อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ‘ดวงพร พรหมอ่อน’ กรรมการผู้จัดการ Jobsdb ประเทศไทย เผย 3 ทักษะสำคัญที่วัยทำงานต้องอัปสกิล-รีสกิล เพื่อเพิ่มโอกาสหางาน-ได้งานเงินเดือนสูง

KEY

POINTS

  • เทรนด์การทำงาน Digital Nomad ได้รับความสนใจจากวัยทำงานทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับแรงงานไทยพบว่า มีสัดส่วนสูงถึง 76% ที่สนใจการทำงานรูปแบบนี้
  • กรรมการผู้จัดการ Jobsdb ชี้ว่า Digital Nomad ก็คือการทำงาน Remote work รูปแบบหนึ่ง ยิ่งเป็นแรงงานทักษะสูง และได้งานในบริษัทต่างชาติ ก็ยิ่งมีรายได้ดี
  • เปิดคำแนะนำถึงวัยทำงานที่อยากเป็น Digital Nomad ที่มีรายได้สูง จำเป็นต้องเพิ่มทักษะสำคัญ 3 อย่างคือ ทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะการใช้เทคโนโลยี และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต

เทรนด์การทำงานในรูปแบบ Digital Nomad มีมานานสักพักแล้ว แต่ระยะหลังๆ มานี้ดูเหมือนเทรนด์นี้จะยิ่งมาแรงมากกว่าเดิม เมื่อวัยทำงานคนรุ่นใหม่มองหางานที่ยืดหยุ่นและมีอิสระมากขึ้น 

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักการทำงานรูปแบบนี้ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Digital Nomad คือ คนที่สามารถทำงานหาเงินได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา, แท็ปเล็ต, สมาร์โฟน หรือเรียกว่าการทำงานผ่านออนไลน์ โดยเป็นได้ทั้งคนทำงานอิสระไม่สังกัดบริษัท (Freelance) หรือคนทำงานประจำที่บริษัทให้พนักงานทำงานทางไกล (Remote work) ได้ 

วัยทำงานที่เป็น Digital Nomad จะมีความยืดหยุ่นสูง มีอิสระในเรื่องสถานที่ทำงานและเวลาทำงาน ทำงานได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านคาเฟ่, Co-working Space, ทำงานจากแหล่งท่องเที่ยวในไทย หรือแม้กระทั่งจากต่างประเทศก็ได้ วัยทำงานที่เป็น Digital Nomad หลายคนมักจะเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกับทำงานได้จากทุกที่ทั่วโลก ทำให้มีรายได้เข้ามาตลอดแม้ไม่ได้เข้าทำงานในออฟฟิศ

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน

ผลสำรวจเผย 76% ของแรงงานไทยอยากเป็น Digital Nomad ทำงานระยะไกลได้จากทุกที่

จากข้อมูลผลสำรวจ Global Talent Survay 2024 จาก Jobsdb by seek ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อ 14 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ชี้ว่า แนวโน้มการทำงานระยะไกลหรือ Remote Work เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่าเทรนด์นี้เติบโตค่อนข้างสูงถึง 66% 

ขณะที่เมื่อเจาะลึกลงมาในประเทศไทยเอง เทรนด์การทำงานรูปแบบนี้ก็กำลังมาแรงเช่นกัน โดยผู้หางานชาวไทยมีความต้องการในการทำงานระยะไกล (Remote work) สูงถึง 76% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากเดิม 26% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ที่มีสัดส่วนเพียง 50% 

“เทรนด์การทำงานยุคนี้คนทั่วโลกอยากทํางาน Remote work มากขึ้น ซึ่งการเป็น Digital Nomad ก็คือการทำงาน Remote work รูปแบบหนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานสายไอที ดิจิทัล เทคฯ พวกเขานั่งอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ สำหรับคนไทยที่เป็น Digital Nomad หากเขาทำงานให้บริษัทต่างชาติ รับเงินสกุลต่างชาติ ก็มองว่าเป็นผลดีมากๆ กับตัวเขา เพราะกลุ่มนี้ถือเป็นแรงงานทักษะสูงทำให้มีรายได้ดี ขณะที่ค่าครองชีพในไทยก็ไม่สูงเท่าไปอยู่ต่างประเทศ” ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by seek สะท้อนความเห็นส่วนตัว

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by seek ประเทศไทย

นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ Jobsdb ยังสะท้อนภาพปรากฏการณ์กลุ่ม Digital Nomad ชาวต่างชาติ ที่เคยพบเห็นในไทยด้วยว่า ส่วนใหญ่กลุ่มนี้มักจะทำงานสายเทคโนโลยีและไอที เช่น เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จุดเด่นคือกลุ่มสายงานนี้ทำงานผ่านออนไลน์เป็นปกติอยู่แล้ว จึงเอื้อต่อการเป็น Digital Nomad ได้ง่ายกว่าสายงานอื่น

ไม่ได้มีแค่กลุ่มที่อยากเป็น Digital Nomad แต่กลุ่มอยาก 'ย้ายประเทศ' ไปหางานทำก็มีไม่น้อย

ในขณะเดียวกัน รายงานชิ้นดังกล่าวยังเผยถึงสัดส่วนของคนไทยที่อยาก “ย้ายประเทศ” ไปหางานรายได้สูงด้วย โดยผลสำรวจพบว่า คนไทยกว่า 66% อยากย้ายไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ชาว Gen Z สนใจมากถึง 79% เพราะอยากมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน, อยากได้เงินค่าตอบแทนสูงขึ้น, อยากได้ประสบการณ์ทำงานในระดับนานาชาติ ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึง “ปรากฏการณ์สมองไหล” ที่กำลังไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ 

ทั้งนี้ สายงานที่คนไทยอยากทำงานในต่างประเทศมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

85% สายงานด้านการศึกษาและการฝึกอบรม
73% สายงานด้านกฎหมาย
73% สายงานด้านบริหารธุรกิจและการจัดการ
72% สายงานด้านไอที เทคโนโลยี Data Science
69% สายงานด้านวิศวกรรมและเทคนิค

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน

โดยประเทศปลายทางที่แรงงานไทยสนใจอยากโยกย้ายไปหางานทำ ได้แก่ สิงคโปร์(33%), ออสเตรเลีย(28%), สหรัฐอเมริกา(24%), ญี่ปุ่น(21%), จีน(7%) ซึ่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกประเทศต่างๆ ข้างต้น มาจากศักยภาพทางการตลาด ความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เป็นต้น 

เปิด 3 ทักษะแรงงานไทยต้องมี หากอยากเป็น Digital Nomad ที่มีรายได้สูง

แต่ไม่ว่าจะอยากย้ายไปทำงานต่างประเทศ หรืออยากเป็น Digital Nomad ที่ทำงานได้จากทุกที่บนโลกก็ตาม ทั้งสองรูปแบบการทำงานนี้ ล้วนต้องการทักษะขั้นสูงระดับหนึ่ง โดยเฉพาะถ้าอยากได้งานที่มีรายได้สูง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องหางานในบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ ผู้บริหาร Jobsdb ได้มีคำแนะนำถึงประเด็นนี้ด้วยว่า แรงงานไทยที่อยากได้งานรายได้สูงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะสำคัญ 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ 

1. ทักษะภาษาอังกฤษ : แรงงานไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในโลก เพียงแต่บางครั้งเรามีกำแพงการสื่อสารภาษาอังกฤษ หากเราเพิ่มทักษะด้านภาษาที่สองหรือภาษาที่สาม ก็จะทำให้เพิ่มโอกาสที่จะได้งานรายได้สูง มีตัวเลือกในอาชีพมากขึ้น 

“ทักษะจําเป็นที่แรงงานไทยต้องพัฒนาตอนนี้เลยคือ “ภาษาอังกฤษ” และ “การใช้งานเทคโนโลยี” ควรทําให้แรงงานไทยมีสกิลเหล่านี้ไว้เป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะสกิลภาษาอังกฤษ ถ้าเราสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ขอบเขตพื้นที่การหางานก็จะถูกขยายกว้างออกไป ไม่จำกัดอยู่แค่หางานในประเทศไทยหรืองานในบริษัทไทยเท่านั้น แต่จะมีพื้นที่หางานกว้างใหญ่ขึ้น มีโอกาสได้งานดีๆ เพิ่มขึ้น” ผู้บริหาร Jobsdb กล่าว 

อยากเป็น Digital Nomad เริ่มยังไง? ผู้เชี่ยวชาญเผย 3 ทักษะวัยทำงานต้องฝึกฝน

2. ทักษะการใช้เทคโนโลยี : สายงานที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ตลอดเวลาคือ สายไอที เทคโนโลยี เอไอเอ็นจิเนียร์ ฯลฯ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไปทํางานแบบนี้ได้ ดังนั้น อาจปรับไปเป็นหางานในสายที่เราถนัด แล้วเพิ่มทักษะด้านการใช้งานเทคฯ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนสร้าง AI เสมอไป เช่น สายงานการตลาดก็ไปเรียนรู้วิธีใช้งาน AI มาช่วยงานเดิมของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งทักษะนี้ก็จะช่วยให้เราเป็นที่ต้องการของตลาดงานได้เช่นกัน 

3. ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต : ยุคนี้เป็นยุคที่วัยทำงานต้องอัปสกิล-รีสกิลขั้นสุด ไม่ว่าจะอายุน้อยหรืออายุมาก หากพัฒนาทักษะต่างๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอจะไม่มีวันตกงาน โดยเฉพาะสายงานเทคฯ บริษัทต่างประเทศ เขาไม่สนใจอายุพนักงานด้วยซ้ำ แต่สนใจว่าสามารถทำงานได้หรือไม่

ดังนั้น วัยทำงานต้องปรับตัวให้เก่ง ต้องเติมทักษะให้ตนเองอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าต่อไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในโลกการทำงานอีก หรือแม้แต่คนเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ไม่การันตีว่าจะได้งาน ต้องไปเรียนทักษะเพิ่มเติมเพื่อให้มีสกิลที่หลากหลาย เพื่อให้ตรงกับต้องการของตลาดงานยุคนี้ให้มากที่สุดนั่นเอง