คิดให้ดีก่อนเข้ารับตำแหน่ง | บวร ปภัสราทร

คิดให้ดีก่อนเข้ารับตำแหน่ง | บวร ปภัสราทร

เมื่อโอกาสที่จะได้นั่งเก้าอี้ใหญ่โตมาอยู่ตรงหน้า เราจะลืมไปหมดทุกอย่างนอกจากความตั้งใจที่คว้าตำแหน่งนั้นมาให้ได้ ยิ่งเป็นตำแหน่งการงานที่คนแก่งแย่งกันมากมาย ความรอบคอบยิ่งจางหายไปจากความคิด

มนุษย์ชอบชนะมากกว่าแพ้ พลังทั้งหมดที่มีจะมุ่งไปที่การเอาชนะเพื่อคว้าตำแหน่งการงานนั้นมาให้ได้ หลายกรณีกลายเป็นทุกขลาภ เดิมมีภาพลักษณ์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง พอมานั่งอีกเก้าอี้หนึ่งภาพลักษณ์กลับกลายเป็นคนไร้จริยธรรมไปเลย

ถ้าจะบอกว่าประสบความสำเร็จที่คว้าตำแหน่งใหญ่โตมาครอบครองได้ คงบอกได้ไม่เต็มปากนัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นทุกขลาภแล้วคงมีคนเห็นด้วยมากมาย

Fellow คนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Oxford ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วสรุปง่ายๆ ว่าก่อนจะรับงานใดให้ดูตัวเองให้ดี ว่าเหมาะกับงานที่อยากได้นั้นหรือไม่ 

ดูตัวเองโดยลดความลำเอียงจากการอยากได้อยากเป็นให้มากที่สุด อย่าลำเอียงจนปิดหูปิดตาไม่ให้เห็นความไม่เหมาะสมนานาประการระหว่างตัวเรากับงานที่อยากได้นั้น 

จะก้าวสู่ตำแหน่งการงานใหญ่โตให้สำรวจจุดเด่นจุดด้อยของตนว่าไปได้กับตำแหน่งงานที่อยากได้นั้นหรือไม่ ประเมินความรู้ที่มี ทบทวนประสบการณ์ที่สะสมมาก่อนหน้านี้ ดูบุคลิกภาพของตนเองว่าเหมาะกับการงานนั้นมากน้อยเพียงใด

ความรู้อาจแยกแยะได้ไม่ชัดว่ามีพอหรือไม่ เพราะทุกวันนี้หาความรู้ใหม่ๆ ได้ไม่ยาก แต่ประสบการณ์ที่มีอยู่จะบอกได้ว่าแข็งแกร่งพอจะรับเก้าอี้ได้หรือไม่ 

บุคลิกจะบอกว่านั่งเก้าอี้นั้นแล้วจะทุกข์อะไรบ้าง ลองขอความเห็นจากคนใกล้ชิดมาช่วยยืนยันหรือปฏิเสธ จุดเด่นจุดด้อยที่เราคิดไว้

เมื่อแน่ใจจุดเด่นจุดด้อยของตนแล้ว ลองคิดต่อยอดออกไปว่าจุดเด่นจุดด้อยที่เรามีอยู่นั้น จะส่งเสริมหรือเป็นอุปสรรคกับความก้าวหน้าในการงาน ภายในบริบทขององค์กรที่จะไปทำงานด้วย ถ้าดูแล้วท่าทางจะไปข้างหน้าไม่ได้ การงานนั้นอาจจะไม่ใช่สำหรับเรา

เมื่อเริ่มมั่นใจแล้วว่าเป็นงานที่ใช่สำหรับเรา อย่าเพิ่งรับงานนั้น พูดคุยกับคนอื่นในวงการนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ 

มีบางมุมแย่ๆ ที่เรามองไม่เห็นด้วยตัวเราเอง แต่อาจมีบางคนมองเห็น เรามองว่าเรามีกองหนุนชั้นดี ใครจะมาทำอะไรเราไม่ได้บนเก้าอี้นั้นแต่บางคนอาจมองเห็นว่าเก้าอี้จะถูกโยกให้ล้ม โดยที่กองหนุนทำอะไรไม่ได้อย่างไร หาความจริงที่เรายังไม่รู้ให้มากที่สุด

บางองค์กรชื่อเสียงภายนอกดูดี แต่คนในรู้ดีว่าภายในย่ำแย่แค่ไหน คนในอยากออกแต่คนนอกอยากเข้า

วัฒนธรรมองค์กรและค่านิยม คือระบบนิเวศและเข็มทิศนำทางการงานที่เราต้องใช้ในระหว่างทำงาน ถ้าไม่รู้ตัวก่อนว่าจะเจอนิเวศแบบไหน ไม่รู้ว่าทิศทางความเชื่อเขาเป็นอย่างไร เสี่ยงอย่างยิ่งที่จะรับตำแหน่งการงานนั้น

ตนเองเชื่อในการทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องไปทำงานกับค่านิยมว่า การบรรลุเป้าหมายสำคัญกว่าวิธีการ ทำงานด้วยกันไม่กี่วันก็ต้องแยกวง ดูวัฒนธรรมและค่านิยมให้แน่ๆ ว่าเราอยู่ได้ภายใต้นิเวศและเข็มทิศนำทางนั้นก่อนที่จะรับงาน

ถ้ารู้ว่าเมื่อได้ตำแหน่งแล้วต้องทำงานภายใต้การบริหารของใครจะยิ่งดีมาก แต่อย่าดูแค่ตำแหน่งที่เป็นทางการ หลายองค์กรมีคนที่มีอำนาจเหนือผู้บริหารขึ้นไปอีก หาคนใหญ่คนโตตัวจริงให้เจอแล้วประเมินดูว่าเราน่าจะชื่นชม เฉยๆ หรือเกลียดชัง

คนที่เราต้องทำงานภายใต้การบริหารของใครคนนั้น หรือถ้าไม่รู้เลยว่าใครเป็นใครในองค์กรนั้น ลองชั่งน้ำหนักดูว่า ถ้าเจอคนที่ไม่คาดคิดจะทำใจปล่อยวางได้แค่ไหน คำตอบจะบอกได้ว่าตำแหน่งการงานนั้นควรจะรับหรือปล่อยผ่านไป

อย่าเชื่อว่าองค์กรที่มีผลประกอบการที่ดี จะเหมาะสมกับทุกคนที่มีความสามารถ ผลประกอบการที่ดีอาจมาจากการงานที่เป็นสุข หรือเป็นทุกข์ก็ได้ ใช้งานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวเพื่อผลประกอบการที่ดี มีให้เห็นอยู่มากมาย มองหาสัญญาณที่บ่งบอกความจริงเรื่องการงานทั้งทางบวกและทางลบให้รอบด้าน

อย่าปล่อยให้ความอยากได้เก้าอี้มาปิดหูปิดตาเรา ถ้าไม่อยากเสียใจกับการตัดสินใจรับเก้าอี้นั้นในวันหน้า.