สวรรค์ในบึง...ทะเลน้อย
ทะเลน้อยที่ผมว่านี่ใครจะเชื่อว่า ที่แท้ก็คือส่วนเดียวกันกับทะเลสาบสงขลานี่เอง
แต่มันแยกเป็นส่วนๆ เหมือนไส้กรอกอีสาน 3 ท่อนที่มีจุดคอดกิ่วมาเชื่อมต่อกัน ทะเลน้อยนี่อยู่ข้างในสุด รับน้ำจืดจากเทือกเขาบรรทัด ไหลมารวมเป็นแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ พอออกไปถึงที่มีสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สะพานนี้เชื่อมบ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน ทางพัทลุง กับบ้านหัวปลา ของ อ.ระโนด สงขลา (ท่านผู้อ่านที่เอารถยนต์ไป ลองขับข้ามไปครับ เขามีจุดชมวิวบนสะพานด้วย จะเห็นทะเลน้อยจากบนที่สูง สวยเชียวแหละ)
ถ้านั่งเรือออกมาถึงตรงนี้ จะมีคลื่นลมบ้างแล้ว เขาเรียก ทะเลหลวง ระหว่างทะเลหลวงจะมีคลองเล็กๆ เชื่อมต่อไปจนออกทะเลสาบสงขลา ไปเกาะยออะไรโน่นได้ ใช้กูเกิลเอิร์ธดูที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวทำให้เข้าใจขึ้นมากครับ
ทะเลน้อย ถ้าคนไม่เคยไปคงคิดว่าไปยาก แต่ได้ไปสักครั้งจะง่ายมาก คนไม่มีรถส่วนตัวให้ลงรถไฟรถทัวร์ที่ตัวเมืองพัทลุง (แต่มารถทัวร์ลงแค่แยกควนขนุนก็พอไม่ต้องเข้าในเมือง) จะมีสองแถวจากตัวเมืองพัทลุงมาควนขนุน เข้าทะเลน้อยวันละหลายเที่ยว ระยะทางจากตัวเมือง 20 กว่ากิโลเมตร ค่ารถ 20-30 บาท (ผมจำไม่ได้) หรือถ้าเอารถส่วนตัวมาก็ใช้ทางหลวงสายใต้ หมายเลข 41 พอถึงแยกควนขนุน (ตรงข้ามเข้าทะเลน้อย จะเป็นทางไปอุทยานฯเขาปู่เขาย่า) ถ้ามาจากทางนครฯก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปจนสุดทาง จะไปถึงหน้าเขตห้ามล่าฯทะเลน้อยพอดี
ไปถึงแล้วท่านผู้อ่านจะพักค้างสักคืนก็ได้ ที่พักของเอกชนเยอะแยะ ส่วนที่พักของเขตฯทะเลน้อยเขาก็มี เป็นเหมือนเรือนแถวบนน้ำ เชื่อมต่อๆ กัน แต่มักไม่ค่อยว่าง (ค่าที่พักแล้วแต่เราบริจาคด้วยนะ ไม่ได้กำหนดอัตราไว้) หรือจะเอาเต็นท์ไปขอเขตห้ามล่าฯ ทะเลน้อยเขากางนอนก็ได้ ประหยัดดี ร้านอาหารการกินไม่มีอด เยอะไปหมด แต่ถ้าไปแล้ว ผมแนะนำให้ค้างครับ อย่ารีบร้อนกลับ
ที่อุดรฯ เขามีทะเลบัวที่กุมภวาปี ที่พัทลุงนี่มีทะเลน้อย บรรยากาศต่างกันครับ ที่กุมภวาปีมันก็เป็นทะเลบัวจริงๆ คือเห็นแต่บัวละลานตาเป็นพรืดไปหมดสวยงามสมเป็นทะเลบัว แต่ทะเลน้อย ผมว่าที่นี่คือสวรรค์....ไม่ใช่เฉพาะคน แต่เป็นของบรรดานกน้ำทั้งหลายด้วย เพราะที่นี่ไม่ได้มีบัวอย่างเดียว ในบึงมีกอสวะ ต้นเฟื้อ(ธูปจีน) ป่ากก กออ้อ กอแขม ดงบัว สาหร่ายน้ำ ต้นไม้ใหญ่กลางน้ำ เกาะเล็กๆ (ไม่มีวัดอยู่บนเกาะ) สภาพแบบนี้บรรดานกน้ำเลยชอบ เพราะมันหลากหลาย ไม่ได้มีแค่พืชชนิดเดียว แต่มีที่หลบภัย มีที่วางไข่
เวลาเราไปเที่ยวทะเลบัวที่อุดรเราจึงเห็นแต่บัว นกน้ำจะไม่ค่อยมี (นกอีแอ่นเยอะหน่อย) แต่ที่ทะเลน้อย นกน้ำสารพัด อีโก้ง นกพริก อีลุ้ม อีล้ำ เป็ดแดง เป็ดผี เหยี่ยวแดง นกกาน้ำ กระสาคอแดง บางปีเห็นนกงูหรืออ้ายงั่วด้วย นี่ยังไม่ต้องนับนกยางหลายชนิดเยอะมาก เยอะชนิดที่ว่านั่งเรือเฉียดเข้าไปใกล้ๆ ยังเดินกันเฉยไม่หนีเลย ผมเคยไปนอนที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เป็นบ้านพักบนน้ำเหมือนที่เขตฯทะเลน้อยนี่แหละ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เปิดหน้าต่าง ลมทุ่งพัดฉุยๆ
เช้าตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงจิ๊บๆ ชะโงกไปดู ปรากฏว่าเป็นครอบครัวเป็ดแดง เพิ่งออกมาจากพงหญ้า ออกมาไซ้ขน อาบแดด แต่งตัวกันเตรียมออกหากิน ใกล้ๆ กันก็เห็นนกอีโก้งค่อยๆ เดินออกมาจากพงหญ้า เดินโชว์ก้นสีขาวให้ดูซะอย่างนั้น ผมก็เลยถึงบางอ้อว่า นกน้ำที่นี่บางชนิดมันอาศัยนอนตามพงหญ้าริมบึงนี่เอง นี่คือภาพชีวิตของทะเลน้อยที่ใครไปใครก็เห็น
ที่นี่จุดขายจึงเป็นทั้งทะเลบัวและนกน้ำ บัวไม่ได้มีบัวแดง(บัวสาย) อย่างเดียว แต่มีบัวหลวงบัวบาขึ้นปนด้วย บัวที่ทะเลน้อยจะบานช้ากว่าที่อุดร อุดรเขาบานช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ แต่ที่ทะเลน้อยจะบานตั้งแต่ปลายกุมภา เรื่อยไปจนถึงกลางๆ พฤษภาคม บางปีก็มีคลาดเคลื่อน แต่ถ้าไปช่วงสงกรานต์ไม่มีผิดหวัง เพียงแต่ช่วงสงกรานต์คนมากหน่อย
ที่ผมบอกอยากให้ค้างคืนเพราะว่าที่นี่ไม่ใช่แค่มีบัวให้ดู แต่มันมีกิจกรรม คือระหว่างที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ห่างกันราว 2 กม. จะเป็นที่ตั้งของศูนย์ศึกษาธรรมชาติทะเลน้อย ระหว่างสองที่นี้เราก็เดินเล่นเลียบริมน้ำ หรือจะขี่จักรยานก็ได้ ที่เขตห้ามล่าฯ เขามีหมู่ศาลาที่ตั้งอยู่เหนือน้ำเชื่อมด้วยสะพานไม้เดินไปได้ จากบนสะพานเราก็ดูนกน้ำหลากชนิดหากินแบบไม่ตื่นคน ถ่ายรูปได้คุ้ม แล้วทางเดินก็จะเชื่อมกับบ้านพักที่ปลูกสร้างเหนือน้ำเช่นกัน ส่วนที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติก็ไม่ต่างกัน ทั้งบ้านพักและที่ทำการเขาก็สร้างเหนือน้ำ แต่ที่นี่มีหอสูงให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของทะเลน้อยได้ด้วย
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกก็สวย พระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่อยากให้พลาด ยิ่งตอนกลางคืน ถ้าเดือนหงายจะเห็นพระจันทร์อีกดวงอยู่บนน้ำ แต่ถ้าเดือนมืด ที่ทะเลน้อยคือจุดที่ถ่ายดาวหรือดูดาวได้ดีมาก เพราะไม่มีแสงรบกวน ขอบฟ้าด้านล่างไม่มีสิ่งบดบัง เพราะแบบนี้ ผมถึงอยากให้ท่านผู้อ่านค้างคืนให้ได้
ส่วนการล่องเรือนั้นส่วนใหญ่คนจะตื่นไปดูแต่เช้ามืด แต่ถ้าท่านเป็นคนถ่ายรูป ไม่จำเป็นต้องไปแต่เช้ามืดครับ ออกสัก 7 โมงเช้าก็ได้ แสงกำลังน่าถ่ายรูป แต่ก็จะร้อนหน่อย เพราะเรือที่พาเรานั่งล่องทะเลน้อย เป็นเรือหาปลาธรรมดาไม่ใช่เรือเพื่อการท่องเที่ยวแบบที่อุดร เขาไม่มีหลังคา นั่งได้ไม่เกิน 7 คน จะมีเป็นวงรอบเล็ก-วงรอบใหญ่ (รอบเล็ก 450 บ. รอบใหญ่ 700 บาท ใช้เวลาราว 2 ชม.) แต่จะรอบไหนเขาก็พาออกไปถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติ พาไปดูควายน้ำทั้งนั้น ระหว่างทางไม่มีเบื่อ เพราะอย่างที่บอกว่ามันไม่ได้มีแต่บัว แต่มีนก มีโน่นนี่นั่นให้ดูตลอด ที่ต้องทนหน่อยก็แดดนี่แหละ ใครมาที่นี่จึงต้องห่อตัวมาให้ดี ทั้งหมวก เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว แค่นี้ก็ลุยทะเลน้อยได้สบายๆ
ปี 58 นี้บัวที่ทะเลน้อยบานช้า แต่พอบานก็สวยงามสมใจรอ สวยจนผมทนเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ต้องมาบอกท่านผู้อ่านให้ไปซึมซับความงามของเมืองไทยของเราด้วยกัน เสียดายว่ามาบอกช้าไปเลยช่วงสงกรานต์มาแล้ว แต่ก็ยังพอมีเวลาครับ ถ้าปีนี้ไม่ทันก็เล็งไว้ปีหน้าได้เลย
จะเห็นว่าเมืองไทยของเรา กลาง-เหนือ-ใต้-ออก-ตก มีอะไรให้ดูมากมาย อย่ามัวแต่ไปสนใจเมืองนอกจนลืมบ้านเรา เดี๋ยวจะรู้จักบ้านเมืองอื่นมากกว่าบ้านเมืองของตน สำหรับคนคลั่งทะเลบัวอย่างผม ที่อุดรโรยแล้ว แต่ทะเลน้อยพัทลุงกำลังบานสะพรั่ง
มีเวลาให้คลั่งได้อีกนาน...