“dinner” ธีม “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

“dinner” มื้อ “อร่อย” ในธีม The Good Old Times เป็นการรวมตัวกันของเชฟทั้งสาม นั่นก็คือ Chef Haikal Johari, เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เจ้าของร้าน “Coda Bangkok” และ Chef Mirco Keller เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยทำอาหารร่วมกันเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน

dinner มื้อ อร่อย ในธีม The Good Old Times ครั้งนี้ หมูหวานชวนชิม ได้รับการเชื้อเชิญจากทางร้าน Coda Bangkok ในค่ำคืนสุดพิเศษนี้

จัดขึ้นเพื่อมิตรภาพ ความรัก และความผูกพันของเชฟทั้ง 3 ท่าน นั่นก็คือ Chef Haikal Johari , เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล  และ Chef Mirco Keller 

ย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีก่อน สมัยที่เชฟ ไฮเคิล โจฮารี เป็นเชฟบุกเบิกร้านอาหารชื่อดัง  Water Library สาขาทองหล่อ ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ใหม่มากในยุคสมัยนั้น

เชฟแท๊ปได้ไปขอเป็นเด็กฝึกงาน และเป็นเด็กฝึกงานคนไทยเพียงคนเดียวที่เชฟ Haikal ได้รับเข้าฝึกงานอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลาที่ฝึกงาน เชฟไฮเคิลพูดกับแท๊ปแทบทุกวันเป็นภาษาอังกฤษว่า

“Tap, you gotta stay humble ah?” เชฟไฮเคิลทราบดีว่าวัตถุประสงค์ที่เชฟแท๊ปได้ขอมาฝึกงานนั้น เชฟแท๊ปเองก็คงจะที่ต้องการจะเรียนรู้เทคนิคการทำอาหาร

แต่สิ่งที่เชฟไฮเคิลอยากให้เชฟแท๊ปมีติดตัวตลอดอาชีพการทำอาหารคือความถ่อมตนและความไม่ยอมแพ้

dinner” มื้อ “อร่อย” ในธีม “The Good Old Times” สุดแสนประทับใจ “หมูหวานชวนชิม” รู้สึกซาบซึ้งในสายสัมพันธ์

มิตรภาพระหว่างเพื่อนผู้ร่วมสายอาชีพ ทั้งเชฟ  Haikal Johari ,เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล และ Chef Mirco Keller 

หลังจากที่เชฟแท๊ปฝึกงานจบได้ไม่นาน เรื่องราวที่น่าเศร้าในก็เกิดขึ้น เชฟไฮเคิลประสบอุบัติเหตุที่ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ ในช่วงแรกหนักขนาดที่ว่าไม่สามารถหายใจเองได้

แต่ด้วยตัวเชฟไฮเคิลเองมีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้อย่างที่เคยสอนเชฟแท๊ปไว้ ทำให้เชฟไฮเคิลหาวิธีกายภาพ และออกกำลังกายทุกวัน จนทำให้ปฏิหาริย์เป็นจริง

เชฟแท๊ปเสียใจมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าหากมีโอกาสได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง จะทำเมนู อาหารสุดพิเศษที่มีความหมายมอบให้กับเชฟไฮเคิล

 เชฟแท๊ปก็ได้นำเมนู Cold Pasta ของเชฟไฮเคิล ที่เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆท่านมาเป็นแรงบันดาลใจ และปรับให้เป็นสไตล์ของตัวเอง

เชฟแท๊ปรังสรรค์เมนูเสฉวน Cold Pasta และตั้งคำมั่นสัญญาว่าจะไม่เปลี่ยนเมนูจนกว่าเชฟไฮเคิลจะได้มาชิมเอง

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok” Original Cold Obsiblue Cold Capellini  ฝีมือเชฟไฮเคิล

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok” เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เจ้าของร้าน “Coda Bangkok” เชฟ ไฮเคิล โจฮารี และ Chef Mirco Keller 

เชฟแท๊ปเสิร์ฟเมนูเสฉวน cold pasta ที่ร้านของเขามาตลอด 2 ปีครึ่ง และความฝันก็เป็นจริง เพราะผู้ใหญ่ที่เคารพรักได้ไปบอกเชฟไฮเคิล ให้มาที่ร้าน Coda Bangkok

เชฟไฮเคิลส่งข้อความทางโทรศัพท์มาหาเชฟแท๊ปว่า  “เพิ่งมาทานอาหารที่ร้าน อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมด้วยได้มั๊ย”

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล  โทรกลับไปเพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ แล้วชวนมาทำงานในวันต่อมา โดยไม่ทราบว่านั่นคือเชฟไฮเคิล รู้สึกเพียงว่าเสียงคุ้นๆ

อีกอย่างไม่คิดว่าจะเป็นเชฟไฮเคิล เพราะห่างหายจากการติดต่อไปหลายปีตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น วันรุ่งขึ้น เชฟไฮเคิลเดินเข้ามาในร้าน Coda Bangkok เพื่อมารับประทานอาหาร มื้อที่จองเข้ามาในนามของคุณแนน

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

Scallop (By Chef Tap) โดย เชฟแท๊ปทำเปลือกหอยทานได้รูปร่างคล้ายหอยแมลงภู่ ด้านในจะมีหอยเชลญี่ปุ่นผัดน้ำพริกเผาและครีมโหรพา

dinner  เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชฟ ไฮเคิล โจฮารี กล่าวว่า We should cook together again จากนั้นก็ชวนกันเดินทางไปร้าน Keller Bangkok

เพื่อชวน Chef Mirco Keller มาร่วมงานนี้ด้วยกัน นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของงานที่น่าประทับใจนี้ The Good Old Times

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

Chutoro (By Chef Haikal) ด้านล่างสุดจะเป็นเมอแรงค์ ส่วนเนื้อปลาจะเป็นชูโทโร่ส่วนท้องที่มีไขมันขนาดกลาง เสิร์ฟพร้อมกับเพียวเร่มะเขือยาวและคาเวียร์

ความพิเศษและที่มาของเมนูที่จัดเตรียมไว้ จะเป็น signature ของเชฟแต่ละท่าน

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

พิเศษ Obsiblue prawns (หัวใจของงาน) Original Cold Capellini เมนู signature ของเชฟไฮเคิล โจฮารี ที่เชฟแท๊ปนำมาเป็นแรงบันดาลใจทำ เสฉวน Cold Pasta มอบให้กับเชฟไฮเคิล

 ซอสด้านล่างจะเป็น hijiki seaweed ซอส และ ตัวเส้นจะเป็น Cold cappelini pasta ด้านบนจะมีกุ้งสีฟ้า หรือ Obsiblue Prawns, Bafun Uni, และวาซาบิสด และจบด้านบนด้วย ผิวส้มยูซุ

ทว่าเชฟไฮเคิลนำเสนอเมนู Original Cold Obsiblue Cold Capellini  แสน อร่อย ซึ่ง หมูหวานชวนชิม สุดประทับใจ

ร้าน Coda Bangkok เป็นร้านอาหาร Modern Interpretation of Thai-Chinese Cuisine นำทีมโดย เชฟแท๊ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

ซึ่งทีมเชฟผู้ช่วยจะมี เชฟหมู เชฟจุ้ย เชฟเขต เชฟอ้อม เชฟพล และเชฟเค ซึ่งเป็นเชฟคู่ใจและเป็นทีมเริ่มต้นตั้งแต่ร้านเปิด

แรงบันดาลใจและอาหารส่วนใหญ่จะได้อิทธิพลมาจากคุณแม่ของเชฟแท๊ป ซึ่งเมื่อก่อนคุณแม่เปิดร้านมหาชัยซีฟู้ด

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

จานที่ 4 ชื่อว่า Ora King Salmon (By Chef Mirco Keller) ตัว Ora King Salmon จะเป็นแซลมอนสายพันธ์New Zealand เชฟจะนำไปปรุงสุกด้วยอุณภูมิที่ต่ำ เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่นุ่ม คล้าย smoked salmon ด้านล่างจะมี Dressing ที่ทำจากน้ำผึ้งและส้มยูซุ ด้านบนจะมีไช้เท้าดองและ Scandinavian wheat bread crumble

ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักของ concept ของอาหารในร้าน Coda Bangkok แห่งนี้

ทั้งนี้ เมนูที่เชฟแท๊ปนำเสนอมาจากประสบการณ์ในแต่ละช่วงชีวิต เป็นความชอบ รสจำ ตั้งแต่เด็กจนโต รวมทั้งสิ่งที่ได้ฝึกฝนจากเชฟไฮเคิล โจฮารี 

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

จานที่ 6 Grilled Squid (By Chef Tap) เป็นเมนูปลาหมึกย่างวัยเด็กของเชฟแท๊ป ตัวปลาหมึกจะเป็นปลาหมึกจากมหาชัยที่คุณแม่ของเชฟเป็นผู้คัดสรรมาให้ เชฟเอาไปย่างไฟอ่อน เสริฟพร้อมกับแอปเปิ้ลดองชาร์โคล และ แครกเกอร์ black ink ด้านบนสุดจะมีครีมกระเทียม ส่วนตัวซอสจะเป็น Kombucha ต้มกับปลา mackerel ปรุงรส

ชื่อร้าน Coda เป็นภาษาดนตรี Coda จะเป็นท่อนหนึ่งที่เวลาบรรเลงเพลงไปเรื่อยๆ จะเจอสัญญานให้กระโดดมาที่ท่อน coda และจะเป็นการแกล้งจบบทเพลง

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

จานที่ 8 Blackfin Seabass (By Chef Mirco) ตัวปลาจะเป็น Blackfin Seabass จากญี่ปุ่น ด้านล่าจะมี เพียวเร่ parsni, ด้านบนจะมี shishito pepper ซึ่ง 1 ใน 8 ชิ้นของพริกตัวนี้จะเผ็ด ตัวซอสจะเป็นเบอร์บลองก์ และด้านบนจะมีดอกกะหล่ำ beurre blanc, green peppers, roasted cauliflower, scale crisp

ซึ่งหากเปรียบเสมือนร้านเป็นบทเพลง ความเป็น coda คือจะเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ของเชฟแท๊ปผ่านเมนูอาหารทุกๆจาน และแกล้งจบคอร์สอาหาร

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

จานที่ 11 เป็นขนมหวาน Pre-Dessert (โดยปุณฑริกา) inspiration มาจากมะม่วงน้ำปลาหวาน ด้านล่างจะเป็นวิปมะพร้าว และ caramelized fish sauce และมีมะม่วงแรดที่นำไปทำเป็นไอศกรีมซอร์เบ ด้านบนจะมี chips ที่ทำจากกุ้งป่น และมะม่วงแรดสด

เพื่อที่จะต่อด้วยข้าวต้มเป็นสูตรพิเศษของทางร้านให้อิ่ม อร่อย  เติมได้ทั้งคืน

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

จานที่ 12 เป็น Dessert (โดยปุณฑริกา) inspiration มาจาก ครองแครงน้ำกะทิ ด้านข้างจะมีแป้งข้าวเหนียวจากภาคอีสานผสมน้ำมะพร้าวและนำไปนึ่งให้นุ่ม ด้านในจะมีมูสมะพร้าวเผา โรยด้วยงาขาว ส่วนไอศกรีมจะทำจากน้ำตาลมะพร้าวไหม้ และด้านบนจะมีแครกเกอร์มะพร้าวและมะพร้าวขูดม้วน

สำหรับมื้ออาหารรังสรรค์โดยเชฟแท๊ป 6-Course Menu ราคาจะอยู่ที่ 3,450 บาท++  ไปชิมกันได้นะคะ

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”

ร้าน Coda Bangkok  เลขที่ 130-132 ถนนวิทยุ ตั้งอยู่ที่ อาคารสินธร ถนนวิทยุ โซนกลาสเฮ้าส์  แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทร. 083-959-6296

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok” "The Good Old Times" A Heart-Warming Six-hand Collaboration

“dinner” ธีม  “The Good Old Times” ที่ “Coda Bangkok”