เปิดใจนักแสดงซีรีส์ “ทริอาช” เต้-ตี๋-ต้นน้ำ-โอ๊บ
กว่าจะมาเป็นเมดิคอลดราม่าแฟนตาซีซีรีส์ที่สมจริง เหล่านักแสดงทั้งสี่ พร้อมเปิดเผยความเป็นมาของการทำงานอย่างเต็มที่
“ทริอาช” เมดิคอลซีรีส์ ผลิตโดย AIS PLAY และ ทีวี ธันเดอร์ ได้จัดงาน #ทริอาชCharityxEP10”
ในโครงการ “รวมหัวใจแฟนทริอาช เพื่อหัวใจคนไทย” ที่เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา
นำทีมโดย เต้-ดาวิชญ์, ตี๋–ธนพล, ต้นน้ำ–เปี่ยมชล, โอ๊บ–ธนดล, ออม-ปุณยวีร์, ฟอร์จูน-ปัณฑิตา, ตี๋มายด์-จิณณะ, เฟียต-พัทธดนย์, แจ็ค-กิตติศักดิ์, กระดุม-ธนายง หว่อง และผู้กำกับ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ, อั้ม-ณัฐพงษ์
เหล่าแฟนคลับได้ร่วมกันบริจาคเงิน จำนวน 487,031 บาท จากการขายบัตรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายร่วมสมทบทุนช่วยเหลือ โครงการผ่าตัดโรคหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
โดยมี รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบเงิน
- กว่าจะมาเป็น “ทริอาช”
เต้-ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์
รับบทเป็น หมอติณห์ แพทย์ประจำบ้านแผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน อายุ 29 ปี กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้เล่นเรื่องนี้
"ตอนที่รู้ว่าได้เล่น ดีใจมาก ก่อนหน้านี้เราได้รับโอกาสไปเล่นเป็นศิลปิน คนอาจจะติดภาพเราเป็น อาร์ติส
ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสได้เล่นเป็นหมอ ดีใจอาทิตย์หนึ่ง กางบทออกมา อ่านได้หนึ่งรอบ นอนไม่หลับ รู้สึกว่า บทมันใหญ่เกินตัว
ปกติอ่านบทเสร็จเราจะมีภาพในหัวว่าจะเล่นยังไง แต่พออ่านบทนี้เสร็จเรานึกภาพไม่ออก ไปไม่เป็น กังวลมาก ต้องมานั่งตั้งสติ จะทำให้คนอื่นเชื่อเรา เราต้องเชื่อก่อนว่าเรารักษาได้
เอา คำศัพท์ เอา สิ่งที่ต้องใช้ มากางหมดเลยว่ามีอะไรบ้าง แล้วไล่ลิสต์ทีละอัน ตั้งแต่ โรคแรก ๆ ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ไปเปิดยูทูบดู ให้ตัวเองเข้าใจให้ได้
วันที่ เวิร์คช็อป ภาคปฏิบัติที่เชียงใหม่ เราก็ทำการบ้านมาแล้ว แต่พอหมอปางบอกให้เจาะปอด เราเจาะเข็มลงไป มือสั่น
เลยขออุปกรณ์เอากลับบ้านไปอยู่กับมันเป็นเดือน ๆ ไปไหนก็เอามาถือ อยากให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
เราเล่นเป็น พี่ใหญ่ คงไม่ถือเข็มมือสั่น แล้วก็มีคำถามเยอะมาก เลยตั้งกรุ๊ปไว้ถาม
ความรู้สึกหลังจากเล่นเป็น หมอ เดี๋ยวนี้เวลาไปรพ.ก็มองได้ลึกขึ้น ไปวัดความดันก็ดูออฟเซ็ทตัวเอง ดูฮาร์ทเรท เวลาคุณหมออธิบายก็เข้าใจมากขึ้น
และเข้าใจวิชาชีพ แพทย์ห้องฉุกเฉิน ที่ทำงานแข่งกับเวลา เขาอยู่ใกล้ความตายมาก ๆ ทุกวินาที มันมี Gloden Time ที่ต้องยื้อชีวิต เป็นอาชีพที่น่านับถือ
เหมือนเป็น เทวดา รักษาคนเดินดิน ช่วยคนให้กลับไปอยู่กับครอบครัว ไปมีชีวิตที่ดีต่อได้ เป็นอาชีพที่มีความหมายมากๆ
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ เราได้เปลี่ยน ทัศนคติ ตัวเอง จากไม่คิดว่าจะทำได้ จนมาถึงจุดที่ทุกคนให้ผ่าน ทำให้รู้สึกว่า ถ้าเราเจออะไรที่มันยาก อย่าไปมองว่ามันใหญ่เกินไป เราทำไม่ได้
ลองเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ดูก่อน บางทีเราอาจจะทำได้ก็ได้ เรื่องนี้มันทำลายกำแพงตัวเรา ที่จบสายศิลป์เล่นดนตรีมาสวมวิชาชีพแพทย์ได้ในระดับที่เขาให้ผ่าน รู้สึกภูมิใจ
เป็นความโชคดีที่ได้มาอยู่ท่ามกลางยอดฝีมือ นักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ เขาบอกว่าคนเราจะเก่งขึ้นได้เมื่อได้เจอคนเก่งกว่า
ถ้าสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ เต้ อยากกลับไปลองเรียนหมอ อยากรู้ว่าจะทำได้ไหม"
ตี๋-ธนพล จารุจิตรานนท์
รับบทเป็น ต้อล นักศึกษาปี 4 คณะบริหารธุรกิจ กล่าวว่า การแสดงเรื่องนี้ทำให้เราเติบโตขึ้น
"ต้อล ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ที่เกเร แต่เป็นคุณหนูที่ดุดัน เกรี้ยวกราด หยิ่ง ๆ
ความยากคือ เรารู้ผิดรู้ถูก แต่ ต้อล ไม่รู้ เขาทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เราต้องโฟกัสให้ถูกจุด จากที่ใช้ความคิดตัวเองเล่น มาใช้ ต้อล เล่น
เขาเป็นคนที่มีแบ็คกราวน์แบบนี้ โดนสปอยแบบนี้มา ที่ทำทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ว่า พูดจาไม่ดี ทำร้ายจิตใจคนอื่น
ในมุมของ ต้อล ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การที่เราแคร์คนทั้งโลก ลำบากซะเอง ใจเราจะแตกสลาย แต่ การที่เราช่างมันบ้าง รักตัวเองให้มากขึ้นบ้าง หรือไม่ต้องแคร์คนอื่นบ้าง เราจะมีความสุขมากขึ้น
เราได้เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวละครตัวนี้ให้มีความน่ารักขึ้น แม้จะเป็นคนพูดจาทำร้ายจิตใจ แต่มุมหนึ่งมันก็หลุดความรู้สึกผิด
จากที่ไล่ก็ไล่ไปเลย กลายเป็นไล่ไปแล้วคิดว่าพูดจาแรงไปไหม จริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนร้ายๆ ขนาดนั้น ยังมีมุมที่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด
การแสดงเรื่องนี้ทำให้ได้พัฒนาฝีมือการแสดงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ทำให้เราได้เติบโตขึ้น ได้เข้าใจ ความเป็นนักแสดง มากขึ้น
ถ่ายทอดจากตัวละครนั้นจริง ๆ มีระบบความคิดที่เชื่อว่าเป็นตัวนั้นจริงๆ ได้เรียนรู้ว่า การเป็น นักแสดง ไม่ได้ง่าย มันใช้อะไรหลาย ๆ อย่างมาก
ถ้าย้อนกลับไปได้ ตี๋ ไม่อยากกลับไปแก้ไขอะไร เพราะว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้ว คือประสบการณ์ที่สอนเราในตอนนี้ ถ้าเราผ่านเรื่องดี ๆ มาก็คงจะไม่ได้เรียนรู้อะไร
แต่ประสบการณ์แย่ๆ ต่างหาก ที่ทำให้เราโตมาได้อย่างทุกวันนี้ ยิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้มากเท่าไร เราก็ใช้ชีวิตได้ดีมากขึ้น เพราะ เราได้เรียนรู้แล้วว่าเราควรจะทำอย่างไร ให้ทุก ๆ วันต่อไปนี้มันดียิ่งขึ้นไปอีก
ต้นน้ำ-เปี่ยมชล ดำรงสุนทรชัย
รับบทเป็น หมอสิงห์ กล่าวว่า รู้สึกกังวลมากว่าคนดูจะเชื่อไหมว่าตัวเองเป็นหมอ
“ตั้งแต่ EP.1 คนชมพี่เต้มากว่าเหมือนหมอทุกอย่าง ผมก็กังวล คนจะดูผมเป็นหมอไหม เพราะเราเคยเล่นแนวคอเมดี้ ขำ ๆ มา
พอมาเล่นเป็นหมอที่มีความน่าเชื่อถือ คนจะเชื่อไหม พอมีคนบอกว่า เชื่อแล้วว่าเราเป็นหมอจริง ๆ ทำได้ เล่นได้แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านมา
เราก็รู้สึก เติมเต็ม อยากเป็นนักแสดงที่ดี ถ่ายทอดบทได้หลากหลาย ถ้ามีโอกาสเราต้องทำให้มันดี
เราเป็น ผู้ช่วยแอ็คติ้งโค้ช จากหน้ากล้องมาอยู่หลังกล้อง ทำให้เห็นความละเอียดบางอย่าง ที่เวลาเราเล่นเองเรามองข้ามไป
วิธีการแสดงออกทางตา สามารถเล่นให้ละเอียดขึ้นได้ ถ้าเอามาใช้ เราได้เรียนพื้นฐานแบ็คกราวน์ตัวละครมาหลาย ๆ อย่างเพื่อมาดีไซน์ให้กับหมอสิงห์
ไม่อยากให้ หมอสิงห์ เป็นตัวละครที่ดุด่าคนไปวัน ๆ พูดๆ แล้วก็ผ่านไป อยากให้มีแบ็คกราวน์บางอย่าง เขาอาจโตมาในครอบครัวที่แสดงความรักไม่เป็น
ทำไมเขาต้องเลือก แก๊ป มาอยู่ข้างตัว เพราะว่า แก๊ป เป็นความสว่างสดใสสิ่งเดียวในชีวิต เป็นคนมาเติมจุดข้อบกพร่อง จากคนที่มีแค่ขาวกับดำ
การแสดงเรื่องนี้เป็นเหมือน ประตู ที่ผมได้ก้าวข้ามผ่านมา พอเราได้ทำในสิ่งที่เรารักมากขึ้น มีโอกาสมากขึ้นก็สนุกครับ ผมตั้งใจทำผลงานออกมาให้ดีเรื่อย ๆ ครับ
ถ้าย้อนกลับไปได้ เราคงกลับไปเมื่อคืน จะไม่กินโซเดียมกับนอนดึก วันนี้หน้าจะได้ไม่บวมและง่วงนอน"
โอ๊บ-ธนดล วงศ์สอาดสกุล
รับบทเป็น หมอแก๊ป กล่าวว่า ชีวิตจริงเป็นหมอแต่มาเล่นเป็นนักแสดง รู้สึกว่ายากมาก
“ได้เป็น นักแสดง เรื่องแรก การเป็นหมอกับการเป็นนักแสดง จริงๆ แล้วความเหมือนมันก็มี ทั้งสองงานเป็นงานศิลปะที่ต้องทุ่มเท ต้องมีความตั้งใจ
แต่ต่างกันสุดขั้ว เพราะหมอทำอะไรด้วยเหตุและผล 1234 ทุกอย่างมีลำดับ มีขั้นตอน ห้ามข้ามเด็ดขาด ถ้าข้ามคนไข้ตาย
แต่นักแสดงทุกอย่างมาด้วยอารมณ์ ต้องมีเสียงในหัวสิ ใช้สมองคนละซีกกัน ต้องปิดหัว มาใช้ใจ
เราเป็นหมอ จะปิดได้ยังไง หัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือด ก็ปรับนานอยู่เหมือนกัน กว่าจะเปิดนั่นปิดนี่ได้ คิวแรก ๆ เครียดมาก กินไม่ได้เลย
การแสดงเรื่องนี้ทำให้เรามีโอกาสได้ ทัศนคติ ของการเป็นนักแสดง ได้เห็น Role model นักแสดง, ผู้จัด, ผู้กำกับ และเห็นว่างานที่มีคุณภาพจะต้องทำยังไง
มันไม่ใช่ สูตรสำเร็จ ไม่มีสูตรลัด ต้องใช้ความตั้งใจ ซึ่งทุกฝ่ายตั้งใจ ภูมิใจมาก ๆ ที่เราเป็นหมอแล้วได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ ที่มีสาระสำคัญส่งไปถึงหลาย ๆ คน
แค่ได้เห็นฟีดแบคว่า หลังจากนี้ไปห้องฉุกเฉินเราเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า ทำไมหมอไม่มาสักที หรือเข้ามาตรวจ สองนาทีก็ไปแล้ว เขารู้ว่าเราเหนื่อยไปเพื่ออะไร
ถ้าย้อนกลับไปได้ เราไม่อยากย้อนกลับไป เพราะมันเป็น Butterfly effect (ทุกอย่างส่งผลกระทบถึงกัน) ถ้าเราย้อนไปแล้วคนสำคัญมันหายไป เราก็แค่คิดว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียน เอาบทเรียนมาใช้ละกัน"
- เปิดเบื้องหลังซีรีส์ทริอาช
..................
ติดตามชม AIS PLAY Original เรื่อง “ทริอาช” ได้ทุกวันจันทร์ ทาง AIS PLAY และช่อง 3 (33) เวลา 23.00 น.
