ซีอีโอ Workstream เผย 'เลือกทำในสิ่งที่ใช่สำคัญกว่าทำงานหนัก'

ซีอีโอ Workstream เผย 'เลือกทำในสิ่งที่ใช่สำคัญกว่าทำงานหนัก'

เปิดบทเรียนชีวิต Desmond Lim ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Workstream ที่ระดมทุนได้กว่า 120 ล้านดอลลาร์ เผยแนวคิดความสำเร็จ “การเลือกทำงานที่ใช่สำคัญกว่าการทำงานหนัก”

KEY

POINTS

  • เปิดบทเรียนชี

ไม่ใช่แค่การมีพลังแห่งความมุ่งมั่นและการเรียนรู้เท่านั้น ที่ทำให้ซีอีโอหนุ่มรุ่น Gen Y อย่าง "เดสมอนด์ ลิม" (Desmond Lim) ผู้ร่วมก่อตั้ง Workstream ประสบความสำเร็จในสตาร์ทอัพแห่งนี้ได้อย่างน่าทึ่ง แต่เขาชี้ว่า คุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ มากแนวคิดที่ว่า "การเลือกทำงานที่ใช่สำคัญกว่าการทำงานหนัก

Workstream คือสตาร์ทอัพของผู้นำอายุน้อยที่สามารถระดมทุนได้สูงถึง 120 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 4,069 ล้านบาท) โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้าน HR แก่บริษัทและแรงงานแบบรายชั่วโมง ช่วยสรรหาบุคลากรแบบสัญญาจ้างชั่วคราวแบบรายชั่วโมงให้แก่บริษัทต่างๆ รวมถึงการดูแลระบบหางาน ระบบเงินเดือนแบบครบวงจร ซึ่งตอนนี้บริษัทก็กำลังไปได้ดีมากๆ หลายคนอาจสงสัยว่าซีอีโออย่าง ลิม เขาทำสิ่งนี้จนคว้าความสำเร็จได้อย่างไร

ย้อนกลับไปในสมัยเด็ก "เดสมอนด์ ลิม" เติบโตมาในครอบครัวที่ฐานะไม่สู้ดีนัก เขาคุ้นเคยกับการทุ่มเทเรียนหนักและการทำงานหนักมาตลอด ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ เขาตกหลุมรักกีฬาบาสเกตบอล แต่เมื่อครอบครัวไม่สามารถซื้อลูกบาสให้เขาได้ เขาจึงหาเงินด้วยตัวเอง

"เงินเป็นเรื่องยากในครอบครัวของเรา พ่อแม่ของผมทำงานเป็นลูกจ้างรายชั่วโมง พ่อรับจ้างขับรถ แม่เป็นพนักงานทำความสะอาด ตอนนั้นผมอยากเล่นบาสเก็ตบอลแต่พ่อแม่ไม่มีเงินซื้อลูกบาสให้ ผมเลยเก็บออมเงินค่าอาหารมื้อกลางวัน (ไม่กินข้าวเที่ยง) ติดต่อกัน 60 วัน เพื่อให้มีเงินซื้อลูกบาสเอง พอได้มาแล้วก็เล่นมันทุกวันเป็นเวลา 5 ปี จนลูกบาสเกือบจะหมดสภาพ" ลิม วัย 39 ปีในปัจจุบัน เปิดเผยเรื่องนี้กับ CNBC Make It 

รากเหง้าแห่งชีวิต: เปิดทัศนคติที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

ลิมเกิดและเติบโตที่สิงคโปร์ และเป็นคนแรกในครอบครัวที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ครอบครัวและญาติพี่น้องส่วนใหญ่ รวมถึงพ่อแม่ของเขา เป็นแรงงานรายชั่วโมง ญาติบางคนทำอาชีพค้าขายไข่ที่ตลาดท้องถิ่นไปจนถึงอาชีพขับรถบรรทุก

"พ่อแม่ของฉันจบการศึกษาแค่ชั้นประถมปีที่ 4 พ่อตื่นตีห้าทุกเช้า และกลับบ้านตอนเจ็ดโมงเย็น ทำงานหกวันครึ่งต่อสัปดาห์ แทบไม่มีเวลาพักทานอาหารกลางวัน"

ลิมเห็นความอดทนและจรรยาบรรณการทำงานของพ่อแม่ และนำมาปรับใช้กับชีวิตของตนเอง ในช่วงมัธยมปลาย เขาไม่เพียงเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม แต่ยังนำทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนคว้าแชมป์ระดับชาติ เขาถูกคัดเลือกให้เล่นบาสเกตบอลในทีมชาติเยาวชนของสิงคโปร์ในช่วงมัธยมปลาย เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ

"เมื่อเราคว้าแชมป์มัธยมปลาย ผมเป็นกัปตันที่ถือธงโรงเรียนวิ่งรอบโรงเรียนขณะที่เพื่อนๆ ร้องเชียร์ยินดี ผมคิดว่าช่วงเวลานั้นเปลี่ยนชีวิตของผม กีฬาสอนให้ผมรู้ว่าต้องใช้เวลา ความอดทน และทีมงานเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แม่ไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนให้ได้ นั่นทำให้ผมต้องหาวิธีเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง" เขา เล่าให้ฟัง

ซีอีโอ Workstream เผย \'เลือกทำในสิ่งที่ใช่สำคัญกว่าทำงานหนัก\'

จากเด็กบ้านจน ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่อายุน้อย

เส้นทางธุรกิจของลิมเกิดจากความจำเป็น เขาเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นเยาวชนเพื่อหาเงินค่าเล่าเรียน นอกเหนือจากการเรียนและเล่นบาสเกตบอล ลิมเริ่มทำธุรกิจติวหนังสือในช่วงมัธยมปลาย ภายในสองปีธุรกิจนี้สร้างรายได้ให้เขาถึง 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,390,000 บาท) ซึ่งเพียงพอต่อค่าเรียนมหาวิทยาลัย

ในระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ ลิมมีเป้าหมายใหม่ นั่นคือ การย้ายไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เพื่อประหยัดเงิน เขาจึงเริ่มธุรกิจร้านอาหารไทยควบคู่ไปกับการเรียน หลังจบมหาวิทยาลัยในปี 2010 ลิมทำงานในธุรกิจการเงินการลงทุนเป็นเวลาหลายปี ก่อนย้ายไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในเดือนกรกฎาคม 2013

ขณะเรียนที่ฮาร์วาร์ด ลิม มุ่งมั่นที่จะก่อตั้งสตาร์ทอัพเทคโนโลยีของตัวเอง ในปีแรกที่ฮาร์วาร์ด ลิมส่งอีเมลแบบสุ่มถึงสตาร์ทอัพราว 50 แห่งในพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโก หวังได้ประสบการณ์ในสตาร์ทอัพ ในช่วงปิดเทอมหน้าหนาว เขาบินไปแคลิฟอร์เนีย นอนบนโซฟาของเพื่อน และทำงานให้สตาร์ทอัพด้านการศึกษาโดยไม่รับค่าจ้าง และในฤดูร้อนถัดมา ก็ทำงานให้ WeChat โดยไม่รับค่าจ้างอีกเช่นกัน ก่อนที่จะได้รับเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำ

"ฉันหิวกระหายมากตอนอยู่ฮาร์วาร์ด รู้สึกเหมือนกำลังดื่มน้ำจากสายดับเพลิง นักศึกษาทั่วไปลงเรียน 4 วิชา แต่ฉันลงเรียน 7 วิชาทุกเทอม ฉันหิวกระหายที่จะเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสตาร์ทอัพและการสร้างบริษัท" เขากล่าว

กำเนิด Workstream เริ่มต้นด้วยการเคาะประตูขายไอเดีย

ในระหว่างสนทนากับเจ้าของร้านกาแฟ Coupa Cafe ลูกค้าแรกของเขา ลิมค้นพบแนวคิดของ Workstream เขาพบว่าบริษัทหลายแห่งยังไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมในการจัดการแรงงานรายชั่วโมงอย่างมีประสิทธิภาพ ลิม และเพื่อนๆจึงออกแบบการใช้เครื่องมือถึง 7 อย่าง รวมถึง Google Drive และการจดบันทึกด้วยปากกาและกระดาษ แล้วในที่สุดก็คิดออกแบบแพลตฟอร์มการให้บริการด้าน HR ในที่สุด

หลังจบปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด ลิมย้ายไปยังพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโกในปี 2016 และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Workstream ในเดือนกันยายน 2017 กับ "เล่ย ซู" (Lei Xu)  และ "แม็ก แวง" (Max Wang) เพียง 3 เดือนต่อมา เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 Workstream มีลูกค้าแรกที่จ่ายเงิน 100 ดอลลาร์ให้กับลิมและทีมผู้ก่อตั้ง นั่นคือ Coupa Cafe 

ช่วงแรกของ Workstream ลิม บอกว่าค่อนข้างเป็นการทำงานที่สนุก พวกเขาใช้วิธีขายตรงแบบเคาะประตูบ้าน ทั้งสามหนุ่มผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท มุ่งหน้าเดินเท้าย่ำไปบนถนนของเมือง Palo Alto พยายามเคาะประตูและพูดคุยกับผู้คน แม้มันดูตลก แต่ก็ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้มากมาย จากนั้นไม่นาน การลงทุนแรกของบริษัทก็เริ่มขึ้น มันคือเช็ค 25,000 ดอลลาร์ (ราวๆ 848,000 บาท) จาก อิริก หยวน (Eric Yuan) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Zoom

"ผมติดต่อ Eric ครั้งแรกเมื่อ 9-10 ปีก่อน ปีแรกที่ผมย้ายมายัง The Valley ผมส่งอีเมลแบบสุ่มไปหาเขา ผมเขียนไปบอกว่า 'สวัสดี ผมขอเชิญคุณมาทานอาหารกลางวันกับผมเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทที่เป็นชาวต่างชาติเหมือนกันไหม"

ด้านหยวนก็ตอบตกลง และพวกเขาสนทนากันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง จากนั้น ทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนกันเป็นเวลากว่า 10 ปี และเมื่อลิมขอทุนสนับสนุนสำหรับบริษัท หยวนก็ไม่ลังเลที่จะลงทุนเป็นรายแรกของ Workstream

"เขาไม่ได้ถามผมเลยว่าจะสร้างอะไร ผมบอกว่าจะสร้างแพลตฟอร์มสำหรับพื้นที่ให้วัยทำงานแบบรายชั่วโมง และเขาก็ตอบว่า 'โอเค ฉันเชื่อในตัวคุณ นับตั้งแต่นั้น หยวนก็ได้ลงทุนเพิ่มในทุกรอบ เขาได้ลงทุนไปแล้วมากกว่าหลักล้านในบริษัทในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา" ลิม เล่าถึงเพื่อนสนิททางธุรกิจของเขา

Workstream ในปัจจุบัน และแนวคิดแห่งความสำเร็จของ เดสมอนด์ ลิม 

ปัจจุบัน Workstream เป็นซอฟต์แวร์ด้าน HR การจ้างงาน และระบบเงินเดือนแบบครบวงจร โดยมีเป้าประสงค์หลักของบริษัทคือ "คนทำงานที่ไม่ได้นั่งโต๊ะสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้" บริษัทเชื่อว่าตลาดแรงงานแบบรายชั่วโมงถูกละเลยมาก ไม่มีซอฟต์แวร์ที่ดีพอสำหรับบริษัทรายชั่วโมง และสำหรับคนทำงานรายชั่วโมง

"สิ่งที่เราสร้างคือซอฟต์แวร์ที่เน้นการใช้งานบนมือถือ ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้บริษัทรายชั่วโมงทำระบบเงินเดือน การรับเข้าทำงาน ในพื้นที่เดียวกันได้ เพื่อช่วยให้พวกเขาประหยัดเงินและเวลา" ลิม อธิบาย

ลูกค้าของ Workstream ประกอบด้วยแบรนด์ดังกลายบริษัท เช่น Burger King และ Dunkin' Donuts นักลงทุนของบริษัทประกอบด้วย Gold House Ventures, Peter Thiel, Ken Howery's Founders Fund, Jay-Z และ Tony Xu จาก DoorDash

ขณะที่ในมุมการทำงานของเขาในฐานะซีอีโอ พูดได้ว่า ลิม มีจรรยาบรรณการทำงานที่เข้มแข็งตั้งแต่เยาว์วัย เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เห็นพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวต่อสู้ดิ้นรนในฐานะแรงงานรายชั่วโมง แต่มีคุณสมบัติหนึ่งที่เขาบอกว่าสำคัญกว่าความขยัน

"จงพยายามสำรวจและค้นหาสิ่งที่คุณอยากทำอย่างแท้จริง บางครั้งผมรู้สึกว่าการเลือกทำในสิ่งที่ใช่ สำคัญกว่าการพยายามทำงานหนัก" เขากล่าว

เขามองว่า สิ่งหนึ่งที่เขาทำได้ดีตอนยังเด็ก คือ การพูดคุยกับผู้คนมากมาย เขามีความอยากรู้อยากเห็นสูง มักจะใฝ่เรียนรู้จากผู้อื่น เช่น เขาเขียนหาศาสตราจารย์ในโรงเรียน เขียนหาผู้ก่อตั้ง อยากที่จะสนทนาเพื่อการเรียนรู้กับคนที่เขาชื่นชอบเป็นเวลา 20 นาที 10 นาที หรือทานอาหารกลางวันด้วยกัน

"ผมหิวกระหายที่จะเรียนรู้จากผู้คน และผมคิดว่า นี่แหละที่ช่วยให้ผมสามารถคิดทำสิ่งต่างๆ จนก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้ และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้" เขาบอกทิ้งท้ายในที่สุด

 

อ้างอิง: CNBC Make it