รสชาติแห่งการเดินทาง ณ มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ที่สุดของห้องอาหารที่ชมทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครได้สุด
ที่สุดของความสูง ที่สุดของห้องอาหารที่ชมทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครได้สุดสายตา ต้องยกให้ มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ รบนชั้นที่ 76-77 อาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯที่มีจุดชมวิวบนดาดฟ้าเหนือพื้น 314 เมตร สถิติที่สูงที่ในประเทศไทย
กรุงเทพธุรกิจชวนคุณไปชิมอาหารมื้อกลางวัน พร้อมชมวิวกรุงเทพฯ 360 องศา ณ มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ เดินทางโดยลิฟต์ที่มีความเร็วที่สุดในเมืองไทยขณะนี้
ออกเดินทาง
เช็คอินที่เคาน์เตอร์เฉพาะของมหานคร แบงค็อก สกายบาร์ ที่ ล็อบบี แล้วเดินทางด้วยลิฟต์มัลติมีเดียที่ดึงดูดสายตาด้วยภาพ แสง สี เสียง ทำให้เราแทบไม่รู้สึกถึงความเร็วของลิฟต์ที่กล่าวได้ว่าเร็วที่สุดที่นำส่งเราถึงจุดหมาย คือ ชั้น 76 ภายในเวลาเพียง 50 วินาที
ทันทีที่เดินออกจากลิฟต์ ราวกับเราได้ตัดขาดจากชีวิตอันรีบเร่งของเมืองกรุงเข้ามาสู่ดินแดนที่ไม่เคยพบมาก่อน แน่นอนว่าเต็มไปด้วยอารมณ์ที่น่าค้นหา เริ่มตั้งแต่โถงทางเดินหลังคาโค้งกรุด้วยไม้สีเข้ม ผนังด้านหนึ่งประดับแผนที่กรุงเทพฯขนาดใหญ่มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านเป็นเส้นสีทอง
เส้นโค้งของลำน้ำนี้เป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ทีมนักตกแต่งภายในระดับโลก Tristan Auer แห่ง Wilson Associates’ Paris Atelier นำมาใช้ในการออกแบบเป็นเส้นสายของความพลิ้วไหว ผสานกับแนวคิดหลักที่ต้องการบอกเล่าถึงโลกของนักเดินทางที่รักการผจญภัยอันไม่รู้จบ
ภายในห้องอาหารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โซนภายในอาคารที่บอกเล่าเรื่องราวของการเดินทางผ่านหนังสือโบราณจากฝรั่งเศส เครื่องปั้นดินเผาฝีมือดีจากญี่ปุ่น ไม้แกะสลักจากปาปัวนิวกินี และผลงานศิลปะที่นำมาประดับตกแต่ง โดยเน้นย้ำความพิเศษด้วย หน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดให้เห็นทิวทัศน์กรุงเทพฯมุมสูงได้สุดสายตา
ในขณะที่โซนเอ้าท์ดอร์ดึงดูดด้วยบรรยากาศของป่าดงดิบลอยฟ้า ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ในคอนเซ็ปต์ Oasis in the sky เป็นมุมสบายที่น่าหลงใหลไม่น้อยโดยเฉพาะในช่วงบ่ายคล้อยไปแล้ว อดคิดไม่ได้ว่ายามค่ำคืนหากชมดาวจากตรงนี้จะโรแมนติกแค่ไหน
ส่วนใครที่มองหามุมส่วนตัวมัณฑนากรได้ออกแบบเอสเคป เล้าจน์ เป็นมุมสงบที่หรูหราและมองฟ้ากว้างในอีกมิติ
การเดินทางทำให้เราพบกัน
อารมณ์นักเดินทางที่รักในการค้นหาสิ่งใหม่ได้รับการตอกย้ำจากการนำเสนออาหารของเชฟ Joshua Cameron ผู้มีประสบการณ์ใน Eleven Madison Park ร้านอาหารชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ในนิวยอร์ก
ที่กรุงเทพมหานครเขานำความหลงใหลในค้นหาวัตถุดิบและรสชาติจากสถานที่ต่างๆมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารที่กล่าวได้ว่า เพราะการเดินทางทำให้วัตถุดิบและเทคนิคในการปรุงอาหารตะวันออกและตะวันตกได้มาพบกัน
โดยอาหารมื้อกลางวันเชฟคาเมรอน ออกแบบเป็นเซ็ทเมนู ประกอบไปด้วย อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน
แซลมอนหมักเกลือเสิร์ฟพร้อมสลัดแตงกวาราดด้วยซุปใสปลามะเขือเทศ
สำหรับอาหารเรียกน้ำย่อยมีให้เลือก 3 เมนู ได้แก่ แซลมอนหมักเกลือ เสิร์ฟพร้อมสลัดแตงกวาราดด้วยซุปใสปลามะเขือเทศ เมนูนี้เชื่อว่าคนรักแซลมอนน่าจะถูกใจ เพราะเชฟจะนำแซลมอนสดมาเบิร์นผิวนอกให้พอสุกจัดเรียงเป็นชิ้นสวยงามวางคู่กับแตงกวาฝานชิ้นบาง รสชาติปลาที่หมักเกลือมาพอดีผสมกับซุปใสมีความเข้ากันให้ความสดชื่นดีทีเดียว
สันคอหมูย่างจากจังหวัดน่าน
สลัดธัญพืชน้ำสลัดแคลเพสโตกรีกโยเกิร์ต
สันคอหมูย่างจากจังหวัดน่าน เสิร์ฟพร้อมแตงกวาดอง เทมปุระผัก ซอสแจ่วในรูปแบบเจล สันคอหมูจานนี้นุ่มมาก ซอสแจ่วทำได้เข้มข้นครบรสเผ็ด เปรี้ยว เค็มหวานแบบไทย หากทำออกมาในรูปแบบเจล เห็นหยดเล็กๆอย่างนี้บอกได้เลยว่า จิ๋วแต่แจ๋ว
และ สลัดธัญพืชน้ำสลัดแคลเพสโตกรีกโยเกิร์ต เมนูมังสวิรัติจานนี้เสิร์ฟมาในจานโต รสชาติไม่อาจมองข้ามได้เลย ทั้งน้ำสลัด โยเกิร์ตมีความน่าหลงใหล ยิ่งมาพบกับธัญพืชและผักที่สดใหม่ ยิ่งน่าสนใจ
จานหลักรสเข้มข้น
หลังจากเรียกน้ำย่อยกันแล้ว เชฟคาเมรอนเพิ่มรสชาติของการเดินทางไปกับอาหารของเขาด้วยรสชาติที่เข้มข้นในอาหารจานหลักที่มีให้เลือก 3 เมนู ได้แก่
สันในหมูย่างเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งกระเทียมบดและสลัดกะหล่ำดาว
สันในหมูย่างเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งกระเทียมบดและสลัดกะหล่ำดาว เมนูนี้เชฟเลือกใช้เนื้อสันในหมูจากจังหวัดน่านนำไปซู-วีด ( sous-vide วิธีการทำให้สุกด้วยการนำเนื้อหมูใส่ถุงสุญญากาศ แล้วนำไปผ่านความร้อนในอุปกรณ์ไอน้ำที่อุณหภูมิคงที่จนกว่าจะสุกเพื่อคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อ) แล้วนำไปย่าง เป็นเมนูแบบตะวันตกที่มีความกลมกล่อม เสน่ห์อยู่ตรงความนุ่มและชุ่มฉ่ำของเนื้อที่สุกพอดี
ปลากะพงเสิร์ฟพร้อมสลัดหนังปลากะพงกรอบพร้อมข้าวและน้ำจิ้มสูตรเข้มข้น อาหารไทยเสิร์ฟแบบฝรั่งที่มีรสชาติจัดจ้านแบบไทย แม้ว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดจะมาในรูปแบบซอสข้นคล้ายมายองเนส แต่รสชาติไทยแท้ ปลากะพงดีงามเมื่อเข้าคู่กับข้าว 5 กษัตริย์
ย็อกกีสไตล์ปารีสเสิร์ฟพร้อมรากูเห็ดและพาเมซานชีส ย็อกกีปกติจะทำมาจากมันฝรั่ง แต่เชฟคาเมรอนใช้แป้งมาทำแทน จานนี้นอกจากย็อกกีจะเคี้ยวได้หนึบแล้วรสชาติของรากูเห็ดกับพาเมซานชีสเมื่อคลุกเคล้าไปด้วยกันนั้นเป็นรสเข้มข้น รสจัดทุกคำที่เคี้ยว
ปลากะพงเสิร์ฟพร้อมสลัดหนังปลากะพงกรอบพร้อมข้าวและน้ำจิ้มสูตรเข้มข้น
ย็อกกีสไตล์ปารีสเสิร์ฟพร้อมรากูเห็ดและพาเมซานชีส
กล่าวได้ว่าอาหารของเชฟเด่นด้วยรสชาติที่ชัดเจนและชูวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี
สำหรับเซ็ทเมนูอาหารมื้อกลางวันจะตบท้ายด้วยทาร์ตประจำวัน ได้แก่ ทาร์ตช็อกโกแลต ทาร์ตเลมอน และทาร์ตบลูเบอร์รี่ สลับหมุนเวียนกันไป โดยเสิร์ฟพร้อมชาหรือกาแฟ
ราคาน่าสนใจมาก 850 บาท สำหรับอาหาร 2 คอร์ส และ 1,200 บาท สำหรับอาหาร 3 คอร์ส เป็นราคาสุทธิ ทั้งนี้สามารถขึ้นชมจุดชมวิวมหานครสกายวอล์คบนชั้นดาดฟ้าชั้น 78 ได้ด้วย สำรองที่นั่งล่วงหน้าโทร.0 2677 8722
มื้อค่ำในคืนพิเศษ
สำหรับคริสต์มาสอีฟปีนี้ (24 ธันวาคม 2562) มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ จัดเตรียมเมนูอาหารค่ำ 5 คอร์ส ประกอบไปด้วย เทอร์รีนฟัวกราส์สไตล์ฝรั่งเศส ล็อบสเตอร์อบเนย พาสต้าสอดไส้สันคอหมู เนื้อซี่โครงตุ๋น 48 ชั่วโมง และช็อกโกแลต ให้ฉลองกับคนพิเศษของคุณในราคาคนละ 3,200 บาท (ไม่รวมภาษีและบริการ) ให้บริการ 2 ช่วงเวลา ได้แก่ เวลา 17.00-20.00 น. และ 21.00-01.30 น.
เช้าวันคริสต์มาส (25 ธันวาคม 2562) พบกับ Christmas Brunch เมนูอาหารมื้อสาย 5 คอร์ส ในราคาคนละ 2,900 บาท (ไม่รวมภาษีและบริการ) เวลา 11.00-15.30 น. น. พร้อมเครื่องดื่มฟรีโฟลว์ แบบไม่จำกัด เมื่อชำระเพิ่มเติมคนละ 1,900 บาท (ไม่รวมภาษีและบริการ)
สำรองที่นั่งล่วงหน้าสำหรับอาหารค่ำวันคริสต์มาส “Christmas Eve Dinner” และ “Christmas Brunch” ได้ที่ http://go.eventpop.me/ChristmasEve สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร.0 2677 8722 และ www.facebook.com/MahanakhonBangkokSkyBar
หากคุณรักรสชาติของอาหารและการเดินทาง มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ มีให้คุณได้ค้นพบพร้อมอารมณ์นักผจญภัย
เรื่อง : ปิ่นอนงค์ ปานชื่น
ภาพ : ธนาชัย ประมาณพาณิชย์