อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ "ตรุษจีน 2566" ควรให้ "แต๊ะเอีย" เท่าไรถึงเป็นสิริมงคล?

"อั่งเปา" กับ "แต๊ะเอีย" ของต้องมีใน "ตรุษจีน 2566" ความหมายต่างกันอย่างไร

ยิ่งให้ยิ่งรวย! อีกหนึ่งธรรมเนียมในวัน "ตรุษจีน 2566" คือการแจก "อั่งเปา" และ "แต๊ะเอีย" ให้ลูกหลานหรือคนที่อายุน้อยกว่า ชวนรู้ความหมายของสองคำนี้ต่างกันอย่างไร? แล้วควรให้แต๊ะเอียเท่าไร ถึงจะเป็นสิริมงคลทั้งคนให้คนรับ

"วันเที่ยว" หรือ "วันตรุษจีน 2566" ปีนี้ตรงกับวันที่ 22 มกราคม เป็นวันที่ลูกหลานชาวจีนจะนำส้มมงคลไปไหว้แสดงความเคารพผู้ใหญ่ที่นับถือ พร้อมกล่าวคำอวยพร "ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้" ซึ่งตามธรรมเนียมผู้ใหญ่ก็จะมอบ "อั่งเปา" และ "แต๊ะเอีย" ให้กลับมาเป็นของขวัญปีใหม่

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมช่วงเทศกาล "ตรุษจีน" มักจะเห็นภาพอาหมวย อาตี๋ หรือหลานๆ ตัวเล็กถือซองสีแดงกันละลานตา อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนที่อาจจะยังสับสนระหว่าง "อั่งเปา" และ "แต๊ะเอีย" ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จะพาไปไขข้อสงสัยพร้อมกัน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ \"ตรุษจีน 2566\" ควรให้ \"แต๊ะเอีย\" เท่าไรถึงเป็นสิริมงคล?

 

  • "อั่งเปา" หรือ "แต๊ะเอีย" ?

พูดถึงซองแดง บางทีก็เรียกว่า "อั่งเปา" บางคราวก็เรียกแต๊ะเอีย ก็เกิดข้อสงสัยว่าทั้ง 2 อย่างนี้มันต่างกันอย่างไร เว็บไซต์ "ไชน่าทาวร์เยาวราช" ให้ข้อมูลว่า  คำว่า อั่ง ในภาษาจีนแปลว่า สีแดง ซึ่งเป็นสีแทนสัญลักษณ์ความเป็นมงคล ความมีชีวิตชีวา ความโชคดีของชาวจีน เราจะเห็นว่าในเทศกาลต่างๆ ชาวจีนจะนิยมใช้สีแดงกัน ส่วนคำว่า เปา ในภาษาจีนแปลว่า ของ หรือ กระเป๋า

ดังนั้น คำว่า อั่งเปา จึงหมายถึงซองสีแดง ซึ่งในที่นี้เป็นชื่อเรียกของสิ่งของมงคลที่นิยมให้ตามเทศกาลต่างๆ ของชาวจีน

ส่วนแต๊ะเอียนั้น คำว่า แต๊ะ ในภาษาจีนแปลว่า ทับหรือกด และ เอีย ในภาษาจีนแปลว่า เอว เมื่อรวมกันจะแปลว่าของที่มากดหรือทับเอว ในสมัยก่อนเหรียญของชาวจีนนั้นเป็นวงกลม ที่รูตรงกลาง เวลาเก็บก็มักจะร้อยด้วยเชือกแล้วเอาคาดเอวเอาไว้ ดังนั้นแล้ว แต๊ะเอีย จึงหมายถึงเงินหรือของที่อยู่ด้านในซอง นั่นเอง

อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ \"ตรุษจีน 2566\" ควรให้ \"แต๊ะเอีย\" เท่าไรถึงเป็นสิริมงคล?

อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ \"ตรุษจีน 2566\" ควรให้ \"แต๊ะเอีย\" เท่าไรถึงเป็นสิริมงคล?

 

  • ที่มาของซองสีแดงในอดีต สู่คำว่า "อั่งเปา"

ซองสีแดง ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเงินนำโชคที่ถูกมอบให้กันในวันปีใหม่จีน แต่ที่มานั้นยังมีความคลุมเครือ เพราะไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเกิดเพราะเหตุใด นอกจากตำนานที่เล่าต่อกันมา อย่างตำนานสัตว์ประหลาด เหนียน (Nian : 年) โดยตำนานเล่าว่าในทุกๆ ปีมักจะมีสัตว์ประหลาดชื่อ เหนียน (年) ออกมาทำลายหมู่บ้าน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเด็กๆ จากปีศาจ เหล่าพ่อแม่จึงให้เงินแก่ลูกของพวกเขา เพื่อเมื่อเจอปีศาจจะได้ติดสินบนสัตว์ประหลาดด้วยเงินที่ติดตัว

นอกจากตำนานสัตว์ประหลาดเหนียนแล้ว ยังมีตำนานปีศาจที่เรียกว่าซุ่ย (祟) โดยปีศาจตนนี้จะออกมาในวันส่งท้ายปีเก่าและตบหัวเด็กในขณะนอนหลับ  พ่อแม่จึงวางเหรียญไว้ข้างหมอน เมื่อปีศาจมาถึงจะเห็นแสงสะท้อนของเหรียญจึงจากไป ยังมีตำนานอีกมากมายที่เกี่ยวกับการให้เงินแก่หลูกหลาน 

แต่ถึงอย่างนั้น การให้เงิน หรือเหรียญ เริ่มต้นแพร่หลายในยุคราชวงศ์ฮั่น แต่แทนที่จะเป็นการให้เงินจริงๆ กลับกลายของสะสมขนาดเล็กในรูปของเหรียญเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ที่จารึกตัวอักษร “สันติภาพ” (peace - tiān xiàtàipíng) ,“อายุยืนและโชคลาภ” (千秋 ti - qiān qiūwànsuì) ให้กันแทน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เงินที่ใช้จากเหรียญจึงเปลี่ยนเป็นแบงค์อย่างในปัจจุบัน แต่ความหมายของการให้เงินนั้นก็ยังเพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นเดิม 

 

  • ควรใส่ "แต๊ะเอีย" ใน "อั่งเปา" เท่าไร? สื่อถึงความสิริมงคล 

คนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ยึดหลักการให้ "เลขคู่" เพราะถือเป็นเลขแห่งความมงคลในความหมายจีน แต่ในช่วงยุคแรกแห่งการสถาปนาสาธารณะรัฐจีน หรือศตวรรษที่ 20 มีความเชื่อว่าจะต้องให้เงินที่มีมูลค่า 100 เซ็นต์ เป็นการอวยพรให้อายุยืนถึง 100 ปี 

อั่งเปาตั่วตั่วไก๊ \"ตรุษจีน 2566\" ควรให้ \"แต๊ะเอีย\" เท่าไรถึงเป็นสิริมงคล?

ต่อมาจึงนิยมให้เลขต่อเนื่องกันตามตำนาน 连 连 高 升 อ่านว่า Lián Lián Gāo shēng (เหลียน-เหลียน-เกา-เชิง) แปลว่า ขอให้ได้เลื่อนขั้นหรือการงานการเงินเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป นิยมให้เงินเป็นเลขเรียง เช่น 789 เจ็ดร้อยแปดสิบเก้าบาท เพื่อความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ 

แต่จริงๆ แล้ว การให้เงินคนในครอบครัวของชาวจีนส่วนใหญ่นั้น ไม่มีหลักเกณ์ตายตัว แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติคือ ญาติผู้ใหญ่มักจะให้เงินแก่ลูกหลานในจำนวนตั้งแต่ 200 - 1,000 หยวน (สกุลเงินจีน) ตามความใกล้ชิด (แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองชาวจีนมักไม่ชอบรับเงินจากลูกๆ) และจะให้เงิน 10-50 หยวน สำหรับคนรู้จักหรือเพื่อนร่วมงาน 

ส่วนธรรมเนียมในทางภาคใต้ของจีน จะมีการให้เงินที่เป็น "เลข 6" หรือในภาษาจีนคือ 六 六 大 顺 (liù liù dà shùn : ลิ่ว ลิ่ว ต้า ชุ่น) เสียงคล้องกับวลีที่แปลว่า "ความสำเร็จที่ราบรื่น" และให้เงินที่เป็น "เลข 8" หรือในภาษาจีน คือ 发 (fā) ที่เป็นคำพ้องเสียงตรงกับความหมายว่า “ได้รับความมั่งคั่ง" 

แต่ถ้าครอบครัวไหนไม่ไห้ให้ตามหลักการนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน เพราะแม้จะได้รับแค่บาทเดียว หรือ 1 หยวน ก็ถือว่าเงินเหล่านั้นเป็นสิริมงคลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินเรื่องทองมักไม่เข้าใครออกใคร แต่ทางที่ดี..ถ้าเงินได้เข้ากระเป๋าเราดูว่าจะเป็นเรื่องดีที่สุด