การงานไม่สุข ดับทุกข์จากการงาน | บวร ปภัสราทร

การงานไม่สุข ดับทุกข์จากการงาน  | บวร ปภัสราทร

ถ้าการงานใครยังดีวันดีคืนในวันนี้ ถ้าไม่เป็นคนโชคดีที่ได้อยู่ใกล้ขั้วอำนาจ ก็ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดจอมยุทธ์ที่ต้องยกมือคารวะ การงานวันนี้ทำไปทุกข์ไปกันทั่วหน้า ถ้าจะดับทุกข์ในการงานกันโดยเข้าวัดเข้าวา สบายใจได้สักพัก เข้าที่ทำงานทุกข์ก็มาใหม่

ลองมาหาทางดับทุกข์การงานแบบมีระบบกันดีกว่า โดยใช้ระบบเดียวกับที่ใช้ในการกำหนดอนาคตขององค์กร ทุกคนที่ทำงานรู้จักระบบการจัดการเชิงกลยุทธ์ ยกเว้นแต่คนที่ทำงานไปตามยถากรรม อะไรจะเกิดก็เกิดเท่านั้นที่ไม่รู้จักเรื่องนี้

ถ้าไม่ยอมปล่อยให้การงานในอนาคตเป็นไปตามยถากรรม เราเริ่มด้วยการกำหนดเส้นชัยที่เราอยากให้การงานเราไปถึง

กล่าวกันทั่วไปว่ามีการกำหนดวิสัยทัศน์ แทนที่เราจะกำหนดว่าองค์กรเราจะเป็นนั่นเป็นนี่ที่อยากเป็นในอนาคต เรากำหนดไปเลยว่าวิสัยทัศน์ของเราคือ การงานที่ไม่มีทุกข์เข็ญ

เส้นชัยที่เราอยากไปถึงคือทำงานกันโดยไม่มีทุกข์อยู่คู่กับการงาน ถึงการงานไม่สุขก็อย่าให้มีทุกข์จากการงาน 

ทั้งต้องนิยามให้ชัดด้วยว่า ทุกข์ของการงานในความปรารถนาของเราคืออะไร กำหนดเส้นชัยแล้วต้องบอกให้ชัดเจนว่าหน้าตาของเส้นชัยเป็นอย่างไร อย่าโอเวอร์ไปถึงขั้นว่าการงานทุกอย่างต้องไม่มีอุปสรรค มีอุปสรรคได้ แต่อุปสรรคนั้นต้องไม่บั่นทอนกำลังใจในการทำงาน

เมื่อมีวิสัยทัศน์ชัดเจนแล้วว่าจะดับทุกข์จากการงาน อย่าเพิ่งรีบไปกำหนดกลยุทธ์ว่าจะทำอย่างไร กำหนดว่าจะไปยอดเขา ก็หาเข็มทิศเสียก่อนที่จะกำหนดแผนที่เดินทาง 

ถ้าแผนที่เดินทางคือ กลยุทธ์ หรือวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ เข็มทิศคือค่านิยม Core Values ที่จะใช้เป็นหลักนำทาง Guiding Priciples

สำหรับการเดินทางไกลนี้ ลองนึกดูว่าถ้ามีแต่แผนที่ ไม่มีเข็มทิศ การเดินทางจะยากเย็นขึ้นอย่างไร ต้องคอยดูดวงอาทิตย์ ดูดาว ก่อนเดินทาง ถ้าเส้นชัยคือดับทุกข์จากการงาน

ค่านิยมหรือหลักนำทางมี 5 ข้อ

1.มีความหวัง ถ้าเจออุปสรรค ต้องยังมีความหวังว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ ถ้าหมดหวัง ทุกข์เพิ่มแน่ๆ

2.เมตตาไว้ในทุกสถานการณ์ ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่และความต้องการของคนที่เกี่ยวข้องกับการงานของเรา

3.ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะอดทนต่ออุปสรรค และความท้าทายนานาประการ อย่าเคร่งครัดกับวิธีทำงานจนกระทั่งขยับตัวรับความท้าทายอะไรใหม่ๆ ไม่ได้เลย เกิดทุกข์จากการติดกับดักแห่งความต่อเนื่อง

4.เห็นอกเห็นใจ เข้าใจทุกข์ของคนอื่น จะได้ไม่ไปสร้างทุกข์ให้ใคร

5.ที่อาจจะยากหน่อยสำหรับบ้านเราในยามนี้ คือเชื่อในความยุติธรรม มุ่งมั่นให้เกิดความเป็นธรรม และความเท่าเทียมในการทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุสำคัญของการสร้างทุกข์ในการงาน

ค่านิยมเป็นแค่เข็มทิศ จะเกิดขึ้นได้จริงต้องมีระบบนิเวศส่งเสริมการทำงานตามหลักนำทางนั้น ระบบนิเวศนี้คือวัฒนธรรมองค์กรนั่นเอง

ค่านิยมเท่ๆ ไปไม่ถึงไหนก็เพราะองค์กรไม่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนค่านิยมนั้น เข็มทิศจะดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่มีพฤติกรรมหยิบเข็มทิศขึ้นมาดูก่อนเริ่มเดินทาง ก็หลงทางจนได้

วัฒนธรรมกำหนดพฤติกรรมของคนทำงาน ถ้าวิสัยทัศน์คือดับทุกข์จากการงาน วัฒนธรรมมี 5 ข้อเช่นกัน คือ

1.ร่วมมือร่วมใจทำงานด้วยกัน Collaboration อย่าแย่งงานกัน กีดกันกัน เตะตัดขากันเอง ตลอดทางของการงาน

2.ตัดสินใจและทำงานทุกเรื่องโดยไม่ฝ่าฝืนจริยธรรม Ethical behavior ไม่ว่าจะการงานจะยากเย็นแค่ไหน ถ้าต้องทำอย่างตรงไปตรงมาในกรอบจริยธรรม ไม่ว่าจะต้องอดปากอดคำแค่ไหน อย่าปล่อยคำพูดที่แสดงถึงการละเลยจริยธรรมออกมาให้คนร่วมงานพบเจอเด็ดขาด 

3. Engagement ทุกงานที่ทำต้องคำนึงถึงใจคนที่เกี่ยวข้อง ทำแล้วไม่ควรมีใครต้องเสียใจจากการกระทำนั้น เว้นเสียแต่เป็นการกระทำตามกฎกติกาที่จำเป็นต้องทำ

4.ไม่ไปกำกับทุกขั้นตอนการทำงานของคนอื่น Empowerment คิดเสมอว่าแต่ละคนอาจมีหนทางทำงานที่ดีกว่าที่เราคิดว่าดีแล้วชอบแล้ว ยอมรับตรรกของคนร่วมงาน อย่าผูกขาดความถูกต้องไว้เฉพาะที่ตนเองเชื่อเท่านั้น 

5.เรียนรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ Continuous learning จะได้รู้ว่ายังมีอีกหลายหนทางที่จะทำงานได้ผลดี โดยไม่สร้างทุกข์เข็ญให้คนอื่น

ดับทุกข์การงานได้จริง ถ้ามีห้าค่านิยม ห้าวัฒนธรรมในองค์กร ถ้าไม่เชื่อลองดูรอบตัวดูว่าขาดข้อไหนบ้าง.