จากเด็กฝึกงานสู่ซีอีโอ NIKE ‘เอลเลียต ฮิลล์’ กับเส้นทางอาชีพสุดน่าทึ่ง
จากเด็กฝึกงานสู่ซีอีโอ ‘เอลเลียต ฮิลล์’ เปิดเส้นทางอาชีพสุดทึ่งของผู้นำ NIKE คนใหม่ล่าสุด เขาถูกยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจที่หาได้ยาก มีความภักดีต่อองค์กรและหมั่นพัฒนาตนเองจนเติบโตในอาชีพการงาน
KEY
POINTS
- จากเด็กฝึกงานสู่ซีอีโอ เส้นทางอาชีพสุดน่าทึ่งของ Elliott Hill ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นตัวอย่างแรงบันดาลใจที่หาได้ยาก ในแง่ความภักดีต่อองค์กรและหมั่นพัฒนาตนเองจนเติบโตในอาชีพการงาน
- ฮิลล์กำลังเตรียมเข้ารับตำแหน่งประธานและซีอีโอของไนกี้ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2024 ที่จะถึงนี้ รวมระยะเวลาแล้วเขาทำงานที่นี่มายาวนานถึง 32 ปี
- เขารู้ทุกแง่มุมของธุรกิจนี้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การค้าปลีกดั้งเดิม การปรับตัวสู่การค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดระดับโลก ฯลฯ ทำให้เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะดำรงตำแหน่งซีอีโอไนกี้
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอ NIKE ของ เอลเลียต ฮิลล์ (Elliott Hill) เรียกเสียงฮือฮาในวงการธุรกิจ และถูกยกย่องให้เป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจที่หาได้ยาก โดยเฉพาะในมุมของความภักดีต่อองค์กรและหมั่นพัฒนาตนเองจนเติบโตในอาชีพการงาน เขาคนนี้เริ่มต้นจากการเป็นนักศึกษาฝึกงานในปี 1988 จนได้ก้าวเข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้
ล่าสุด ฮิลล์กำลังเตรียมที่จะรับตำแหน่งประธานและซีอีโอของไนกี้ในวันที่ 14 ตุลาคม 2024 ที่จะถึงนี้ รวมระยะเวลาแล้วเขาทำงานที่นี่มายาวนานถึง 32 ปี ..ที่น่าสนใจคือ เรื่องราวของเขาถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่แสดงให้เห็นถึงความพากเพียร ความสามารถในการปรับตัว และพลังของการอุทิศตนให้แก่องค์กรในระยะยาว ท่ามกลางภูมิทัศน์องค์กรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ย้อนวันวานของพนักงานที่ชื่อ เอลเลียต ฮิลล์ ผู้เรียบง่าย
เอลเลียต ฮิลล์ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสคริสเตียน (TCU) และมหาวิทยาลัยโอไฮโอ เขาเริ่มต้นอาชีพการงานในบริษัทไนกี้ด้วยบทบาทที่สุดแสนจะธรรมดาในตำแหน่งเด็กฝึกงาน จากนั้นก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทนี้ในปี 1988 ในฐานะพนักงานฝึกงานฝ่ายขายเครื่องแต่งกาย ในช่วงปีแรกๆ ฮิลล์ทุ่มเทให้กับการทำความเข้าใจธุรกิจหลักของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการขาย การมีส่วนร่วมของผู้บริโภค จนได้รับความรู้โดยตรงเกี่ยวกับแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และการตลาดของไนกี้
หลังจากทำงานในตำแหน่ง Sales, Sports Graphics เป็นเวลา 1 ปี ฮิลล์ก็ย้ายไปทำงานในตำแหน่ง Team Sales ในปี 1991 โดยใช้เวลา 3 ปีในการจัดการบัญชีและทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรกีฬา ประสบการณ์พื้นฐานเหล่านี้ช่วยวางรากฐานสำหรับบทบาทผู้นำในอนาคตของเขา
ฮิลล์ค่อยๆ เติบโตก้าวหน้าในสายงานตามลำดับ เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายในปี 1996 จากนั้นจึงรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาประเภททีมในปี 1998 ในช่วงเวลานี้เองที่ความสามารถในการเป็นผู้นำของฮิลล์เริ่มเป็นที่ประจักษ์มากขึ้น โดยเฉพาะการที่เขาสามารถขยายฐานลูกค้าไนกี้ในตลาดเครื่องแต่งกายกีฬาที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่สำคัญๆ
เติบโตในสายอาชีพมากขึ้นจากประสบการณ์ระดับโลก
ต่อมาฮิลล์ได้ขยายอิทธิพลของไนกี้ออกไปนอกทวีปอเมริกาเหนือ ในปี 2000 เขาได้ย้ายไปทำงานในยุโรปและดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายขายและค้าปลีกของไนกี้ประจำยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เป็นเวลา 3 ปี โดยหน้าที่หลักของเขา คือ การกำหนดกลยุทธ์ของไนกี้ในตลาดที่กำลังเติบโตในยุโรป บทบาทนี้เองแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำทางตลาดที่มีความซับซ้อนและหลากหลาย ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งของการเป็นผู้นำระดับภูมิภาค
เมื่อกลับมายังสหรัฐอเมริกาในปี 2003 ฮิลล์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ USA Retail ในตำแหน่งนี้ เขาทำหน้าที่บริหารการดำเนินงานด้านการค้าปลีกของ Nike ในภาพรวมทั่วประเทศ ที่สำคัญ.. เขาเริ่มดูแลการดำเนินงานอีคอมเมิร์ซของ Nike ที่กำลังเติบโตขึ้นในยุคนั้นอีกด้วย โดยได้ดำรงตำแหน่งรองประธาน USA Commerce ในปี 2004 ทำให้เขามีความเชี่ยวชาญทั้งการขายปลีกแบบดั้งเดิมและการขายแบบดิจิทัล
หลังจากนั้นเขาก็ทำงานหนักต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนในช่วงปี 2010 ฮิลล์ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำอเมริกาเหนือ โดยดูแลภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดและมีกำไรมากที่สุดของบริษัท ถัดมาในปี 2013 ความรับผิดชอบของฮิลล์ขยายออกไปอีก เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานฝ่ายภูมิศาสตร์และการขาย ซึ่งต้องดูแลตลาดหลักของไนกี้ทั่วโลก
บทบาทนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอาชีพการงานของเขา เนื่องจากปัจจุบันเขามีหน้าที่กำกับดูแลกลยุทธ์การขายของไนกี้ในระดับโลกโดยตรง ซึ่งจะต้องมีการตัดสินใจสำคัญๆ หลายครั้งเพื่อให้ธุรกิจไปต่อ อย่างไรก็ตาม เขาทำผลงานได้ดี สามารถพาองค์กรสู้ศึกการค้าในตลาดดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง ในปี 2018 เขาทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมีมูลค่าสูงถึง 39,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ ตามข่าวประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของ Nike จากนั้นในปี 2020 เขาก็เกษียณอายุงาน
กลับมาอีกครั้งกับบทบาทสูงสุด ‘ซีอีโอ’ ของไนกี้
เรื่องราวของเขากับบริษัทไนกี้ยังไม่จบสิ้น แม้จะเกษียณไปสามปีแล้ว แต่ล่าสุดในปี 2024 คณะกรรมการบริหารของไนกี้ได้เชิญเขาให้กลับมารับบทบาทประธานและซีอีโออีกครั้ง ในขณะที่ไนกี้เผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ รวมถึงยอดขายที่ลดลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากแบรนด์ต่างๆ เช่น Hoka ของ On และ Deckers
ประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของฮิลล์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและกลยุทธ์ของไนกี้ ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำบริษัท ในข่าวประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของบริษัทไนกี้ ฮิลล์ แสดงออกถึงความกระตือรือร้นเมื่อมีโอกาได้กลับมาครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “NIKE เป็นส่วนสำคัญของผมมาโดยตลอด และผมพร้อมที่จะช่วยนำพาให้แบรนด์มีอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น... ผมหวังว่าจะได้ร่วมมือกับทีมงานที่มีความสามารถของเราเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่กล้าหาญและสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้เราโดดเด่นในตลาด”
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอของเอลเลียต ฮิลล์นั้น ตอกย้ำให้เห็นถึงการพัฒนาด้านอาชีพการงานของเขา ที่เต็มไปด้วยพลังของการมุ่งมั่นระยะยาวต่อองค์กรเดียว ในยุคที่การเปลี่ยนงานบ่อยๆ มักถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ฮิลล์กลับเลือกที่จะทำงานที่เดิม แล้วพยายามไต่อันดับขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงในหลายๆ ตำแหน่งได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยประสบการณ์ตลอด 32 ปี เขาได้เรียนรู้ทุกแง่มุมของธุรกิจไนกี้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการค้าปลีกและกลยุทธ์การตลาดระดับโลก ประสบการณ์ที่กว้างขวางนี้ทำให้เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะดำรงตำแหน่งซีอีโอไนกี้
เส้นทางอาชีพของ เอลเลียต ฮิลล์ ตั้งแต่เด็กฝึกงานจนถึงซีอีโอ ถือเป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิดด้านการทำงานอย่างทุ่มเท มีทักษะในการปรับตัว และมีความเป็นผู้นำ และย้ำเตือนเราว่าการเติบโตในอาชีพไม่ได้หมายถึงการก้าวกระโดดจากบริษัทหนึ่งไปสู่อีกบริษัทหนึ่งเสมอไป แต่บางครั้งหมายถึงการเติบโตไปพร้อมกับบริษัท และมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาของบริษัทอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นตัวอย่างของการลงทุนในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีในท้ายที่สุด