หัวหน้าที่ดีคือแบบไหน? ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่ขอเป้าหมายชัด พูดรู้เรื่อง
ผู้นำที่ดีเป็นแบบไหน? ข้อบ่งชี้ No.1 คือทักษะการปรับตัวเก่ง ท้าสู้ความเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมความก้าวหน้าให้ทีมและสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมงาน
KEY
POINTS
- โลกการทำงานทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คนที่ปรับตัวไม่ทันก็อาจจะยิ่งเหนื่อยล้า และถดถอยลงไปเรื่อยๆ มีแต่คนที่ปรับตัวเก่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด
- ความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้ผู้ที่มี “ภาวะผู้นำ” โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นๆ ในทีม
- วิธีฝึกฝนทักษะการปรับตัวเพื่อการเป็นผู้นำที่ดีขึ้น ได้แก่ การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน, มีความกระตือรือร้นเชิงบวก, เป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง(ตั้งรับเชิงรุก) ไม่ใช่รอให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วค่อยหาวิธีรับมือ ฯลฯ
ไม่อยากให้เปลี่ยน แต่มันก็ต้องเปลี่ยน! เมื่อโลกการทำงานทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คนที่ปรับตัวไม่ทันก็อาจจะยิ่งเหนื่อยล้า และถดถอยลงไปเรื่อยๆ คนที่จะอยู่รอดได้คือคนที่ปรับตัวเก่ง และไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้นำหรือหัวหน้าที่จัดได้ว่าเป็น “คนเก่ง” ในยุคนี้ อาจวัดได้จาก “ทักษะการปรับตัว” ของพวกเขา
เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้ผู้ที่มี “ภาวะผู้นำ” โดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นๆ ในทีม หากคุณวางตัวเองเป็น “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” ไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมงาน และจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำอีกด้วย
อีกทั้งการที่คุณแสดงถึงการทำงานเชิงรุกต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในองค์กร จะส่งสัญญาณให้ผู้อื่นทราบว่า คุณมุ่งมั่นที่จะเติบโต สร้างสรรค์นวัตกรรม และปรับปรุงหาวิธีใหม่ๆ ในการทำงาน สิ่งนี้จะแสดงตนในฐานะตัวแทนแห่งการเปลี่ยนแปลงและถูกมองว่าเป็นผู้นำในที่ทำงานอย่างแท้จริง
วิลเลียม อาร์รูดา (William Arruda) โค้ชผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล นักสร้างแรงบันดาลใจ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง CareerBlast.TV และ BrandBoost (หลักสูตรเพิ่มความตระหนักรู้ในตัวเอง) สะท้อนความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า หากคุณเป็นวัยทำงานที่อยากจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำหรือหัวหน้าทีม หรือเป็นหัวหน้ามือใหม่ที่อยากพัฒนาตนเอง ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปฝึกฝนพัฒนา “ทักษะการปรับตัว” ในการทำงาน จะช่วยให้คุณขึ้นแท่นเป็นผู้นำคนเก่งที่ได้รับการยอมรับ
1. มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้
ลักษณะโดดเด่นอย่างหนึ่งของผู้นำที่เก่ง คือ การมีวิสัยทัศน์และเป็นตัวแทนแห่งการเปลี่ยนแปลง การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและสามารถแสดงวิสัยทัศน์นั้นออกมาได้ ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความเป็นผู้นำ คุณต้องทำความเข้าใจเป้าหมายระยะยาวขององค์กร แล้วลองพิจารณาดูว่าตนเองจะมีส่วนสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างไร จากนั้นแบ่งปันแนวคิดของคุณกับทีมงานและหัวหน้าของคุณ สิ่งนี้จะสะท้อนถึงความคิดก้าวหน้า และความใส่ใจต่อความสำเร็จขององค์กร
2. เป็นคนกระตือรือร้น ไม่ใช่โต้ตอบเชิงลบ
ผู้นำที่เก่งจะไม่รอให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงก่อน แล้วค่อยหาวิธีรับมือ แต่พวกเขาจะทำงานเชิงรุก โดยการเป็นหัวเรือใหญ่ในการทำสิ่งต่างๆ ให้แตกต่างจากเดิมเพื่อตั้งรับการเปลี่ยนแปลง เช่น คิดกระบวนการทำงานใหม่ๆ หรือปรับทัพบุคลากรในทีมใหม่ เพื่อให้ตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลง และให้มีประสิทธิภาพของงานที่ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ การเป็นคนริเริ่มแสดงถึงคุณสมบัติของผู้นำ เพราะแสดงให้เห็นว่าคุณเต็มใจที่จะก้าวขึ้นมารับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น
3. ปลูกฝังความยืดหยุ่นและการปรับตัวให้คนในทีม
ก็ในเมื่อการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จงยอมรับมัน และปรับตัวซะ! แม้มันจะเต็มไปด้วยความท้าทายและการต่อต้านของหลายๆ คนในที่ทำงานก็ตาม ทั้งนี้ การฝึกให้ทุกคนในทีมมีความยืดหยุ่นและสามารถในการปรับตัวได้นั้น ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ ผู้นำคือผู้ที่สามารถฝ่าฟันความไม่แน่นอนได้ ย่อมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
4. การสื่อสารอย่างมีประสิทธิผล
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำทุกคน ผู้นำที่เก่งต้องสามารถถ่ายทอดแนวคิดของตนเองได้อย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่นำเสนอวิสัยทัศน์และแผนงานของคุณเท่านั้น แต่ยังต้องขอคำติชม รับฟังอย่างตั้งใจ และพูดถึงการแก้ไขข้อกังวลต่างๆ ด้วย โดยสื่อสารผ่านช่องทางที่เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นมิตรกับทุกคน
5. เป็นผู้นำโดยการทำให้ดูเป็นแบบอย่าง
วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งในการเป็นผู้นำคือ การเป็นผู้นำโดยการทำเป็นแบบอย่าง ผู้นำที่เก่งจะไม่พูดถึงแนวคิดหรือนโยบายที่ต้องการแล้วจบไป แต่จะเป็นคนแรกที่นำแนวคิดนั้นไปลงมือทำให้คนอื่นเห็น เมื่อผู้อื่นเห็นว่าคุณเริ่มนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ในการทำงาน พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะทำตามแนวนั้นขึ้น
6. เน้นความร่วมมือของทีม มากกว่าให้แข่งขันกันเอง
ผู้นำที่เก่ง จะไม่จี้ให้ทีมทำงานแข่งกันหรือให้แยกกันทำงาน แต่จะเน้นการส่งเสริมให้ทีมทำงานร่วมกัน ให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมงานจากแผนกและระดับต่างๆ อีกทั้งควรทำความเข้าใจมุมมองของพวกเขา และนำข้อมูลเชิงลึกของพวกเขาไปใช้ในแผนงานต่างๆ ด้วย การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในที่ทำงาน จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบสนับสนุนกัน ทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นได้
7. รู้จักเฉลิมฉลองความสำเร็จให้ทีมงานทุกคน
การยอมรับและเฉลิมฉลองความสำเร็จ ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาขวัญกำลังใจให้พนักงาน เมื่อทีมสามารถทำงานบรรลุตามเป้าหมาย ผู้นำที่ดีจะกล่าวชื่นชมในการทำงานหนักและการมีส่วนสนับสนุนของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไตร่ตรองว่าสิ่งใดได้ผลดีและสิ่งใดที่สามารถปรับปรุงได้ สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นของทีม และทำให้ทีมเห็นชัดว่าคุณเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ
การเป็นผู้นำที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู แต่มันเป็นกระบวนการทำงานที่ต้องผ่านการคิด และการฝึกฝนทัศนคติที่ดี จนสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรมของผู้นำที่ดีในที่ทำงาน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ทุกคนจะยอมรับและมองว่าคุณเป็นผู้นำอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำ