คนรุ่นใหม่ Critical Thinking ลดลง เหตุเครียด-หมดไฟ-โซเชียลมีเดียรบกวนใจ

คนรุ่นใหม่ Critical Thinking ลดลง เหตุเครียด-หมดไฟ-โซเชียลมีเดียรบกวนใจ

"คนรุ่นใหม่" ในสหรัฐ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น มีทักษะ Critical Thinking ลดลง เพราะเครียดและหมดไฟจากการเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบัน ทำให้ความคิดเชิงลึกลดลง สอดคล้องกับวิจัยที่ชี้ว่าการ “เสพติดโซเชียลมีเดีย” ทำให้สมองส่วนหน้าทำงานลดลง

Key Points:

  • คนรุ่นเจน Y-Z ในหลายประเทศทั่วโลกมีทักษะ Critical Thinking ลดลง รวมถึงขาดทักษะ “การคิดขั้นสูง” หรือ Higher Order Thinking (คิดชัดเจน ลึกซึ้ง และมีประสิทธิผล) ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์
  • สาเหตุมาจากภาวะหมดไฟและเครียดในการหาเลี้ยงชีพ รวมถึงเหนื่อยล้าจากการเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบันที่ต้องคิดเร็วทำเร็ว ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน จนส่งผลให้คุณภาพทางความคิดลดลง
  • อีกปัจจัยหนึ่งมาจากพฤติกรรม “เสพติดโซเชียลมีเดีย” ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองส่วนหน้าลดลง ส่งผลต่อความสามารถในการตัดสินใจและการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

การทำงานและการใช้ชีวิตในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารไหลบ่าท่วมท้น ทำให้หลายคนอาจหลงเชื่อข้อมูลผิดๆ อย่างเฟคนิวส์ได้ง่าย รวมถึงเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินตามมา หนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยให้คนเราแยกแยะเรื่องจริงออกจากเรื่องเท็จ รวมถึงสร้างกระบวนการความคิดได้อย่างมีเหตุผลก็คือ ทักษะ Critical Thinking

ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หรือ Critical Thinking หมายถึง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ตีความ สรุป และแก้ปัญหา โดยทั่วไปทักษะเหล่านี้จะทำให้คนเราสามารถมองออกว่าอะไรคือปัญหา เกิดการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น คิดวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา รวมถึงการตัดสินใจหรือหาแนวทางแก้ไขปัญหา แต่ไม่นานมานี้ มีผลการสำรวจพบว่าคนรุ่นใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก มีทักษะ Critical Thinking และทักษะการคิดด้านอื่นๆ ลดลง

 

  • ทำไมคนรุ่นใหม่ Gen Y Gen Z ถึงมี Critical Thinking ลดลง?

ข้อมูลจาก Lenovo ThinkPad ที่ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับ “สภาวะการคิด” ของคนรุ่นใหม่เจน Y และ Z ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และญี่ปุ่น รวมกว่า 5,700 คน รายงานว่า กระบวนการความคิดของคนรุ่นใหม่วนเวียนอยู่กับการคิดเร็วทำเร็วแบบทันที แทนที่จะเป็นรูปแบบการคิดที่ลึกซึ้งและมีความหมาย

รวมถึงขาดทักษะ “การคิดขั้นสูง” หรือ Higher Order Thinking (คิดชัดเจน ลึกซึ้ง และมีประสิทธิผล) ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์ แต่ทักษะนี้กำลังใกล้จะหายไปมากที่สุด

เนื่องจากพวกเขามีภาวะเครียดและหมดไฟจากการพยายามดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ รวมถึงเหนื่อยล้าทางจิตใจจากสภาวะปัญหาสังคมต่างๆ เช่น ทั้งโรคระบาด สงคราม เศรษฐกิจถดถอย ฯลฯ ซึ่งมีส่วนรบกวนสมาธิอย่างรุนแรง รวมถึงการต้องทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันมากขึ้น ทำให้ “คุณภาพกระบวนการคิด” ของพวกเขาแย่ลง

อีกทั้งพวกเขาต้องพึ่งพา “การคิดเชิงปฏิบัติ” หรือ “การคิดแบบเอาตัวรอด” มากขึ้น เช่น ต้องคิดอย่างรวดเร็ว ต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกันให้ได้ จึงส่งผลให้ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม การคิดลึกซึ้งและมีประสิทธิผล รวมถึงการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ลดลงไป

คนรุ่นใหม่ Critical Thinking ลดลง เหตุเครียด-หมดไฟ-โซเชียลมีเดียรบกวนใจ

 

  • การเสพติดอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้สมองส่วนหน้าเสื่อมลง

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Neural Regeneration Research ก็มีข้อค้นพบที่อธิบายถึงความเกี่ยวเนื่องกันระหว่าง “ภาวะเสพติดการใช้อินเทอร์เน็ต” กับ “การทำงานของสมองส่วนหน้า” (ทำหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญาการตัดสินใจ การมีเหตุผล การแก้ปัญหา)

กล่าวคืองานวิจัยค้นพบว่า ผู้ที่เสพติดการใช้อินเทอร์เน็ตนั้น จะมีฟังก์ชันการทำงานของเซลล์สมองส่วนหน้าลดลง โดยทีมวิจัยนำผู้เข้าร่วมการทดลองซึ่งเป็นผู้เสพติดอินเทอร์เน็ตเข้ารับการตรวจสมองอย่างละเอียดผ่านเครื่อง MRI ซึ่งผลการตรวจสมองพบว่า สารเคมีในสมองบ่งชี้ถึงคุณภาพของเซลล์สมองที่ลดลงจริง!

ขณะที่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ค้นพบข้อมูลที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “โซเชียลมีเดีย” อาจลดความสามารถทางความคิดและจิตใจในการทำงานและการแก้ปัญหา เนื่องจากการใช้โซเชียลมีเดียบ่อยๆ นานๆ มักจะรบกวนการโต้ตอบในแต่ละวัน บังคับให้ผู้ใช้แยกความสนใจระหว่าง 2 สิ่งขึ้นไปในแต่ละครั้ง นำไปสู่การขาดสมาธิ มีประสิทธิผลน้อยลง จึงส่งผลเสียต่อทักษะ Critical Thinking ของผู้คนให้ลดลงด้วย

คนรุ่นใหม่ Critical Thinking ลดลง เหตุเครียด-หมดไฟ-โซเชียลมีเดียรบกวนใจ

 

  • เปิดวิธีสร้างทักษะ Critical Thinking ให้มีความคิดเฉียบคม

หากต้องการสร้างหรือฟื้นฟูทักษะ Critical Thinking เพื่อให้มีความคิดที่เฉียบคมและลึกซึ้งมากขึ้น อาจจะต้องเริ่มจากฝึกฝนกระบวนการความคิดใหม่ โดย ดร.ทารา เวล ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยา จากวิทยาลัยบาร์นาร์ดแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มีคำแนะนำดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจแบบเร่งด่วน หากคุณมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเร็วเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน ให้คุณลองฝึกพัฒนาความตระหนักรู้ในตนเองให้มากขึ้น แยกนิสัยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ออกไป และเรียนรู้ที่จะหยุดชั่วคราวก่อนจะรีบคิดรีบตัดสินใจ

2. ฝึกการฟังอย่างกระตือรือร้นและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อทำความเข้าใจมุมมองและมุมมองของผู้อื่น ฝึกแสดงความคิดของคุณอย่างชัดเจน สร้างสรรค์ และมีเหตุผล ฝึกฝนการแสดงความคิดและอธิบายมันออกไปอย่างมีประสิทธิผล

3. แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งปัญหาที่ซับซ้อนออกเป็นองค์ประกอบย่อยๆ ระบุปัญหาที่ซ่อนอยู่ และพิจารณาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ฝึกฝนเทคนิคการแก้ปัญหา เช่น การระดมความคิด การประเมินทางเลือก และคาดการณ์ผลที่ตามมาที่อาจเกิดขึ้น

4. ฝึกนิสัยช่างสงสัย อยากรู้อยากเห็น เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปลูกฝังความคิดที่สนใจและความกระหายในความรู้ เปิดใจรับแนวคิดใหม่ๆ แสวงหามุมมองที่หลากหลาย และขยายความเข้าใจของคุณอย่างต่อเนื่องผ่านการอ่าน ค้นคว้า และเรียนรู้จากผู้อื่น เข้าร่วมเวิร์กช็อปหรือหลักสูตรการคิดอย่างมีวิจารณญาณเพื่อฝึกฝนทักษะนี้ให้มากขึ้น

5. ฝึกฝนความเห็นอกเห็นใจตนเอง การคิดอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เรื่องง่ายในโลกที่มีสิ่งรบกวนสมาธิมากมายรอบตัว ดังนั้นการทำสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อจัดการกับความเครียด จะช่วยให้สร้างสมาธิและทำให้ความคิดเฉียบคมขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม กระบวนการคิดอย่างลึกซึ้ง มีวิจารณญาณ และมีประสิทธิผล ต้องหมั่นฝึกฝนตนเองและใช้เวลา ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที ต้องค่อยๆ ฝึกฝนไปทีละน้อยไม่นานก็จะทำได้ในที่สุด