“ยืดอายุเสื้อผ้า” มีค่าเท่ากับ “ยืดอายุโลก”
ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ธุรกิจต่างๆ หันมามุ่งใส่ใจด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มปรับเปลี่ยนภายในองค์กรและร่วมรณรงค์ให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก หันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยืดอายุเสื้อผ้าเพื่อความยั่งยืน
ปัญหาหลักที่มีมาอย่างยาวนานของโลกคือ “ขยะพลาสติก” นอกจากขยะพลาสติกแล้วสิ่งสำคัญที่มองข้ามไปคือปริมาณขยะจาก เสื้อผ้า ต่างๆ ที่ถูกใช้ไม่กี่ครั้งอีกด้วย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า “ขยะสิ่งทอ” จะเป็นอีกหนึ่งกองปัญหาสำคัญที่เรามองข้าม
ข้อมูลจาก มูลนิธิเอลเลนแมคอาร์เธอร์ ระบุว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของขยะสิ่งทอ ถูกส่งไปฝังกลบหรือเข้าเตาเผาเพื่อกำจัด ในขณะที่คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสําหรับยุโรป (UNECE) รายงานว่า ในแต่ละปี มีเสื้อผ้าที่ถูกส่งไปฝังกลบถึง 21,000 ล้านตัน
หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหา ขยะสิ่งทอ และชะลอวงจรเสื้อผ้าคือ การทำให้เสื้อผ้าใช้งานได้ยาวนานขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิธีการใช้งาน การเก็บรักษา หรือการนำกลับมาใช้ใหม่
ล่าสุด แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) ได้จับมือกับสองนักออกแบบเสื้อผ้ารุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังเขย่าวงการแฟชั่นด้วยแบรนด์ เรฟ รีวิว (Rave Review) ให้มาร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคเก็บเสื้อผ้าไว้ใช้ซ้ำให้นานขึ้น
- แฟชั่นการคืนชีวิตให้ผ้าเก่า
เรฟ รีวิว (Rave Review) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 โดยสองนักออกแบบ โจเซฟฟิน บอร์กควิสต์ (Josephine Bergqvist) และลิเวีย ชัค (Livia Schück) ด้วยความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นของโลกจะต้องมีความยั่งยืนมากขึ้น
แบรนด์เสื้อผ้าจากสวีเดนกลายเป็นที่รู้จักกันในวงการถึงผลงานเสื้อผ้าชั้นสูง ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงาม สร้างสรรค์จากเสื้อผ้าใช้แล้วที่ถูกทิ้ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสื้อผ้าของสองสาวได้ถูกหยิบยกมาขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่าง Vogue และ GucciFest และยังได้รับรางวัลมากมาย
โครงการที่ร่วมทำกับ “อีเลคโทรลักซ์” (Electrolux) นี้ เรฟ รีวิว (Rave Review) จะนำขยะจากสุสานสิ่งทอ ทะเลทรายอตาคามา ในประเทศชิลี มาสร้างเสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ ที่แน่นอนว่าจะไม่มีทางซ้ำกับใคร ทะเลทรายแห่งนี้เป็นสุสานสิ่งทอที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก มีขยะเสื้อผ้าจากถูกนำเข้ามาทิ้งที่อตาคามาราวปีละ 39,000 ตัน
“งานออกแบบของเรา เราต้องการที่จะเน้นความรู้สึกที่ ไม่สมบูรณ์แบบ (imperfection) นั่นจะกลายเป็นบุคลิกของเนื้อผ้า ซึ่งทำให้สนุกและน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับผ้าแบนๆ ใหม่ๆ” โจเซฟฟิน บอร์กควิสต์ (Josephine Bergqvist) ผู้ร่วมก่อตั้ง เรฟ รีวิว (Rave Review) กล่าว
- แฟชั่นกับความยั่งยืน
การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคคือสิ่งที่จะช่วยชะลอปัญหาที่เกิดจากแฟชั่นจานด่วนได้ อีเลคโทรลักซ์ มองว่า การสร้างเครื่องซักผ้าที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้า น่าจะเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยทำให้ผู้บริโภคใส่เสื้อผ้านั้นๆ ได้บ่อยครั้งขึ้น เก็บไว้ใช้นานขึ้น
“เรามีข้อมูลจากงานวิจัยว่าการ ยืดอายุเสื้อผ้า ออกไปอีกเพียงแค่ 9 เดือน สามารถลดผลกระทบจากคาร์บอน น้ำ และการสร้างขยะถึง 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ มันมีหลายวิธีที่ทำได้ ซ่อมแซมหรือคืนชีวิตให้เสื้อผ้าเก่า และการทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยวิธีที่ยั่งยืนมากขึ้น” วาเนสซา บูตานี (Vanessa Butani) รองประธานกลุ่มความยั่งยืน อีเลคโทรลักซ์ กล่าวถึงที่มาของโครงการความร่วมมือกับสองดีไซเนอร์
คอลเลคชันเสื้อผ้าที่ เรฟ รีวิว (Rave Review) รังสรรค์ขึ้น เป็นครั้งแรกของโลกกับการใช้ ขยะสิ่งทอ จากทะเลทรายอตาคามา ด้วยความตั้งใจว่าจะเป็นการเน้นย้ำให้โลกเห็นปัญหาขยะแฟชั่นที่รุนแรงขึ้นทุกวัน และเป็นแรงบันดาลใจที่จะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
“เราเชื่อเสมอว่า แฟชั่นในอนคตจะเป็นแบบตอนนี้ไม่ได้ ฉันคิดว่าเราต้องเปลี่ยนอะไรสักอย่าง และเมื่อพูดถึงเรื่องแฟชัน การดูแลสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว น่าจะเป็นวิธีที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดและง่ายที่สุด” ลิเวีย ชัค (Livia Schück) ผู้ร่วมก่อตั้ง เรฟ รีวิว (Rave Review) กล่าว
- นวัตกรรมและเทคโนโลยีคือทางออก
อีเลคโทรลักซ์ ตั้งเป้าว่าจะต้องลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดูแลเสื้อผ้าให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และต้องยืดอายุการใช้งานเสื้อผ้าให้ได้เป็นสองเท่า
“ในฐานะที่เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเสื้อผ้า เราได้พัฒนาเทคโนโลยีซักผ้าที่จะ ยืดอายุเสื้อผ้า ได้ยาวขึ้น และลดการใช้ทั้งพลังงานและน้ำ แต่ในฐานะธุรกิจ เราไม่ควรที่จะหาทางออกให้เท่านั้น เรายังหวังว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และให้ความรู้ผู้บริโภค ว่าจะสามารถยืดอายุเสื้อผ้าที่พวกเขามีอยู่แล้วให้ยืนยาวขึ้นได้อย่างไร เราอยากจะทำทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง” เอลิซา สตาบอน (Eliza Stabon) ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาประสบการณ์การดูแล อีเลคโทรลักซ์ กล่าว
งานวิจัยเผยให้เห็นว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลเสื้อผ้าอย่างไรให้ดีที่สุด และสนับสนุนให้คนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซักผ้า ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น คือใช้น้ำน้อยลง อบไอน้ำผ้ามากขึ้น ซักผ้าเต็มถัง ด้วยน้ำที่อุณหภูมิต่ำลง
จากการศึกษาวิจัยในทวีปยุโรปพบว่า คนส่วนมากซักผ้าด้วยน้ำอุณหภูมิอย่างต่ำ 40 องศาเซลเซียส และมากกว่า 12% ของจำนวนผู้ที่ร่วมการสำรวจซักผ้าด้วยน้ำที่อุณหภูมิอย่างถึง 60 องศาเซลเซียส เป็นประจำ มีเพียง 29% เท่านั้นที่ซักผ้าด้วยน้ำอุณหภูมิ 30 องศาหรือต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม คนที่ตอบแบบสอบถามราว 14% ระบุว่า พวกเขาต้องการที่จะใช้น้ำที่อุณหภูมิต่ำลงให้บ่อยขึ้น
วาเนสซา บูตานี (Vanessa Butani) กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าทุกคนเปลี่ยนกันคนละนิด เพื่อที่จะหลุดออกจากแบบแผนที่ผ่านมา เราทุกๆ คนจะสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสิ่งทอได้ ด้วยการลดอุณหภูมิที่ใช้ในการซักผ้า เปลี่ยนมาใช้น้ำยาซักผ้าแทนผงซักฟอก แค่นี้ก็จะสามารถลดการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ปีละ 50 กิโลกรัมต่อเครื่องซักผ้าหนึ่งเครื่องเลยทีเดียว
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีการช่วย ยืดอายุเสื้อผ้า ของ อีเลคโทรลักซ์” ได้โดย คลิก