MIDWAY โปรเจค 20 ปีของ 'โรแลนด์ เอมเมอริช'
โปรเจคมหึมาแอคชั่นจากเรื่องจริงของยุทธการแห่งประวัติศาสตร์ที่ผู้ชมกำลังจะได้ชมกันใน "MIDWAY อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น’ เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของ โรแลนด์ เอมเมอริช ผู้กำกับฟอร์มยักษ์ที่นิยามว่า ‘ถ้าโปรเจคไม่ใหญ่ ไม่ทำ" คงจะเหมาะกับตัวเขามากที่สุด
โปรเจคมหึมาแอคชั่นจากเรื่องจริงของยุทธการแห่งประวัติศาสตร์ที่ผู้ชมกำลังจะได้ชมกันใน 'MIDWAY อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น' เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของ โรแลนด์ เอมเมอริช ผู้กำกับฟอร์มยักษ์ที่นิยามว่า 'ถ้าโปรเจคไม่ใหญ่ ไม่ทำ' คงจะเหมาะกับตัวเขามากที่สุด
ด้วยเครดิตผลงานระดับบล็อคบัสเตอร์ที่คอหนังต่างคุ้นเคยอย่าง Independence Day, The Day After Tomorrow และ 2012 ที่สร้างขนบความมันและความน่าตื่นตาตื่นใจของงานสร้างมาผสมผสานกันอย่างลงตัว
MIDWAY เป็นโปรเจคในฝันที่เอมเมอริชรอคอยให้เกิดเป็นภาพยนตร์ภายใต้การกำกับของเขามานานถึง 20 ปี เขาจึงทุ่มเทตั้งใจแบบครบด้านในการถ่ายทอดความสมจริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด ไปฟังเขาพูดถึงเรื่องนี้กัน
- คุณรู้จักศึกมิดเวย์ครั้งแรกเมื่อไหร่?
เมื่อยี่สิบปีก่อน ผมกำลังถ่าย Godzilla ตอนนั้นผมเริ่มอยากทำอะไรที่ต่างกับสิ่งที่ทำอยู่แบบสุดขั้ว ผมดูงานสารคดีเยอะเลยช่วงนั้น และหนึ่งในนั้นคือสารคดี Battle of Midway มันโดนใจผมทันที ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้หลายเล่ม ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี ผมไม่เคยลืมเรื่องนี้เลยจนได้พบกับหนุ่มนักเขียนบท เวส ทูค ที่ทำบทเรื่องอื่นให้เราอยู่ ผมถามเขาว่า "คุณอยากเขียนเรื่องอะไร" เขาบอกว่า "มิดเวย์" เราเริ่มคุยกัน เขาอธิบายว่าเกือบทุกคนที่บ้านเขาเป็นทหารเรือเช่นเดียวกันกับผม เขารู้สึกว่าต้องเล่าเรื่องนี้ออกมาให้โลกได้รู้
- อะไรดลใจคุณให้ทำหนังเรื่องนี้ออกมา?
มันเป็นศึกที่น่าสนใจมากเพราะมันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ฝ่ายอเมริกันด้อยกว่า พวกเขาไม่พร้อมรบเท่าฝ่ายญี่ปุ่น สถานการณ์พลิกไปมารวดเร็ว โชคเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ ความกล้าหาญก็สุดยอดไม่แพ้กัน พวกเขาทำทุกอย่างเพื่ออิสรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่บางครั้งพวกเราต้องทำ
- ทำอย่างไรจึงจะถ่ายทอดออกมาได้ลงตัว?
มันยากมากทีเดียว เพราะทุกสิ่งจากยุคนั้นไม่เหลือแล้ว เราต้องสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด เราหาข้อมูลกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นฉาก หรือใช้คอมพิวเตอร์ปั้นขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องถ่ายทำในน้ำ สร้างปัญหาให้เราได้พอสมควรเลย ยังมีระเบิดอีก ซึ่งเล่นเอาปวดหัว คุณต้องจำลองการปะทะกันในครั้งนั้น ซึ่งไม่เคยมีใครเคยเห็น สิ่งเดียวที่เรามีคือฟุตเทจจากป้อมปืนเครื่องบินรบ แค่นี้ก็จินตนาการได้ว่ามันโหดขนาดไหน
- คุณมีวิธีให้ผู้ชมอินไปกับสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องเผชิญอย่างไร?
คุณต้องเกาะติดตัวละคร แสดงให้เห็นว่าเขาต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง เช่นเหล่านักบินทิ้งระเบิดที่ต้องทิ้งดิ่ง 90 องศาเพื่อทิ้งระเบิดลงบนเรือ ขณะที่ข้าศึกยิงปืนกลใส่ แล้วยังมีพลุระเบิดที่สร้างควันดำบดบังทัศนวิสัย ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังต้องดิ่งลงไปโดยไม่ให้เครื่องตก
เราเลือกนักบินสองสามคนที่มีบุคลิกเฉพาะตัว ดิค เบสต์ เป็นหนึ่งในสองคนที่จมเรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นสองลำในวันเดียว คุณต้องหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้พวกเขากล้าทำแบบนั้น ผมคิดว่าพวกเขามีความระห่ำในตัว มีแนวคิดว่า "ยอมตายก็ได้ ขอให้ภารกิจสำเร็จ"
- คุณเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครหลายตัวอย่างไร?
เล่าเราผ่านสามมุมมอง ฝั่งญี่ปุ่น หน่วยข่าวกรองของกองทัพเรือและแม่ทัพที่กุมชะตาศึกนี้ ทีมนักบินบนเรือเอนเตอร์ไพรซ์ นั่นคือเส้นเรื่องทั้งสามของเรา มันจำเป็นที่คุณต้องเข้าใจเจตนาของฝ่ายญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณจะไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราต้องมีฝ่ายข่าวกรองกองทัพเรือเพราะพวกเขามีบทบาทอย่างมาก และยังต้องมีทหารระดับพลเรือที่เชื่อในตัวพวกเขาด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีคนเชื่อ สุดท้ายคือบรรดานักบินที่ต้องไปทำภารกิจเสี่ยงตาย
- การขับเครื่องบินทิ้งระเบิดมันอันตรายขนาดไหน
ทุกวันนี้เราใช้มิสไซล์ที่มีระบบนำวิธี ไม่ต้องใช้คนคอยนำทางให้ ตอนนั้นถ้าจะทิ้งระเบิดใส่เป้า นักบินทิ้งดิ่งลงใส่เป้าหมายเอง แถมต้องเชิดหัวขึ้นเพื่อทิ้งระเบิดในวินาทีสุดท้ายพอดี มันอันตรายมากเพราะตอนเชิดหัว บางคนถึงขนาดหน้ามืดไปเลยจนเครื่องตกลงน้ำ พูดง่ายๆ ว่าถ้าส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดไป 30 ลำ เข้าเป้า 3 ลูกก็ถือว่าหรูแล้ว และที่ไม่น่าเชื่อคือการทิ้งระเบิดที่ศึกมิดเวย์ เข้าเป้าถึงเจ็ดลูก ผมว่านั่นเป็นสถิติโลกได้เลยนะ
...................
สัมผัสประสบการณ์มันระเบิดทะลุจอ สมจริงราวกับคุณเป็นหนึ่งในทหารผู้กล้า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจุดพลิกแห่งสงครามครั้งประวัติศาสตร์กับ 'MIDWAY อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น' 7 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์