เมื่อ "กรุงเคียฟ" ถูกรัสเซียโจมตีหนัก อาจเสี่ยงสูญเสียสถาปัตยกรรมระดับโลก
"กรุงเคียฟ" เมืองหลวงของประเทศยูเครนที่ถูกกองทัพ "รัสเซีย" โจมตีอย่างหนักเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.65) แม้ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะมีการเจรจายุติสงครามรอบที่ 4 แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป หากกรุงเคียฟถูกถล่มต่อเนื่องอาจเสี่ยงสูญเสียสถานที่สำคัญอย่างไม่คาดคิด
สงครามรัสเซียยูเครนไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆ หลายคนคงมีคำถามในใจว่าสงครามนี้จะยุติเมื่อไหร่ หรือจะขยายวงกว้างจนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ยิ่งเกิดเหตุการณ์ที่รัสเซียโจมตียูเครนเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.65) ก็ยิ่งทำให้คิดไปว่าหากรัสเซียโจมตี "กรุงเคียฟ" เมืองหลวงของยูเครนหนักไปกว่านี้ โลกนี้จะสูญเสียมากแค่ไหน ทั้งในแง่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงประวัติศาสตร์และอารยธรรม
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงรุ่งสางของวันอังคารที่ผ่านมา มีรายงานว่ารัสเซียโจมตีเมืองหลวงของยูเครน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งกรุงเคียฟ ส่งผลอาคารที่พักอาศัยหลายหลังได้รับความเสียหาย
โดยเสียงระเบิดดังกล่าวเป็นการโจมตีด้วยปืนใหญ่ เป้าหมายหนึ่งที่ถูกโจมตีคืออาคารหลายชั้นรวม 4 อาคาร และมีผู้เสียชีวิตหลายคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- “กรุงเคียฟ” ประกาศเคอร์ฟิว 35 ชั่วโมง โดน “รัสเซีย” บอมบ์หนัก
- “ยูเครน” กับศิลปินสร้างประติมากรรม “ตัวเม่น” ต้านรถถังรัสเซียบุกเคียฟ
ความรุนแรงนี้ ทำให้ “วิตาลี คลิตช์โก” นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ออกประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวเป็นเวลา 35 ชั่วโมง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันอังคารที่ 15 มีนาคม จนถึงเวลา 07.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหากไม่ได้รับอนุญาต
แม้ตอนนี้ความเสียหายจะตีวงแคบเพียงบางจุด แต่หากสงครามครั้งนี้รุนแรงขึ้น และรัสเซียยังคงปักหมุดถล่ม “กรุงเคียฟ” ต่อเนื่องและขยายวงโจมตีออกไป อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียสถาปัตยกรรมโบราณทางประวัติศาสตร์อันสำคัญระดับโลก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนรู้จักเมืองหลวงแห่งนี้ให้มากขึ้น
กรุงเคียฟเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศยูเครน เป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษา และวัฒนธรรมยุโรปตะวันออกผสมผสานศิลปะโซเวียต อีกทั้งมีสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติเคียฟเป็นหนึ่งในสถานที่แข่งขันหลักของศึกยูโร เมื่อปี 2012 อีกด้วย
เมืองหลวงแห่งนี้มีโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่หลายแห่ง แต่ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญคงหนีไม่พ้นมหาวิหารต่างๆ และอนุสาวรีย์ใจกลางเมือง
1. มหาวิหารหลวงแห่งหมู่ถ้ำพอร์จเชตกาลาฟร่า (Monastery of the Caves)
มหาวิหารหลวงแห่งหมู่ถ้ำ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเคียฟ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ด้วยสถาปัตยกรรมอารามหลวงยุโรปตะวันออกดั้งเดิม ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ.1990 พร้อมกับมหาวิหารเซนต์โซเฟีย Saint-Sophia Cathedral
2. มหาวิหารเซนต์มิคาเอล (St Michael’s Golden-Domed Cathedral)
เป็นหนึ่งในโบสถ์ขนาดใหญ่ของกรุงเคียฟ ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำนีเปอร์ ติดกับทางตะวันออกเฉียงเหนือของวิหารเซนต์โซเฟีย สร้างขึ้นในสมัยยุคกลางโดย “สเวียตอปอลก์ที่ 2” ผู้นำชาวรุสเคียฟในขณะนั้น
ภายในของโบสถ์แห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1713 - 1719 แต่ภายนอกโบสถ์บางส่วนถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1760 ด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกยูเครน
3. จัตุรัสอิสรภาพกลางเมือง (Maidan Nezalezhnosti หรือ Independence Square)
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเคียฟ เป็นย่านธุรกิจและท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเคียฟ จุดเด่นของที่นี่ก็คือรูปปั้นอนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของจัตุรัสนั่นเอง
ถัดมาใกล้ๆ กันคือถนน Khreshchatyk ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญในกรุงเคียฟ เคยถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่สร้างขึ้นใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก เป็นที่ตั้งของสภาเมือง, กระทรวงนโยบายเกษตรกรรม, คณะกรรมการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงแห่งรัฐ, ห้างสรรพสินค้า, ที่ทำการไปรษณีย์
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหายที่มากไปกว่าอาคารสูงหลายหลังดังกล่าวข้างต้น ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาเรียกร้องให้ยุติสงคราม แต่ศึกรัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย
แม้จะมีการเจรจายุติสงครามเป็นรอบที่ 4 แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และไม่กี่วันหลังการเจรจาก็เกิดเหตุการณ์โจมตีกรุงเคียฟ ทำเอาชาวโลกได้แต่สงสัยว่าการเจรจาครั้งต่อไปจะจบลงตรงไหนกันแน่
-----------------------------------------
อ้างอิง : th.wikipedia.org/St. Michael's, mgronline, xinhuathai