Club No Sugar ตำรับอาหารไร้น้ำตาลของชาวคีโตเจนิค
ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารสำหรับผู้ต้องการกินแบบ Ketogenic อย่างเคร่งครัด มีให้เลือกทั้งอาหารไทย อาหารยุโรป อาหารจีน ขนมไทย เบเกอรี่ เครื่องดื่ม แต่อาหารทุกจาน-เครื่องดื่มทุกประเภทปรุงด้วยวัตถุดิบที่ไม่มีน้ำตาลทรายและควบคุมคาร์โบไฮเดรต-โปรตีน
แต่ละคนต่างมีเหตุผลในการเลือกรับประทานอาหารต่างกันไป บางคนเน้นอร่อยมาก่อน...เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง บางคนกินออร์แกนิคเท่านั้น หลายคนเลือกกินมังสวิรัติ บ้างก็ไม่กินเนื้อแดง ฯลฯ แต่ละคนมีความจำเป็นและเหตุผลเป็นของตนเอง
ชาวคีโต หรือผู้เลือกรับประทานอาหารแบบ Ketogenic (คีโตเจนิค) ก็เช่นกัน
คีโตเจนิค เป็นวิธีรับประทานอาหารรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นการกินอาหารให้ได้สัดส่วนของ คาร์โบไฮเดรต 5 เปอร์เซ็นต์, โปรตีน 20 เปอร์เซ็นต์ และ ไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ระบบร่างกายดึง ‘ไขมันสะสม’ ออกมาใช้
“ปกติคนทั่วไปเน้นรับประทานคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ แต่การกินคีโต เราเปลี่ยนไปเน้นไขมันแทน โดยลดคาร์โบไฮเดรตลงให้ต่ำมากๆ จนเหลือโควต้าประมาณ 20 กรัมต่อวัน หรือเฉลี่ยอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน ส่วนสุดท้ายคือไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน และตัดในส่วนการกินแป้งและน้ำตาลออกทั้งหมด” พิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา รองกรรมการผู้จัดการร้านอาหาร Club No Sugar ซึ่งให้บริการเมนูคีโตอย่างเคร่งครัดในประเทศไทย กล่าวกับ @taste
พิพัฒน์ เรืองรองหิรัญญา
คุณพิพัฒน์ อธิบายเบื้องหลัง การลดคาร์โบไฮเดรต ควบคุมโปรตีน และเปลี่ยนมื้ออาหารให้เต็มไปด้วย ‘ไขมัน’ แบบชาวคีโต ไว้ว่า
"พลังงานในตัวที่ร่างกายจะใช้ได้ มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เมื่อเราไม่มีคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานสำรองตัวอื่นแทน...
จริงๆ กระบวนของร่างกายคือ พอเรากินอาหารเข้าไป ร่างกายมีฮอร์โมนชื่อ ‘อินซูลิน’ ผลิตจากตับอ่อน ทำหน้าที่พากลูโคสและสารอาหารตัวอื่นๆ เข้าไปกักเก็บเป็นพลังงาน เช่น เปลี่ยนเป็นไกลโคเจน(Glycogen)อยู่ในกล้ามเนื้อหนึ่งส่วน อยู่ในตับอีกหนึ่งส่วน สองส่วนนี้มีพื้นที่จัดเก็บพลังงานสำรองได้น้อย ส่วนที่เหลือก็เป็นส่วนเกิน สิ่งที่เป็นส่วนเกินจะไปอยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์(Triglyceride) เป็นตัวที่เราต้องกำจัดทิ้ง เพราะไตรกลีเซอไรด์ในไขมันมีพื้นที่ไม่จำกัด เก็บเข้าไปได้เรื่อยๆ ซึ่งทำให้เราอ้วนขึ้นนั่นเอง"
การกินคีโต จึงทำให้ร่างกายปรับเปลี่ยนระบบการเผาผลาญ ให้มาใช้พลังงานส่วนเกินที่เรากักเก็บไว้เป็นไตรกรีเซอไรด์มาใช้ก่อน ไม่ใช่ไขมันที่เราเพิ่งดูดซับเข้าไปจากการรับประทานครั้งใหม่"
ร้านอาหาร Club No Sugar ถนนพระราม 3
การกินคีโตเจนิค เราจะเห็นผลในคนสองแบบ คือ
- คนที่อ้วนอยู่แล้ว จะเห็นผลชัดแน่นอนว่าความอ้วนลดลง
- คนที่ไม่อ้วนมาก แต่มีไขมันส่วนเกินตามส่วนต่างๆ เ่ช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าทอ้อง ตัวเล็กพุงโต จะเห็นสัดส่วนเริ่มลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่คนน้ำหนัก 40-50 กิโลกรัม การรับประทานอาหารแบบคีโตเจนิค ทำให้สัดส่วนกระชับขึ้น
อย่างไรก็ตาม การรับประทานไขมัน 75% ยังมีรายละเอียดที่ต้องเลือกรับประทานเช่นกัน
คุณพิพัฒน์ อธิบายว่า ในจำนวนไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์ที่ชาวคีโตต้องบริโภคต่อวัน ประกอบด้วยไขมัน 3 ชนิด คือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว(Monounsaturated fat) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน(Polyunstaurated fat) และ ไขมันอิ่มตัว(Saturated fat) แต่ละชนิดล้วนเป็นไขมันดีต่อร่างกาย
หากเทียบสัดส่วนการกิน ‘ไขมัน 75 เปอร์เซ็นต์’ เป็นอัตราส่วน 100 เปอร์เซ็นต์ ชาวคีโตต้องกินไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 50 เปอร์เซ็นต์/วัน ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 20 เปอร์เซ็นต์/วัน และไขมันอิ่มตัวอีก 30 เปอร์เซ็นต์/วัน
"ไขมันอิ่มตัว มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทุกประเภท กะทิ น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว ในมื้อปกติต่อวันได้รับอยู่แล้ว เต็ม 30 เปอร์เซ็นต์ง่าย...
ส่วนต่อมาที่คนกินคีโตต้องเคร่ง คือส่วนของโมโน(ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) เพราะค่อนข้างหาได้ลำบาก มักอยู่ในรูปแบบของน้ำมันมะกอก น้ำมันอาโวคาโต ถั่วเมล็ดเดี่ยวเปลือกแข็ง(อัลมอนต์ พิสตาชิโอ แมคคาเดเมีย) เช่น น้ำมันมะกอกประมาณว่าต้องกิน 5-6 ช้อนโต๊ะ/วัน บางคนจึงใส่น้ำมันมะกอกลงในกาแฟ ถ้าไม่ใช้น้ำมันมะกอก ก็มีน้ำมันมะพร้าวสกัดโมเลกุลสั้น (MCT oil) เราเอาไว้ใช้เพื่อให้พลังงานตั้งแต่มื้อเช้า ปกติคนกินคีโ่ตคือกินไขมัน แต่ไขมันย่อยสลายช้า เราดูดซึมได้ช้า พลังงานไม่เพียงพอในช่วงแรกที่กิน เราจึงต้องการไขมันโมเลกุลสั้น ดูดซึมได้เร็ว ปกติใช้เป็นเมนูกาแฟตอนเช้า เรียกกันว่า ‘บีพีซี’ หรือ Bulletproof Coffee(บูลเล็ตพรู้ฟ คอฟฟี่) สิ่งที่ให้คือพลังงานจากไขมันที่เราใส่เข้าไป บางคนใส่น้ำมันมะพร้าว เนย เมนูต่างประเทศก็ใช้ชื่อนี้...
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เราไม่ค่อยซีเรียส เพราะมีอยู่ในอาหารทุกประเภทเหมือนกัน แต่จะมีอยู่ในอาหารที่มี ‘โอเมก้าสาม’ มาก เช่น ปลาแซลมอน"
เครื่องดื่มปลอดน้ำตาลทราย : ชาไทยแมคคาเดเมียบัตเตอร์, กาแฟดำคาราเมลหล่อฮั้งก้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่ชาวคีโตตัวจริงต้องเคร่งครัด คือ งดการกินน้ำตาล ไม่กินน้ำตาลโดยตรง ไม่กินแม้แต่อาหาร-เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม
“ชาวคีโตไม่กินน้ำตาล แต่จะทำอย่างไรในเมื่อคนยังต้องการรสหวาน เพราะเป็นปกติของมนุษย์” คุณพิพัฒน์ตอบข้อสงสัยนี้ว่า ชาวคีโตใช้ ‘สารให้ความหวานทดแทน’ ชนิดที่คีโตเจนิคสามารถใช้ได้ คือเป็น สารให้ความหวานทดแทนที่ไม่กระตุ้นอินซูลิน ตามมาตรฐานดัชนีไกลซีมิก (Glycemic Index) หรือค่า จีไอ (GI) ซึ่งมีแค่ 4 ชนิดเท่านั้น คือ สตีเวีย (Stevia) หรือหญ้าหวาน, มั้งค์ฟรุ้ต (Monkfruit)หรือหล่อฮั้งก้วย, อิริทริทอล (Erythriltol) และ อินนูลิน (Inulin)
ค่าจีไอ คือ ค่าที่บอกความสามารถของอาหารที่เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล แล้วถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดขึ้นเร็วมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับน้ำตาลกลูโคส หากเลือกได้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าจีไอต่ำ จะดีต่อสุขภาพมากกว่า
ชาวคีโตใช้ ‘สารให้ความหวานทดแทน’ ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าว ปรุงอาหารและทำของหวานทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ ขึ้นอยู่กับเมนูใดเหมาะสมทีี่จะใช้สารชนิดใด
“นอกจากสารให้ความหวานทดแทน เรายังพบเห็นค่าจีไอต่ำในข้าวชนิดใหม่ กข43 มีค่าจีไอน้อยกว่าข้าวกล้องถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเมนูปกติในร้านที่ไม่ใช่คีโตเจนิค เราก็เสิร์ฟข้าวโลว์จีไอชนิดใหม่นี้เช่นกัน” คุณพิพัฒน์ กล่าว
ข้อควรระวังอีกประการของการควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน หรือประมาณ 20 กรัมต่อวัน คือปกติคาร์โบไฮเดรตไม่ได้มาจาก ‘แป้ง’ เท่านั้น แต่อาหารหลายชนิดมีคาร์โบไฮเดรตแฝงอยู่
ดังนั้น แต่ละรายการอาหารของร้าน Club No Sugar จึงแสดงข้อมูลไว้อย่างชัดเจนถึงจำนวนแคลอรี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน
ตำรับอาหารคีโตของร้าน Club No Sugar มีให้เลือกทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารยุโรป แต่ละตำรับมีรสชาติสมเอกลักษณ์ของอาหารแต่ละชนชาติ ใช้เนื้อสัตว์ตามปกติ เครื่องเทศตามตำรับ เพียงแต่ ‘ไม่ใช้’ ผลิตภัณฑ์นม เครื่องปรุงรสและซอสต่างๆ ที่มีน้ำตาลและผงชูรสเป็นส่วนผสม เนื่องจากนมและผงชูรสเมื่อผ่านการย่อยแล้วจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
ข้าวสวยดอกกะหล่ำ, 16 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 2 กรัม, ไขมัน 0 กรัม, โปรตีน 2 กรัม
เมนูขึ้นชื่อของร้าน อาทิ ข้าวสวยดอกกะหล่ำ (50 บาท) ไม่ใช่ข้าวสวยสายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นดอกกะหล่ำขาวล้วนๆ นึ่งสุกแล้วขูด หน้าตาออกมาเหมือนข้าวสวยมาก และไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวแต่อย่างใด ชาวคีโตทั่วโลกทำข้าวสวยดอกกะหล่ำไว้รับประทานแทนข้าว(ลดการรับคาร์โบไฮเดรต) เป็นจานที่ได้เส้นใยอาหารไปเต็มๆ คนไทยใช้กินคู่ ‘กับข้าว’ ได้ทุกประเภท เช่น แกงเผ็ดเป็ดย่าง(180 บาท) รสชาติจัดจ้านแบบแกงเผ็ดไทย และมีส่วนประกอบของ ‘กะทิ’ เติมเต็มไขมันอิ่มตัว 30 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ
แกงเผ็ดเป็ดย่าง, 404 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม, ไขมัน 32 กรัม, โปรตีน 25 กรัม
ข้าวดอกกะหล่ำผัดเนยกุ้งสด, 330 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม, ไขมัน 21 กรัม, โปรตีน 35 กรัม
คุณพิพัฒน์ยังนำ ‘ข้าวสวยดอกกะหล่ำ’ มาทำเป็น ข้าวดอกกะหล่ำผัดเนยกุ้งสด (160 บาท) หน้าตาและรสชาติเหมือนกินข้าวผัดจริงๆ แต่ไม่มีข้าวเลย มีเพียงดอกกะหล่ำขาวที่ขูดออกมาเหมือนเมล็ดข้าว ผัดกับกระเทียม มะเขือเทศ ไข่ไก่ ปรุงด้วยซีอิ๊วขาวสูตรคีโต คือเป็นซีอิ๊วขาวที่ใช้น้ำตาลอิริทริทอลและไม่มีแป้งหลงเหลืออยู่ในซีอิ๊ว
ท้องปลาแซลมอนย่างเกลือ, 322 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 2 กรัม, ไขมัน 30 กรัม, โปรตีน 9 กรัม
อาหารประเภทสลัดก็มี ท้องปลาแซลมอนย่างเกลือ (180 บาท) ได้ทั้งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจากน้ำมันมะกอกที่ใช้ทำน้ำสลัดซีซาร์โฮมเมด ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจากปลาแซลมอน และเส้นใยอาหารจากผักสลัดออร์แกนิค
สปาเกตตีคาโบนาร่า, 313 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม, ไขมัน 25 กรัม, โปรตีน 18 กรัม
อีกหนึ่งตัวแทนอาหารยุโรป สปาเกตตีคาโบนาร่า (220 บาท) ใช้เส้นบุกแทนเส้นสปาเกตตี วิปปิ้งครีมแท้แทนนมวัว ผัดใส่พาร์เมซานชีสตามตำรับ รสชาติเข้มข้นแบบคาโบนาร่า แต่ครีมซอสไม่ข้นหนักแบบคาโบนาร่าที่ใช้นมวัว กินง่าย, พรีเมียมสเต๊กโนชูการ์ (500 บาท) สเต๊กเนื้อสันส่วนติดมัน(Strip Loin) ดรายเอจ 45 วัน เป็นเนื้อวัวไทยที่เลี้ยงด้วยการให้กินหญ้าจากฟาร์มที่จังหวัดสุรินทร์ ราดเกรวี่ซอส เสิร์ฟกับมอสซาเรลล่าชีสห่อกะหล่ำสับผัดปรุงรส เคียงมากับสลัดผักสด บรอกโคลี กะหล่ำขาว มะเขือเทศ
พรีเมียมสเต๊กโนชูการ์, 412 แคลอรี : คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม, ไขมัน 28 กรัม, โปรตีน 37 กรัม
ไก่สะเต๊ะคีโต
เมนูใหม่ ไก่สะเต๊ะ (250 บาท) ไก่หมักเครื่องเทศ น้ำจิ้มโฮมเมดคัดเลือกส่วนผสมตามหลักคีโตเจนิค ชาวคีโตได้ไขมันอิ่มตัวจากกะทิและเนื้อไก่, ปูม้าผัดพริกเกลือ ผัดคั่วแบบแห้งๆ กับเครื่องสมุนไพรไทย โดยมี ‘อัลมอนด์คั่ว’ เพิ่มความมันและตัดรสเผ็ด
ปูม้าผัดพริกเกลือ
นอกจากอาหารที่ชาวคีโตกินได้อร่อย ขนมหวาน...ทั้งขนมไทยและขนมฝรั่งก็ได้รับการปรับวัตถุดิบให้ถูกหลักกับการกินคีโตเจนิคเช่นกัน
“ขนมหวานทุกเมนูดีต่อสุขภาพ เพราะเราใช้แป้งที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ ความจริงไม่ใช่แป้งที่ทำจากเมล็ดข้าวสาลีด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่เราใช้คือ อัลมอนด์ที่บดจนเป็นผง และมะพร้าวบด ละเอียดจนมีลักษณะเดียวกับแป้ง จึงเรียกติดปากกันว่าแป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว ที่สำคัญเป็นขนมที่ไม่ใช้น้ำตาลทรายเลย” คุณพิพัฒน์ กล่าว
การเปลี่ยนวัตถุดิบทำขนมและเบเกอรีจากแป้งสาลีมาเป็น แป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว และ ไม่ใช้น้ำตาล ของร้าน Club No Sugar อยู่ในความดูแลของเพสตรี้เชฟ 5 คนจากโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต
“เนื้อสัมผัสของตัวขนมต่างจากแป้งสาลีนิดหน่อย ไม่เหนียวหนึบ แต่จะร่วนกว่าเล็กน้อย ขนมบางอย่างเมื่อใช้แป้งสาลีจะมีความหนืด แต่แป้งอัลมอนด์ไม่มีกลูเตน จึงไม่เหนียว ไม่มีความหนืด อบแล้วจะปริแตก ถ้าจะทำขนมปัง ก็คลึงแบบขนมปังไม่ได้ ต้องรอให้คงตัวสักพัก ขนมปังตอนเป็นโด(dough) เราตัดแล้วคลึงกับโต๊ะได้เลย แต่อันนี้คลึงแล้วติดโต๊ะเลย และต้องใช้เวลาอบนานกว่าแป้งปกติสามเท่า ขนมทั่วไปใช้น้ำตาล แต่เราใช้สารทดแทนความหวานแบบคีโต สัดส่วนความหวานที่ได้จึงไม่เหมือนกัน ต้องปรับสูตรใหม่ การตีไข่ปกติจะขึ้นฟู แต่พอเปลี่ยนแป้งแล้วไม่ค่อยฟู ต้องเปลี่ยนเทคนิคการตี ต้องเปลี่ยนสัดส่วน ใช้เวลาลองสูตรไปเรื่อยๆ” จิตติมา สร้อยคำ หัวหน้าเพสตรี้เชฟร้าน Club No Sugar ยกตัวอย่างการปรับสูตรเพื่อทำเบเกอรีแบบคีโตเจนิค
วัตถุดิบสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการทำเบเกอรีคือ เนย ซึ่งคุณพิพิฒน์ไม่ได้ละเลยในการเสาะหาเนยที่จะไม่ผิดหลักการกินคีโต
"เนยบางประเภทที่ผมเห็นในตลาด ใส่ส่วนผสมที่ดี 90% แต่มีส่วนผสมอีก 0.3% หรือ 0.7% เป็นสารให้ความหวานกระตุ้นอินซูลิน เราก็ไม่ใช้“ คุณพิพัฒน์กล่าวและว่า เนยที่ร้านใช้อยู่ตอนนี้เป็นเนยร้อยเปอร์เซ็นต์ดีที่สุดที่หาได้แล้ว ประกอบด้วยไขมัน 86 เปอร์เซ็นต์ น้ำ 14 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับเป็นเนยแท้ร้อยเปอร์เซนต์ ผลิตในไทยจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า ต่างจากเนยเมืองนอกที่ให้วัวกินธัญพืช ซึ่งผู้ผลิตเนยในไทยกำลังจะเปิดตัวสินค้าเร็วๆ นี้
สโคนออริจินอล-สโคนแครนเบอร์รี กับแยมราสพ์เบอร์รี
เบเกอรีที่ร้านขณะนี้มีบริการตั้งแต่ สโคน ทำจากแป้งอัลมอนด์ผสมกับแป้งมะพร้าว เนย วิปปิ้งครีม ออริจินอลชิ้นละ 75 บาท กับสโคนแครนเบอร์รี ชิ้นละ 70 บาท เสิร์ฟกับแยมราสพ์เบอร์รีโฮมเมด, มัฟฟิน แป้งอัลมอนด์ สารให้ความหวานทดแทน ช็อกโกแลตร้อยเปอร์เซ็นต์ เนย ชิ้นละ 75 บาท เสิร์ฟกับ คาราเมลหล่อฮั้งก้วย ที่คุณจิตติมาใช้ความพยายามทำอยู่หลายครั้งกว่าจะสำเร็จ มีให้ซื้อกลับบ้านราคากระปุกละ 180 บาท, บัน (bun) ทำจากแป้งอัลมอนด์ผสมน้ำร้อน ครีม ไข่ขาว เนย ชิ้นละ 60 บาท กินเปล่าๆ ทาแยม หรือซื้อไปทำมินิแฮมเบอร์เกอร์ก็ได้
คีโตบัน, คีโตมัฟฟิน, คาราเมลหล่อฮั้งก้วย
มันช์กิ้น อัลมอนด์ : มะพร้าว, ใบเตย, ช็อกโกแลต
มีแม้กระทั่ง มันช์กิ้น (Munchkin) ขนมเนื้อเค้กก้อนกลมทำจากแป้งอัลมอนด์ มีให้เลือกทั้งรสช็อกโกแลต มะพร้าว และหอมกลิ่นใบเตย ราคาชิ้นละ 40 บาท
บลูเบอร์รี ชีสเค้ก
เลมอน คีโต คัพเค้ก
เครปเค้ก คีโต
ขนมหน้าตาสวยงาม บลูเบอร์รีชีสเค้ก ครีมชีสไร้แป้ง ผสมเนย เจลลาติน บนทาร์ตแป้งอัลมอนด์ ชิ้นละ 155 บาท, เลมอน คีโต คัพเค้ก เนื้อเค้กเลมอนผสมผิวและน้ำเลมอน แป้งอัลมอนด์ เลมอนครีม ชิ้นละ 155 บาท, เครปเค้กคีโต (Crepe cake keto) ทำจากแป้งอัลมอนด์ผสมแป้งมะพร้าว ไข่ไก่ ทอดทีละแผ่นแล้วปาดครีมเรียงซ้อนเป็นชั้นๆ ชิ้นละ 195 บาท
ลูกชุบอาโวคาโด
ขนมไทยหลายชนิดก็ปรับสูตรเป็นคีโตได้โดยใช้แป้งอัลมอนด์แทนถั่วเหลืองกวน อาทิ ครองแครง เม็ดขนุน และ ลูกชุบ (195 บาท/กล่อง 7 ชิ้น) ที่ปั้นเป็นรูปอาโวคาโด สัญลักษณ์กลายๆ ของกลุ่มคีโตเจนิค เนื่องจากเป็นผลไม้ที่อุดมด้วย ‘ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว’ ที่ชาวคีโตต้องการ
ร้านอาหาร Club No Sugar ยังมีส่วนที่เป็น ซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าคีโตเจนิคร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งประเภทของแห้ง ของสด อาหารแช่แข็ง สินค้าพร้อมรับประทาน สินค้าแช่แข็งสำหรับนำติดตัวเมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัด สินค้าโฮมเมดแบรนด์ต่างๆ และที่ร้านผลิตเอง
“เรามีน้ำมันปรุงอาหาร แบรนด์ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว เช่น น้ำมันอาโวคาโด เรามีซอสผลิตเองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากลูกค้าเรียกร้องอยากได้น้ำปรุงรสต่างๆ ไปทำอาหารกินเองที่บ้าน น้ำมันหอยของเราไม่ม่ีแป้ง เป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่ง ซีซาร์สลัด น้ำจิ้มสุกี้ เย็นตาโฟ ซอสกะเพรา น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มทุกตัวเราคิดสูตรและปรับปรุงรสชาติให้ใกล้เคียงรสชาติคนทั่วไปชอบ เรามีแป้งมะพร้าว แป้งอัลมอนด์ น้ำตาลอิริทริทอล หญ้าหวาน สารให้ความหนืดใช้แทนแป้งมัน สำหรับทำราดหน้า มีไฟเบอร์ใช้แทนแป้งชุบทอดกรอบ ไส้กรอกคีโตรมควัน ไส้อั่ว-ลูกชิ้น(หมู ไก่ ปลา เนื้อ ไร้แป้งไร้น้ำตาล) ได้จากซัพพลายเออร์ที่เป็นเพื่อนๆ กัน มีน้ำพริกกากหมู กล้วยดิบป่นชงน้ำดื่ม หมูยอ เนื้อวัว ผักสดออร์แกนิค เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อมๆ สำหรับซื้อกลับไปทำอาหารคีโตกินเองที่บ้านได้” คุณพิพัฒน์ ยกตัวอย่างสินค้าที่มีจำหน่ายในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต
หากสนใจการกินแบบคีโตเจนิค ร้านอาหาร Club No Sugar จัดกิจกรรมให้ความรู้-สอนวิธีกินแบบคีโต คำนวณสัดส่วนอาหาร เดือนละ 1 ครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดตามวันจัดกิจกรรมได้ที่ facebook/club no sugar และหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiketopal.com
แต่ละคนเลือกรับประทาอาหารด้วยเหตุผลต่างกันไป
ร้านอาหาร Club No Sugar ตั้งอยู่ที่ ถ.พระราม 3 บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ (เลยพระราม 3 ซอย 39 ประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ติดริมถนน มีที่จอดรถภายในร้าน) เปิดบริการทุกวัน 11.00-22.00 น. (เฉพาะโซนห้องอาหารปิด 24.00 น.) สำรองที่นั่งโทร.06 3146 8224 มีบริการ delivery โดยไลน์แมน
#ClubNoSugar #ketogenic #อาหารสุขภาพ
ภาพ : อนันต์ จันทรสูตร์