้ารุ่นนี้กลายมาเป็นต้นแบบของรองเท้ารุ่นหลังที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เดอะ เมโทร โพลิแทน (The Metropolitan Museum of Art) ในกรุงนิวยอร์ก เลือกรองเท้ากุชชี่ทรงโลฟเฟอร์ประดับสัญลักษณ์ฮอร์สบิตจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ฯ ในฐานะหนึ่งในตัวแทนแฟชั่นไอคอนของอิตาลี

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย กระเป๋า Horsebit 1955 เจแปนนิส เอ็กซ์คลูซีฟ คอลเลกชั่น

อีกหนึ่งงานไอคอนิกของแบรนด์ที่กุชชี่นำของจริงมาให้ชมคือ Horsebit 1955 in Natural Canvas and Blue Calfskin. Horsebit in Golden Metal. Fall/Winter 2020-2021 กระเป๋าถือสตรีผ้าแคนวาสผสมกับกับหนังลูกวัวสีน้ำเงินเข้ม มาพร้อมสัญลักษณ์ ‘Horsebit’ สีทองเป็นตัวปิดเปิดกระเป๋า 

กระเป๋ากุชชี่ฮอร์สบิตใบที่เห็นได้ในงานนี้เป็น “เจแปนนิส เอ็กซ์คลูซีฟ คอลเลกชั่น” ที่ผลิตขึ้นใหม่เพื่อวางจำหน่ายแบบลิมิเต็ด อีดิชั่น ในประเทศญี่ปุ่น และกุชชี่บางสาขาในญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งจำหน่ายหมดไปแล้ว กระเป๋าใบนี้ขอยืมมาจัดแสดงชั่วคราว

ความจริงกระเป๋าฮอร์สบิตต้นแบบรุ่นนี้ผลิตขึ้นในปี 1955 เป็นกระเป๋าสุดหายากที่ปัจจุบันไม่ได้มีวางจำหน่ายและสามารถเยี่ยมชมได้ที่พิพิธภัณฑ์กุชชี่ในเมืองฟลอเรนซ์เท่านั้น

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย กุชชี่ ไดโอนีซุส ตัวล็อคกระเป๋ารูปหน้าเสือเสมือนจริง

ผลิตภัณฑ์ไอคอนิกกลุ่มสุดท้ายที่กุชชี่นำมาจัดแสดงให้ชมคือกลุ่ม Dionysus (ไดโอนีซุส) ตั้งชื่อตามชื่อเทพเจ้ากรีก “ไดโอนีซุส” เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ไวน์ชั้นเยี่ยมและงานรื่นเริง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 และได้รับความนิยมในทันที

กุชชี่ ไดโอนีซุส โดดเด่นตรงตัวกลัดกระเป๋าที่ออกแบบจาก เกือกม้า ปลายเกือกม้าทั้งสองด้านขึ้นเป็นรูป “หัวเสือ” สัตว์พาหนะประจำตัวเทพไดโอนีซุสสำหรับข้ามแม่น้ำไทกริส (Tigris River) ในตำนาน กุชชี่นำมาให้ชมจำนวน 3 รุ่น

  • Black Calfskin Bag. Tiger Head Closure in Golden Enameled Metal กระเป๋าหนังวัวสีดำ ตัวล็อคกระเป๋าสีทองดีไซน์เป็นรูปหน้าเสือเสมือนจริง เป็นการออกแบบในช่วงต้นทศวรรษปี 1970 เช่นเดียวกัน

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย กุชชี่ ไดโอนีซุส หนังกลับสีแดง

  • Red Suede Bag. Tiger Heads Closure in Silvery Enameled Metal ตัวกระเป๋าตัดเย็บด้วยหนังกลับสีแดง สายคล้องแบบ cross body ทำจากหนัง ปลายตัวล็อคกระเป๋าทรงเกือกม้าสลักลายขึ้นรูปเป็นหัวเสือ ผลิตในช่วงต้นปียุค 70s

Gucci ครั้งแรกกับ 25 งานต้นแบบบันลือโลกจากพิพิธภัณฑ์กุชชี่ จัดแสดงในไทย กุชชี่ ไดโอนีซุส ลาย Flora

  • Dionysus in Emerald Bloom Print Leather. Tiger Heads Closure in Silvery Metal กระเป๋าหนังจากคอลเลกชั่น Cruise 2016 เป็นหนังสีเขียวพิมพ์ลายฟลอราต้นแบบของกุชชี่ ตัวล็อคกระเป๋าทรงเกือกม้าหัวเสือคู่ตามแบบไอคอนิกของไดโอนีซุส มาพร้อมสายคล้องกระเป๋าเเบบโซ่สีเงิน

ผู้สนใจเข้าชม A Special Installation Featuring an Exclusive Selection from Gucci Archive สามารถเข้าชมได้ที่บริเวณ Motion Hall ชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม  วันนี้-22 พฤษภาคม 2565