How to ท่องเที่ยวต่างประเทศในยุคสังคมไร้เงินสด
ถ้าจะเดินทางไปต่างประเทศ เช็คก่อนว่า บัตรเครดิตที่นำไปใช้ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศหรือไม่ ควรใช้บัตรพลาสติกแบบแตะหรือรูด ฯลฯ...เรื่องเหล่านี้คนทำธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกมีข้อแนะนำ
นักท่องเที่ยวยุคหลังโควิด 19 กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีกำลังพัฒนาไปข้างหน้าทำให้ทุกคนต้องปรับตัวและตามให้ทัน
สองสามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่งจากรัฐมิชิแกนต้องประสบกับปัญหาที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนในทริปไปอังกฤษล่าสุด นั่นคือ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถหาทางใช้เงิน 700 ปอนด์ที่แลกไป เพื่อใช้ในการเดินทางครั้งนี้ได้
“พวกเราเดินทางไปทั่วประเทศ รวมถึงเมืองเล็กๆ ในเลค ดิสทริค เมืองคอสโวลด์ และแม้แต่ผับเล็กๆ ก็ยังรับแต่เครดิตการ์ด เราหาร้านที่รับเงินสดไม่ได้เลย” แอนดรูว์ ด็อดสัน ผู้จัดการฝ่ายคอนเทนท์มาร์เก็ตติ้งของบริษัท TentCraft ซึ่งเป็นผู้ผลิตเต๊นท์สั่งทำและอุปกรณ์เสริมกล่าว โชคดีที่โรงแรมสุดท้ายที่เข้าพักในลอนดอนยอมให้พวกเขาจ่ายค่าที่พักด้วยเงินสด
นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันโดยมากจะแลกเงินสกุลของประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางจากธนาคารที่เมืองของตัวเองก่อนบินหรือกดจากเครื่องเอทีเอ็มหรือเคาน์เตอร์แลกเงินที่ประเทศปลายทาง
แต่ในช่วงการของการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อันเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผู้คนมักจะเลือกชำระเงินแบบไร้สัมผัส หรือออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องพกธนบัตรหรือเหรียญอีกต่อไปไม่ว่าจะสกุลใดก็ตาม
ลูกค้าชำระเงินค่ากาแฟโดยการสแกนผ่านแอพ Apple Pay (ภาพวิกิพีเดีย)
“แบงค์ 10 ยูโรนอนอยู่ในกระเป๋าเงินของฉันมาหลายสัปดาห์แล้ว” จูลีน อิงลิช หญิงวัยเกษียณจากรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเดินทางไปเที่ยวที่อิตาลี ฝรั่งเศสและอังกฤษกับสามีเป็นเวลา 3 เดือนกล่าว
เทรนด์การจ่ายแบบไร้สัมผัส
ชารูตา แฟดนิส รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Phocuswright ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต่างก็มีส่วนร่วมในเทรนด์ของการเดินทางที่ไม่ต้องพกเงินสด ซัพพลายเออร์
และผู้ให้บริการด้านการเดินทางได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมและการชำระเงินออนไลน์ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เริ่มคุ้นเคยและสบายใจมากขึ้นกับการชำระเงินแบบดิจิทัลหรือไร้สัมผัส
“พฤติกรรมการชำระเงินด้วยการแตะบัตรหรือ (สแกนผ่าน) โทรศัพท์คาดว่าจะยังคงอยู่ต่อไป” แฟดนิส กล่าว
จริงๆ แล้วการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินมาเป็นการไม่ใช้เงินสดเวลาเดินทางไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มหลังจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด 19
ไมเคิล ออแลนโด ซีอีโอของ Yapstone บริษัทรับชำระเงินระดับโลก บอกว่า การชำระเงินทางดิจิทัลและทางโทรศัพท์มือถือเป็นเทรนด์ระยะยาวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ 10 ปีก่อนแล้วในเอเชียและเกิดในช่วง 3 ปีก่อนในทวีปอื่นๆ
“แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การระบาดใหญ่ของโควิด ทำให้เทรนด์ดังกล่าวมาแรงขึ้น” แมตต์ ชูลซ์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อของ LendingTree บริษัทสินเชื่อออนไลน์ กล่าว
ผู้บริโภคไม่เพียงแต่เริ่มสั่งซื้อของทางออนไลน์และทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ตอนที่โควิดเริ่มระบาด แต่ยังไม่อยากจับแบงค์หรือเหรียญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่ยังไม่รู้ว่าไวรัสมีการแพร่กระจายอย่างไร
“ผู้คนรู้สึกสบายใจที่จะจ่ายเงินด้วยบัตรพลาสติกหรือสแกนคิวอาร์โค้ดหรือแอพพลิเคชั่นบนมือถือมากกว่าการใช้เงินสด” เขากล่าว
ถ้าคุณกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดระบาด นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องพึ่งเงินสด (จ่ายค่าทิป บริการห้องน้ำ) หรือเมื่อไหร่ที่ไม่ต้องใช้เงินสด (ร้านค้า ร้านอาหาร) และวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิตและตัวเลือกการชำระเงินดิจิทัล
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเวลาเดินทางกำลังถูกแทนที่ด้วยการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (ภาพรอยเตอร์)
แตะบัตรแทนการรูด
ทุกวันนี้ ร้านค้าหลายรายนอกสหรัฐอเมริการับชำระเงินด้วยบัตรแบบไร้สัมผัส เพียงอย่างเดียว ตอนที่ไปอังกฤษ ด็อดสันพยายามเสียบบัตรเครดิตหรือรูดบัตรบนเครื่องอ่านบัตรที่ร้านอาหาร จนพนักงานเสิร์ฟต้องเตือนว่าให้ใช้บัตรแตะไม่ใช่รูด
เบ็น ซอพพิตต์ ซีอีโอของ Unifimoney ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการความมั่งคั่งทางดิจิทัลกล่าวว่า เทคโนโลยีไร้สัมผัสเป็นมาตรฐานอย่างแท้จริงที่ทำกันมาเกือบทศวรรษในหลายๆ พื้นที่นอกสหรัฐอเมริกา อันที่จริงแล้วบริษัท Mastercard รายงานว่า มากกว่าครึ่งของธุรกรรมทางการเงินทั่วโลกตอนนี้เป็นแบบไร้สัมผัส
ก่อนเดินทางไปต่างประเทศควรตรวจสอบบัตรเครดิตของคุณก่อน ถ้าไม่มีสัญลักษณ์ของการชำระเงินแบบไร้สัมผัสหรือสัญลักษณ์รูปคลื่น 4 ขีดแนวนอน (คล้ายสัญลักษณ์ของสัญญาณไวไฟ) ให้ติดต่อบริษัทบัตรเครดิตของคุณเพื่อขอเปลี่ยนบัตรก่อนเดินทาง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่า บัตรที่นำไปใช้ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างประเทศ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องเสียค่าธรรมเนียมที่แพงกว่าการแลกเงินต่างประเทศหรืออาจสูงถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของการซื้อแต่ละครั้ง
ถ้าร้านค้าถามว่าคุณต้องการให้เรียกเก็บเงินเป็นสกุลเงินท้องถิ่นหรือสกุลเงินของเรา คำแนะนำจากแมกซ์ โจนส์ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวของบริษัท Virtuoso Network คือให้เลือกสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินที่แพง
ข้อดีเพิ่มเติมของการจ่ายบัตรแบบไร้สัมผัสคือ สามารถใช้แตะจ่ายค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟได้ในหลายที่ โดยไม่ต้องซื้อบัตรเติมเงินที่อาจจะมีค่ามัดจำหรือไม่แน่ใจว่าต้องเติมเงินเท่าไหร่ถึงจะพอ
สำรองแผนด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล
นิโคล กุสตาส หญิงวัย 51 ปีจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัทInternational Citizens ซึ่งขายประกันภัยการเดินทางและประกันภัยต่างประเทศอื่นๆ เล่าว่า เธอต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากกว่าหนึ่งครั้งตอนเดินทางไปนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย
เพราะบัตรเครดิตของเธอสแกนจ่ายไม่ได้และร้านค้าก็ไม่สามารถรับชำระเงินจากเธอได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเธอจึงดาวน์โหลดแอพ Google Payไว้ในโทรศัพท์มือถือสำรองไว้ด้วย
ก่อนเดินทางครั้งต่อไป ลองดาวน์โหลดและสมัครใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือE-Wallet(เช่นGoogle PayหรือApple Pay)ที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารหรือบัตรเดบิตของคุณ และทดลองใช้ก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับวิธีการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสอีกวิธีหนึ่งเผื่อเป็นทางเลือกหากบัตรเครดิตใช้ไม่ได้
เจนนี่ ลีย์ บล็อกเกอร์จากรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 29 ปีที่เขียนเกี่ยวกับคู่มือการท่องเที่ยวบนเว็บไซต์ Wanderly รู้สึกประหลาดใจที่เห็นป้าย “เราไม่รับเงินสด” ในการเดินทางไปแอฟริกาใต้เมื่อไม่นานมานี้
“หลายประเทศกำลังมุ่งหน้าสู่โลกไร้เงินสดตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดแล้ว แต่โควิด 19 เป็นตัวเร่งให้คนหันมาชำระเงินแบบไร้สัมผัสมากขึ้นโดยสแกนคิวอาร์โค้ด” เธอกล่าว
แต่ลีย์เตือนว่า การจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดก็มีความเสี่ยง เพราะอาจมีการติดตั้ง Malicious Code หรือโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์กับผู้ใช้งานหรือระบบไว้ที่คิวอาร์โค้ด ซึ่งสามารถใช้เพื่อโอนเงิน ขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและติดตั้งมัลแวร์ได้
นักท่องเที่ยวถ่ายเซลฟี่ (ภาพ www.traveloffpath.com)
เงินสดเล็กน้อยยังจำเป็น
แม้การชำระเงินแบบดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่คุณยังอาจต้องใช้เงินสดอยู่บ้าง
“จริงๆ มันขึ้นอยู่กับว่าสถานที่ที่เดินทางไปนั้นอยู่ห่างไกลความเจริญแค่ไหน” โจนส์ กล่าว “ถ้าคุณอยู่ในเมือง เช่น ในลอนดอน หรือเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ คุณน่าจะโอเค100เปอร์เซ็นต์กับการใช้บัตรเครดิต แต่ถ้าคุณกำลังแบกเป้เที่ยวแบบแบ็คแพ็คหรือไปที่ร้านค้าเล็กๆ หรือร้านอาหารเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก คุณอาจจำเป็นต้องใช้เงินสดบ้าง”
นอกจากนี้ แต่ละประเทศก็ยังมีความแตกต่างกัน โจนส์บอกว่า เยอรมนีเคยเป็นสังคมที่ใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่จนกระทั่งโควิด 19 ระบาด ตอนนี้ร้านค้าที่เคยรับเฉพาะเงินสดจำนวนมากขึ้นป้ายว่า “เราชอบการชำระเงินแบบไร้สัมผัส”
ในทางตรงกันข้าม ประเทศในสแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ส่งเสริมการใช้บัตรเครดิตสุดๆ ในช่วง10ปีที่ผ่านมา ส่วนสเปนและฝรั่งเศสก็ผสมผสานกันเหมือนเยอรมนี
เงินสดยังจำเป็นสำหรับใช้บริการห้องน้ำที่สถานีรถไฟในยุโรปตะวันออก เช่น สโลวาเกีย ฮังการีและสาธารณรัฐเช็ก
การเที่ยวโดยขับรถยนต์ก็ต้องใช้เงินสดในการจ่ายค่าทางด่วนและค่าที่จอดรถ ธีโอล่า ทินนี่ ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในนิวยอร์คเพิ่งเดินทางไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียกับครอบครัว
แม้ว่าร้านค้าและร้านอาหารหลายร้านจะรับชำระด้วยบัตรเครดิตแต่พอเธอขับรถออกนอกเมือง เธอต้องถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มและเอาแบงค์ไปซื้อโคคาโคล่ากระป๋องเพื่อเอาเงินทอนมาจ่ายค่าที่จอดรถ
นอกจากนี้ สถานที่บางแห่งก็ให้ความสำคัญกับการจ่ายทิปมาก ซึ่งคุณต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น
พอลลีน ฟรอมเมอร์ ผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของเว็บไซต์และคู่มือท่องเที่ยว Frommer แนะนำว่า นักท่องเที่ยวควรจะต้องพกแบงค์ย่อยสำหรับการทิปแม่บ้านในโรงแรมหรือคนช่วยยกกระเป๋า
ถ้ามีความจำเป็นต้องกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ควรเช็คก่อนว่าธนาคารของคุณมีพันธมิตรระหว่างประเทศที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการกดเงินหรือไม่
....................
ที่มา : เว็บไซต์เดอะ นิวยอร์คไทมส์
ภาพลีด :โลกกำลังมุ่งสู่สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ (ภาพ www.futuremanageralliance.com)