สารตะกั่วทำลายสมองเด็ก

สารตะกั่วทำลายสมองเด็ก

"สารตะกั่ว" ภัยร้ายที่อยู่รอบตัวเด็ก อยู่ในสีทาบ้าน ของใช้ ของเล่นเด็ก เมื่อได้รับจะส่งผลเสียต่อร่างกายและสติปัญญา ร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

เป็นภัยใกล้ตัวอีกอย่างที่หลายคนอาจมองข้าม สำหรับพิษสารตะกั่วที่มากับสีทาบ้าน ของใช้และของเล่นเด็ก นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงสารตะกั่วที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะเด็กเล็กว่า เนื่องจากเด็กจะดูดซึมสารตะกั่วจากทางเดินอาหารได้ถึงร้อยละ 50 ในขณะที่ผู้ใหญ่ดูดซึมได้เพียงร้อยละ 10-15 ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ประกอบกับพฤติกรรมของเด็กที่ชอบเล่นตามพื้นดิน ไม่ล้างมือ ดูดนิ้วหรือหยิบของเข้าปาก ทำให้มีโอกาสได้รับพิษตะกั่วมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า

ทั้งนี้เมื่อเด็กได้รับสารพิษจากตะกั่วเข้าไปแล้วจะส่งผลเสียอย่างชัดเจนต่อร่างกายและระดับสติปัญญา โดยเฉพาะสมองที่กำลังพัฒนาจะไม่สามารถกลับคืนเป็นปกติได้ทำให้ ไอคิวต่ำ และถ้าได้รับในปริมาณสูงจะมีผลต่อสมอง ตับ และไต ทำให้มีอาการซีด ชัก และเสียชีวิต นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ที่สัมผัสสารตะกั่วมีความเสี่ยงสูงที่จะแท้ง คลอดก่อนกำหนด หรือลูกมีน้ำหนักตัวน้อย

หนึ่งในแหล่งสารตะกั่วใกล้ตัวเด็กคือ สารตะกั่วในสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีที่นำมาทาอาคารภายใน เครื่องเล่น ของเล่นเด็ก ตลอดจนของใช้ของเด็ก เมื่อสีมีการหลุดร่อนจะมีการปนเปื้อนผงฝุ่นตะกั่วร่วมด้วย และหากเด็กสัมผัสผงฝุ่นเหล่านั้นหรือหายใจเข้าไปจะได้รับสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นข้อแนะนำในการดูแลเด็กให้ห่างไกลพิษสารตะกั่วเบื้องต้นคือ เลือกใช้สีน้ำทาภายในตัวบ้านแทนการใช้สีน้ำมัน สีที่ใช้ควรมีปริมาณตะกั่วไม่เกิน 90 - 100 ppm ดูแลไม่ให้เด็กเล่นเครื่องเล่น/ของเล่นที่สีหลุดร่อน ล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงอาหารและก่อนรับประทานอาหาร ตลอดจนดูแลให้เด็กได้รับสารอาหารครบหมวดหมู่ โดยเฉพาะผักใบเขียวและผลไม้ นมสด ปลาเล็กปลาน้อย เนื้อแดง เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารตะกั่วได้น้อยลง

ขณะนี้กรมการแพทย์โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้วางแผนการดำเนินงานร่วมกับกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย ทำการสำรวจสถานการณ์การสัมผัสสารตะกั่วในเด็กเล็กอายุ 9 - 24 เดือน ที่อาศัยอยู่ในบ้านจากทุกภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การศึกษาปัญหาของสารตะกั่วในสีทาบ้านที่มีผลต่อสุขภาพเด็ก คาดว่าจะเริ่มทำการสำรวจในเดือนธันวาคม 2556 - กุมภาพันธ์ 2557