'มะริด' ไข่มุกอันดามันแห่ง 'เมียนมาร์'

'มะริด' ไข่มุกอันดามันแห่ง 'เมียนมาร์'

หมู่เกาะมะริด หรือ Mergui Archipelago ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมียนมาร์กำลังจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ

หลังจากที่ทางการเมียนมาร์มีแผนจะเปิดให้สร้างโรงแรมและรีสอร์ทราว 30 แห่งรวมถึงคาสิโนด้วย


หมู่เกาะอันเงียบสงบแห่งนี้ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ประกอบด้วยหมู่เกาะเล็กใหญ่กว่า 800 เกาะ มีหาดทรายสีขาวละเอียด น้ำทะเลที่ใสราวกระจกและยังมีความอุดมสมบูรณ์ของสภาพใต้น้ำอยู่มาก ตอนนี้เป็นแหล่งอาศัยของชาวมอแกนกว่า 2,000 ชีวิตที่หาเลี้ยงตัวเองจากการจับปลาในทะเล


“หมู่เกาะมะริดมีศักยภาพสูงที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะเกาะส่วนใหญ่ยังมีความสมบูรณ์ เงียบสงบและยังมีแนวปะการังด้วย” จาย จ่อ โอน รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมกล่าว


“เราหวังว่าคุณลักษณะเหล่านั้นจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และนักดำน้ำให้มาเที่ยวที่นี่ และเรายังหวังว่าคณะกรรมการการลงทุนเมียนมาร์จะอนุญาตให้บริษัททั้ง 27 แห่งสร้างโรงแรมและรีสอร์ทได้ภายในสิ้นปีนี้" เขากล่าว


จ่อ โอน กล่าวว่า มีบริษัทร่วมทุน 2 แห่งได้รับอนุมัติให้สร้างรีสอร์ทบนหมู่เกาะมะริดเรียบร้อยแล้ว


หนังสือพิมพ์เมียนมาร์ ไทมส์รายงานว่า บริษัท Zochwell Group Pte Ltd ของสิงคโปร์กำลังจะลงนามเซ็นสัญญาในโครงการพัฒนาพื้นที่บนเกาะมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 4 หมื่นล้านบาทซึ่งจะมีบ่อนคาสิโนอยู่ด้วย


แอนดรูว์ ตัน กรรมการผู้จัดการบริษัท Consult-Myanmar ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ชาวต่างชาติที่สนใจลงทุนในเมียนมาร์บอกว่า หมู่เกาะมะริดจะกลายเป็นเกาะภูเก็ตแห่งภาคตะวันออกแห่งใหม่ในอีก 10 ปีข้างหน้า


เขาบอกว่า ชายหาดของหมู่เกาะมะริดจะกลายเป็นชายหาดแห่งใหม่ เป็นสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำ การล่องเรือและแหล่งดำน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีวิสัยทัศน์และเบื่อความแออัดของผู้คนและความสกปรกของชายหาดในประเทศไทย


"เรากำลังพูดถึงเกาะที่เงียบสงบมากกว่า 800 เกาะและชายหาดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้ระยะเวลาบินเพียง 1 ชั่วโมงและ 3 ชั่วโมงถ้านั่งเรือข้ามฟากจากภูเก็ต เรากำลังพูดถึงประเทศที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่เพิ่งจะเปิดประเทศเมื่อเร็วๆ นี้หลังจากที่ถูกปิดประเทศมากว่า 50 ปี และเพิ่งจะตระหนักว่าพวกเขามีชายหาดและจุดดำน้ำที่มากกว่า สวยงามกว่าและบริสุทธิ์กว่าของไทย” แอนดรูว์กล่าว


เขากล่าวเสริมว่า รัฐบาลเมียนมาร์มีความระมัดระวังมากในการอนุมัติให้พัฒนาพื้นที่โดยมีหลักการว่าการพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดจะต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ และต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของท้องถิ่นในแง่ของการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและการสร้างงานอย่างยั่งยืน


หากแผนการสร้างโรงแรมครั้งนี้เดินหน้าต่อไป ทุกคนก็หวังว่าหมู่เกาะมะริดจะช่วยดึงดูดนักดำน้ำ นักท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และนักท่องเที่ยวปกติที่นิยมมาเที่ยวรีสอร์ททางใต้ของไทย


แต่ทางการไม่แน่ใจว่าการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวบนเกาะจะส่งผลกระทบอย่างไรกับชาวเลกว่า 2,000 คนที่เรียกหมู่เกาะมะริดว่าเป็นบ้านของพวกเขา


ชาวเมียนมาร์เรียกชาวเลเผ่านี้ว่า Salons หรือเซลังหรือฉลาง เชื่อกันว่าชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาประมาณ 4,000 ปีหลังจากที่อพยพมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน


ชาวเลเผ่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตบนทะเล โดยหลายคนใช้ฉมวกจับปลากินเป็นอาหาร หลายคนยังได้เรียนรู้วิธีการดำน้ำจับปลา หาไข่มุกและปลิงทะเลจากคนหนุ่มสาว นักดำน้ำที่เก่งที่สุดยังสามารถใช้เวลาอยู่ใต้น้ำที่ระดับความลึก 65 ฟุตเป็นเวลาหลายนาที


ตั้งแต่ปี 1996 เมียนมาร์อนุญาตให้ชาวต่างชาติขึ้นไปเที่ยวชมหมู่เกาะมะริดและดูความเป็นอยู่ของชาวเล แต่มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มากนักที่ให้ความสนใจ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมระบุว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจำนวน 2,612 คนเดินทางไปเที่ยวที่นั่น มีการคาดการณ์ว่าถ้าโครงการสร้างโรงแรมได้รับไฟเขียวจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มมากขึ้น


แต่ก็ไม่ใช่ว่ากลุ่มรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมทุกกลุ่มจะสนับสนุนโครงการนี้


วิน เมียว ทู ประธานองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ชื่อ Ecodev กล่าวเตือนว่า โครงการดังกล่าวจะทำลายความงดงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นถ้าเจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชนที่เข้ามาพัฒนาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ


ออง ซอ วิน อธิบดีกระทรวงการท่องเที่ยวและโรงแรมกล่าวว่า กระทรวงได้ให้คำแนะนำว่าบริษัทพัฒนาเหล่านั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการลงทุนเมียนมาร์ผ่านเขตตะนาวศรี


ซอ วิน บอกว่า ทางกระทรวงได้มีการตรวจสอบแผนการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของบริษัทต่างๆ แล้ว และขณะนี้คณะกรรมการการลงทุนเมียนมาร์กำลังตรวจสอบอีกครั้งก่อนที่จะอนุมัติขั้นสุดท้าย


แม้โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เมียนมาร์หากทางการอนุมัติให้สร้างโรงแรมภายในปีหน้า แต่มันอาจใช้เวลาหลายปีที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข่งขันกับไทยได้


ปัจจุบันนี้ระบบไฟฟ้า น้ำประปาและการระบายน้ำเสียบนเกาะยังไม่ดีหรือบางทีก็ไม่มีเลย ดังนั้น มันจะเป็นสิ่งท้าทายมากว่าทางเมียนมาร์จะยังคงรักษาหมู่เกาะมะริดให้คงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภาวะมลพิษได้หรือไม่หากโครงการสร้างโรงแรมเสร็จสมบูรณ์

..................
ที่มา เว็บไซต์ เดลี่ เมล