เกียวโตห้าม นักท่องเที่ยวถ่ายรูปที่ถนนในย่านกิออน

ในทุกๆ ปีเกียวโตจะมีนักท่องเที่ยวนับล้านคน แวะเวียนกันเพื่อไปเยี่ยมชมและสัมผัสความเป็นดั้งเดิมและธรรมชาติของเมือง ในขณะเดียวกับญี่ปุ่นเองก็พยายามที่จะทำทุกทางเพื่อบอกเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานการเยี่ยมชมแก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลัง โดยมีการทำอินโฟกราฟิกเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย แต่นั่นก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

นักท่องเที่ยวหลายรายได้มีการบุกรุกเพื่อต้องการที่จะให้ได้ภาพถ่าย ทั้งการสัมผัสตัวเกอิชาหรือไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ให้ถ่ายรูปกับพวกเขา รวมทั้งยังเป็นการทำลายบรรยากาศที่เป็นอยู่ดั้งเดิมของเมือง

และในขณะนี้ย่านกิออน ซึ่งหนึ่งในเขตการปกครองของเกียวโต ที่ขึ้นชื่อมาจากเสน่ห์อันความงดงามตามแบบฉบับญี่ปุ่น ทั้งไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่งดงาม บ้านเรือนสมัยเอโดะ และยังมีโอกาสที่จะได้พบไมโกะใส่ชุดกิโมโนกำลังเดินไปตามถนนอีกด้วย 

ได้เริ่มใช้มาตราการห้ามถ่ายภาพในพื้นที่ส่วนบุคคล ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมนี้ โดยที่ผู้ประกอบการร้านค้า และผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นได้มีการแจกใบปลิวให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อเตือนไม่ให้พวกเขาถ่ายรูปกับเกอิชาหรือไมโกะที่ไม่ต้องการที่จะถ่ายภาพ และขอให้พวกเขาทำกริยาที่เหมาะสมต่อสถานที่ เนื่องด้วยถนนฮานามิโคจิเป็นย่านเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี 

ทางเกียวโตได้มีการเริ่มใช้กล้องวงจรปิดจับตาดูคนที่ฝ่าฝืนกฎ ถ้ามีการทำผิดแล้วพวกเขาอาจจะยังไม่จับทันที แต่ก็จะมีการติดตามตัวได้ในภายหลัง สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีการปรับเป็นจำนวน 10,000 เยน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในเรื่องการบังคับใช้ข้อห้ามนี้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตำรวจ หรืออาสาสมัคร หวังว่าเพียงแค่ว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีในการยับยั้งการถ่ายภาพเหล่านั้น

ส่วนหนึ่งของชาวเน็ตในญี่ปุ่นมีความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “ถ้าคนไม่ดีขึ้นก็เป็นที่กฎหมายแย่ลง” 

“ยิ่งคนเข้าเที่ยวมากเท่าไหร่ คนที่ไม่มีมารยาทก็จะมากขึ้น”  

“ฉันเสียใจด้วยสำหรับคนที่รักในการภาพภาพและเมืองเกียวโต แต่ฉันเห็นด้วยกับการที่จะรักษาบรรยากาศของกิออนไว้”

“ขอบคุณนักท่องเที่ยวบื้อๆ ที่ทำลายที่อาศัยของพวกเรา” 

“แค่ 10,000 เยน คุณก็จะถ่ายภาพได้ทุกที่ที่ต้องการแล้ว” 

แต่อย่างไรก็ดีเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าจะปรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวได้ไหม แต่อย่างที่เห็นได้ชัดคือ เขตกิออนได้พยายามอย่างมากจะรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาเอาไว้ และหวังว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะปรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมในแต่ละประเทศแบบไม่ทำลายวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศนั้น 

ที่มา japantoday