‘ปัญหาทางการเงิน’ ทำพิษ ชีวิตคู่คนรุ่นใหม่พัง
ผลการสำรวจพบ “ปัญหาทางการเงิน” เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเลิกกันมากที่สุด โดยสาเหตุหลักมาจากปัญหาหนี้สิน การนอกใจทางการเงิน ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ถูกควบคุมทางการเงิน และไม่มีส่วนร่วมทางการเงิน ผู้เชี่ยวชาญชี้ควรเปิดใจคุยเรื่องการเงินก่อนจะต้องจบลงด้วยการเลิกรา
ในสถานการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพพุ่งไม่หยุด ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงเกินเอื้อม “ปัญหาทางการเงิน” จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่สร้างความเครียดให้กับผู้คนทั่วโลก ซึ่งปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างความรัก จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเลิกรากันเป็นจำนวนมาก
- เงินทองกับเรื่องของหัวใจ
ตามรายงาน Credit Karma บริษัทการเงินส่วนบุคคลข้ามชาติสัญชาติ พบว่า ชาวเจน Z และมิลเลนเนียลราว 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลิกกันเพราะ “ปัญหาทางการเงิน” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรัง ที่พวกเขาทะเลาะอย่างยาวนาน โดย 41% ของชาวเจน Z และ 42% ของคนมิลเลนเนียล กล่าวว่าพวกเขาทะเลาะกันเราะเรื่องเงินเป็นประจำทุกเดือน สำหรับชาวมิลเลนเนียลแล้ว เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเรื่องที่ทำให้ทะเลาะกันมากที่สุด มากกว่าเรื่องการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทำงานบ้าน และเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วยซ้ำ
สำหรับปัญหาเรื่องเงินที่พบในคู่รักคนรุ่นใหม่มากที่สุดได้แก่ การใช้จ่ายโดยไม่ยั้งคิด (17%) มีบัญชีลับ (13%) มีหนี้ก้อนโต (11%) ไม่พร้อมหารค่าใช้จ่ายหรือคาดหวังว่าอีกฝ่ายจ่ายทุกอย่าง (10 %) มีทัศนคติเห็นว่าการหยิบยืมเงินจากพ่อแม่และเพื่อนฝูงเป็นเรื่องไม่ดี (9%) และ พยายามควบคุมการเงินของอีกฝ่าย (9%)
อันที่จริงปัญหาเรื่องเงินไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ แต่กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คู่รักทุกวัยเลิกกัน จากการสำรวจของ SunTrust Bank บริษัทโฮลดิง ที่ดำเนินการทางออนไลน์โดย Harris Poll พบว่า ผู้คน 35% ของผู้ตอบแบบสอบถามเครียดกับการเงิน และบ่อยครั้งที่ทะเลาะกับคู่รักเป็นเพราะ “ปัญหาหนี้สิน”
การเป็นหนี้อาจทำให้ความฝันการออกไปทำกิจกรรมกับคู่รักเป็นไปได้ลำบากขึ้น และทำให้บรรลุเป้า ผลการวิจัยเมื่อเดือนพ.ค. 2566 จาก National Debt Relief บริษัทรวมหนี้ รายงานว่า 38% ของคู่รักไม่ได้ไปออกเดตเพราะเป็นหนี้ อีกทั้งยังพบว่า ชาวอเมริกัน 3 ใน 5 คน เลื่อนแต่งงานออกไปเพราะไม่อยากต้องแบกรับภาระหนี้สินของคู่รัก และอีก 54% เชื่อว่าการมีคู่ครองที่เป็นหนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาอยากหย่าร้าง
“หนี้สินอาจทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันในความสัมพันธ์ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนมีการสื่อสารและมุมมองต่อการเป็นหนี้อย่างไร” ดร.เรจีน มูราเดียน นักจิตวิทยาและสมาชิกคณะกรรมการสุขภาพทางการเงินเพื่อบรรเทาหนี้แห่งชาติอธิบาย
- ปัญหาทางการเงินที่ทำให้คนเลิกกัน
เงินและความเครียดมักจะมาคู่กันเสมอ เมื่อมีปัญหาทางการเงิน ความเครียดก็จะตามมาทันที และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่คู่รักไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็มักจะลงเอยที่การหย่าร้างในที่สุด สำนักข่าว Insider รวบรวมสาเหตุของปัญหาทางการเงินที่ทำให้คู่รักต้องหย่าร้างกัน ด้วยการสอบถามผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่นักจัดหาคู่ไปจนถึงนักวางแผนทางการเงิน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้คนเลิกกันเพราะเงินมีดังนี้
ทัศนคติทางการเงินที่ไม่ตรงกัน - หากคู่รักไม่พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินตั้งแต่ก่อนแต่งงาน อาจจะทำทั้งสองฝ่ายไม่ทราบถึงทัศนคติที่แต่ละคนมีต่อเรื่องการเงิน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำมาซึ่งการทะเลาะ หากทั้งคู่ให้คุณค่ากับใช้จ่ายและการออมที่แตกต่างกัน
ลำดับความสำคัญทางการเงินที่ไม่ตรงกัน - การมีเป้าหมายทางการเงินใหญ่ ๆ เช่น เก็บเงินไว้ซื้อบ้าน เก็บเงินไว้ท่องเที่ยว หรือเก็บเงินให้ลูก ฯลฯ ที่ไม่ตรงกัน อาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงได้หากคู่รักไม่ได้จัดลำดับความสำคัญให้ตรงกัน
หนี้บัตรเครดิต - บัตรเครดิตเป็นหนึ่งในตัวช่วยทางการเงินที่ดีหากรู้วิธีใช้ แต่ถ้าหากแบบไม่คิด รูดทุกสิ่งที่อยากได้ จนกลายเป็นหนี้ท่วมหัว บัตรเครดิตก็อาจกลายเป็นประตูสู่การหย่าร้างได้เช่นกัน
การนอกใจทางการเงิน (Financial Infidelity) - การปิดบังทางการเงิน เช่น มีบัญชีลับ ปกปิดหนี้สิน ติดพนัน ส่งผลร้ายแรงต่อความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ พฤติกรรมเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดทางการเงินที่สะสมมายาวนาน จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่อาจสายเกินแก้
รายรับน้อยกว่ารายจ่าย - เมื่อคนสองคนแต่งงานกัน รวมรายได้เข้าด้วยกัน ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าตนเองมีรายได้เพิ่มขึ้น จนเผลอใช้จ่ายเกินตัว กลายเป็นว่ารายรับน้อยกว่ารายได้ ไม่ว่าจะพยายามหาเงินเพิ่มขึ้นเพียงใดก็ยังหักลบกลบหนี้ไม่ได้อยู่ดี นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่สร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์
ไม่ร่วมกันตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีความเกี่ยวพันสูง - หากคู่รักไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เมื่อต้องซื้อสินค้าที่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองตัดสินใจเพราะมีราคาแพงและอาจได้รับผลกระทบระยะยาว ที่เรียกว่า “สินค้ามีความเกี่ยวพันสูง” เช่น บ้าน รถ คอนโด ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจเรื่องการเงินครั้งใหญ่ สามารถทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติความสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็ว
การรวมกระเป๋าเงิน - เมื่อแต่งงานกัน มักมีความเชื่อว่าคู่ชีวิตต้องใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโอเคกับการเงินรูปแบบนี้ บางคนอาจรู้สึกว่าแยกเป็นกระเป๋าใครกระเป๋ามัน แล้วมีกระเป๋ารวมสำหรับกองกลาง สบายใจกว่า เพราะรู้สึกว่ายังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายของตนเองได้เหมือนเดิม
ช่วยเหลือครอบครัว - ค่าใช้จ่ายที่โผล่มาโดยไม่คาดคิด เช่น ส่งเงินให้พ่อแม่ ช่วยผ่อนบ้าน ส่งน้องเรียนต่อ แน่นอนว่าการช่วยเหลือคนในครอบครัวเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่หากไม่พูดคุยกับคู่ชีวิตของตัวเองก่อน ความเครียดทางการเงินเหล่านี้อาจนำไปสู่การหย่าร้างได้ง่ายดาย
- แก้ไขปัญหาทางการเงิน
แม้ว่าความขัดแย้งเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสนุก แต่บริททานีย์ วอล์ฟ ผู้ก่อตั้ง Wolff Financial บริษัทที่ปรึกษาด้านภาษีและทางการเงิน กล่าวว่า การพูดคุยเรื่องการเงินอาจเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้คู่รักสื่อสารกันได้อย่างโปร่งใสและเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายในระยะยาว พร้อมแนะนำให้คู่รักหาสักวัน ออกไปคุยกันนอกบ้าน สร้างบรรยากาศสบาย ๆ ไม่เครียด สำหรับคุยเรื่องเงิน ทั้งการตั้งเป้าหมาย วิธีหาเงิน การวางแผนทางการเงิน ตลอดจนทัศนคติเรื่องการเงิน
ขณะที่เคย์ลา เวลเต นักวางแผนทางการเงินจาก District Capital Management บริษัทจัดการทางการเงิน กล่าวว่า การบริหารการเงินในครอบครัว ควรให้เป็นหน้าที่ของคนทั้งคู่ ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะนั่นอาจจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตัวเองไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ รู้สึกถูกทอดทิ้งและทำลายความสัมพันธ์ในที่สุด
ดร.เรจีน มูราเดียน แนะนำเพิ่มเติมว่า ควรหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของกันและกัน แต่ให้พยายามหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันแทน โดยร่างแผนการใช้จ่ายของตนเองก่อน แล้วค่อยนำแผนมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้มูราเดียนยังยืนยันว่าการสร้างเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและชัดเจนร่วมกันจะเป็นประโยชน์ต่อคนทั้งคู่มากยิ่งขึ้น เช่น ตั้งเป้าหมายออมเงินร่วมกันให้ได้ 1,000 บาทต่อเดือน ด้วยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างสัมพันธ์ร่วมกัน และมีแรงบันดาลใจให้ก้าวถึงเป้าหมายทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
ที่มา: Bloomberg, CNBC, Cosmopolitan, Insider